ฤดูร้อนเป็นอะไรที่ทำให้คนไทยลำบากเสมอ เพราะนอกจากอากาศจะร้อนอยู่แล้ว ยังร้อนเป็นพิเศษในหน้าร้อนอยู่หลายเดือน แต่ที่อันตรายยิ่งกว่าคือความร้อนสำหรับสัตว์เลี้ยงตัวน้อยของคุณเพราะเป็นอันตรายได้ถึงชีวิต การทำความเข้าใจถึงอันตรายของฮีทสโตรกในสัตว์เลี้ยงจึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะ ฮีทสโตรก สุนัข และแมวเป็นฮีทสโตรก ได้ สัตว์เลี้ยงสุดฮิตทั้งสองนี้มีความเสี่ยงต่อฮีทสโตรกซึ่งเป็นอันตรายจากความร้อนและเป็นภาวะที่อาจถึงแก่ชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ในคู่มือนี้ เราจะมาดูว่าฮีทสโตรกคืออะไร อาการ คำแนะนำในการป้องกัน และที่สำคัญคือ ฮีทสโตรก สุนัข ปฐมพยาบาลอย่างไร แมวเป็นฮีทสโตรก รักษายังไง ต้องรู้เพื่อสัตว์เลี้ยงแสนรักของคุณ
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
ทำความเข้าใจฮีทสโตรกในสัตว์เลี้ยง
ฮีทสโตรก หรือ โรคลมแดด เกิดขึ้นเมื่ออุณหภูมิร่างกายของสัตว์เลี้ยงสูงขึ้นถึงระดับที่เป็นอันตราย ซึ่งโดยทั่วไปจะสูงกว่า 40°C สุนัขและแมวควบคุมอุณหภูมิร่างกายเป็นหลักโดยการหอบและมีเหงื่อออกเพียงเล็กน้อยผ่านอุ้งเท้า เมื่ออุณหภูมิโดยรอบเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะที่ร้อนและชื้น กลไกการทำความเย็นของพวกมันอาจรