นอกจากเตรียมแพ็คกระเป๋าพร้อมออกเดินทางแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ห้ามลืมเลยก็คือ ‘การเช็คยางรถยนต์’ ว่าน้อง ๆ ยังอยู่ในสภาพดีไหม? เพื่อความปลอดภัย และยืดอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น จะได้ไม่ต้องเสียเงินทิ้งให้กับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด แล้วมีวิธีเช็กยางรถยนต์เบื้องต้นอย่างไร? มีจุดไหนที่ต้องตรวจสอบก่อนออกทริป? ไปหาคำตอบกัน!
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
ทำไมถึงต้องเช็คยางรถยนต์ก่อนเดินทางไกล
1. ความปลอดภัย
ความปลอดภัยเป็นเรื่องที่ใครก็ต้องให้ความสำคัญอันดับ 1 หากเกิดความเสียหายของยางรถยนต์ ยกตัวอย่าง ดอกยางสึกหรอหรือมีรอยร้าวก็สามารถทำให้รถเสียการควบคุมได้แล้ว รู้หรือไม่ว่าเพียงจุดเล็ก ๆ ที่เราอาจคิดว่าไม่สำคัญบนยางรถยนต์ ก็สามารถส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในการขับขี่ได้อย่างมากเลยทีเดียว
2. ประหยัดน้ำมัน
การเติมลมยางให้พอดี ก็เปรียบเสมือนช่วยให้ออกซิเจนให้ยางได้หายใจอย่างเต็มที่ หากลมยางอ่อนแรง ทำให้ยางจะหมุนได้ไม่คล่องตัว รถต้องออกแรงช่วย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้รถกินน้ำมันมากขึ้นนั่นเอง เพราะฉะนั้นอย่าลืมเช็คลมยางรถยนต์ก่อนออกเดินทางไกลทุกครั้ง
3. ยืดอายุการใช้งานของยางรถยนต์
เคยสังเกตไหมว่า? ยางแต่ละเส้นจะสึกหรอไม่เท่ากัน แม้จะใช้งานในเวลาเท่ากัน เนื่องจากตำแหน่งที่ติดตั้ง และน้ำหนักที่กระทำต่อล้อ การหมุนยางสลับตำแหน่งจากล้อหนึ่งไปยังอีกล้อหนึ่ง จะช่วยกระจายการสึกหรอของยางให้เท่ากัน และช่วยเพิ่มความสมดุลของรถ ทำให้ยางมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าการตรวจพบปัญหาตั้งแต่เนิ่น ๆ แบบนี้ จะช่วยให้เราสามารถแก้ไขได้ทัน ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมที่มากขึ้นในภายหลัง เช่น การเปลี่ยนยางใหม่ทั้งเส้น
4. เพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่
ยางที่สมบูรณ์แบบ ผ่านการเช็กยางรถยนต์อย่างดี นอกจากจะช่วยเพิ่มความปลอดภัย ประหยัดน้ำมัน และยืดอายุการใช้งาน ดังที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ ยังช่วยให้การขับขี่นุ่มนวล และลดเสียงดังจากการขับขี่ ทำให้การเดินทางในทริปนั้น ๆ มีแต่ความสุข ไม่ต้องมานั่งกังวลเรื่องปัญหาที่อาจเกิดขึ้นตามมาด้วย
วิธีตรวจเช็คยางรถยนต์เบื้องต้นด้วยตัวเอง ถูกต้อง ปลอดภัย!
1. ความดันลมยาง
การเช็คลมยางรถยนต์เป็นเรื่องง่าย ๆ แต่สำคัญมาก หากลมยางไม่เพียงพอหรือมากเกินไป อาจทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาได้ เช่น ยางระเบิด ยางสึกหรอเร็วขึ้น หรือเปลืองน้ำมันมากขึ้น แนะนำให้เติมลมยางด้วยไนโตรเจน เนื่องจากมีการรั่วซึมน้อยกว่าการเติมลมยางแบบทั่วไป
การตรวจสอบลมยางที่ถูกต้อง
- เช็คลมยางขณะเย็น : การที่อุณหภูมิของยางคงที่ จะทำให้ได้ค่าที่ถูกต้องที่สุด
- อ่านค่าความดันลมยาง : ค่าความดันลมยางที่เหมาะสมจะระบุไว้ในคู่มือรถยนต์
- ใช้เครื่องวัดลมยาง : เพื่อให้ได้ค่าที่แม่นยำ
- เติมลมยางให้ได้ค่ามาตรฐาน : ตามค่าความดันที่ระบุไว้
- ตรวจสอบสภาพยาง : วิธีดูยางคือสังเกตรอยร้าว รอยบาด หรือวัตถุแปลกปลอมรอบ ๆ ยาง
ควรเช็คตอนไหนดี? : เดือนละครั้ง / ทุกครั้งก่อนออกเดินทาง
2. ความเสื่อมของดอกยาง
หากดอกยางเสื่อมสภาพจะทำให้ประสิทธิภาพการเบรคบนถนนเปียกลดลง และประสิทธิภาพการรีดน้ำก็จะลดลงตามไป ทำให้มีโอกาสที่รถจะถื่นไถลได้ง่าย
วิธีตรวจสอบความลึกของดอกยาง
- ใช้เหรียญ : ใช้เหรียญบาท หรือวัตถุที่มีความหนา 1.6 มม. (ตามมาตรฐาน) แทรกเข้าไปในร่องดอกยาง หากมองเห็นขอบเหรียญได้ แสดงว่าดอกยางบางเกินไป
- ใช้เครื่องมือวัดดอกยาง : เป็นวิธีที่แม่นยำที่สุด
ควรเช็คตอนไหนดี? : เดือนละครั้ง
3. การตั้งศูนย์
สัญญาณบ่งบอกว่ารถควรตั้งศูนย์ คือ เมื่อปล่อยพวงมาลัย รถจะไม่วิ่งเป็นเส้นตรง รถไม่นิ่งเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง พวงมาลัยสั่นเมื่อเลี้ยวรถ และไม่กลับมาอยู่ตรงกลาง หากพบอาการเหล่านี้ควรรีบนำรถเข้าตรวจเช็คและตั้งศูนย์โดยเร็ว
ควรเช็คตอนไหนดี? : ทุก ๆ 10,000 – 15,000 กิโลเมตร / ทุก 6 เดือนครั้ง
4. การถ่วงล้อ
วิธีเช็กยางรถยนต์ด้วยการถ่วงล้อ คือ การปรับสมดุลของล้อรถยนต์ เพื่อให้ล้อหมุนได้นุ่มและสมบูรณ์แบบ เมื่อรู้สึกว่ารถมีอาการผิดปกติ เช่น พวงมาลัยสั่น ยางสึกหรอไม่สม่ำเสมอ เสียงดังผิดปกติ ควรตรวจเช็คลมยางรถยนต์ควบคู่ไปกับการถ่วงล้อ เพื่อให้มั่นใจว่ายางอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน
ควรเช็คตอนไหนดี? : ทุก ๆ 10,000 – 15,000 กิโลเมตร / ทุก 6 เดือนครั้ง (หากใช้รถหนักให้เข้าตั้งระบบทุก 5,000 กิโลเมตร)
5. จุกลมยาง
ถึงแม้จะเป็นชิ้นส่วนเล็ก ๆ แต่ก็มีความสำคัญต่อการรักษาลมยางให้คงที่ วิธีดูยางเบื้องต้น คือ สังเกตด้วยตาเปล่า ดูว่าจุดไหนมีรอยร้าวหรือมีสนิม พร้อมใช้มือกดที่จุกยางเบา ๆ เพื่อตรวจสอบความแน่นหนา อีกวิธีคือใช้สบู่ฉีดบริเวณรอบ ๆ จุกลมยาง หากมีฟอง แสดงว่ามีจุดรั่ว
ควรเช็คตอนไหนดี? : หลังจากเปลี่ยนยางใหม่ทุกครั้ง
5 ไอเทมที่คนรักรถต้องมี ช่วยดูแลการเช็คยางรถยนต์ให้ง่ายขึ้น!
1. เครื่องวัดลมยางไร้สาย
เครื่องวัดลมยางไร้สายคือตัวช่วยเช็กยางรถยนต์ที่ทำให้การขับรถของเราปลอดภัยขึ้น มันจะคอยบอกเราตลอดเวลาว่า ยางรถของเราสูบลมพอดีหรือเปล่า ถ้าลมยางน้อยไปหรือมากไป มันก็จะส่งสัญญาณแจ้งเตือนเราทันทีว่า ลมยางอ่อนหรือลมรั่ว
- มีแบตในตัว ไม่ต้องต่อสายไฟ
- ชาร์จพลังงานแสงอาทิตย์หรือเสียบสาย USB ก็ได้
- ใช้ได้กับรถทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ
- รับแรงดันสูงสุดได้ 80 PSI
- ราคา 455 บาท
2. คูปองเติมลมยางไนโตรเจนบุฟเฟต์ B-Quik
คุ้มสุด ๆ กับ B-Quik บุฟเฟต์เติมลมยางไนโตรเจน ที่จะคอยช่วยลดอุณหภูมิของยางในยามที่รถวิ่งทำความเร็วสูง ๆ เนื่องจากไนโตรเจนมีสถานะที่ไม่ติดไฟ จึงช่วยลดโอกาสในการระเบิดของยางได้ดีกว่าการเติมลมธรรมดา
- เติมได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ภายใน 6 เดือน
- เติมได้ที่ บี-ควิก ทุกสาขา ไม่จำเป็นต้องเป็นสาขาที่เข้ารับบริการในครั้งแรก
- ราคา 99 บาท
3. ปั๊มลมไฟฟ้า
Car Air Pump หรือ ปั๊มลมไฟฟ้าดิจิตอล ที่เติมลมรถยนต์ ขนาดเล็ก พกพาสะดวก ใช้เติมลมยางได้ทั้งรถจักรยานยนต์ รถยนต์ SUV และรถบรรทุกขนาดเล็ก
- หน้าปัดแสดงผลแบบดิจิตอล LCD แสงสีฟ้า แม่นยำและชัดเจน การตรวจจับแรงดันลมยางแบบเรียลไทม์
- สามารถอัดอากาศเข้าไปในยางได้ปริมาณ 18 ลิตร/นาที
- กำลังไฟ 70W
- ราคา 599 บาท
4. B-Quik แพ็คเกจยางอุ่นใจ
แพ็คเกจรวมบริการดูแลยางรถยนต์ 2 ปีของ B-Quik มีบริการเช็ครถฟรี 30 รายการ ตั้งศูนย์ 2 ครั้ง สลับยาง-ถ่วงล้อ 5 ครั้ง เพื่อให้ยางทุกเส้นมีการสึกของดอกยางเท่ากันสม่ำเสมอ ทำให้ล้อหมุนได้สมดุล ไม่สั่น เพื่อเพิ่มอายุการใช้งาน มาพร้อมบุฟเฟ่ต์เติมลมไนโตรเจน 2 ปี ไม่จำกัดจำนวนครั้ง! คุ้มเกิน!
- ราคา 1,490 บาท
5. บุฟเฟต์เติม/เปลี่ยนลมยางไนโตรเจน 1 ปีที่ COCKPIT
บริการสุดคุ้มจาก COCKPIT บุฟเฟต์เติม/เปลี่ยนลมยางไนโตรเจน 1 ปี ช่วยลดอุณหภูมิของยางในยามที่รถวิ่งทำความเร็วสูง ๆ โดยเฉพาะในรถแข่งและล้อเครื่องบินที่ใช้ลมยางนี้แทบจะทั้งหมด เรื่องเช็กยางรถยนต์ ไว้ใจ COCKPIT ได้เลย!
- บริการเปลี่ยนถ่ายลมยาง 1 ครั้ง เฉพาะครั้งแรกที่มารับสติ๊กเกอร์
- เติมลมยางไนโตรเจนได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ภายใน 1 ปี หลังจากที่ที่ซื้อสติ๊กเกอร์ (เฉพาะสาขาที่เข้าร่วมรายการ)
- ราคา 90 บาท
ลาขาดปัญหาเรื่องยางรถยนต์! นอกจากการเช็คยางรถยนต์เบื้องต้นด้วยตัวเองแล้ว ก็อย่าลืมเข้ารับบริการตรวจสภาพรถประจำปี เพื่อตรวจสอบปัญหาอื่น ๆ ที่เราไม่คาดคิดด้วย ไปตามสาระดี ๆ สำหรับคนรักรถกันต่อได้ที่ อายุการใช้งานยางรถยนต์กี่ปีควรเปลี่ยนใหม่? น้ำมันเครื่องรถยนต์ ควรเปลี่ยนตอนไหนดีสุด? พร้อมแปะขั้นตอนการล้างรถให้สะอาดเหมือนใหม่ ทำตามได้ง่าย ๆ ไม่ง้อคาร์แคร์ และไอเทมสำหรับคนรักรถต้องมี!น้ำยา กันต่อได้เลย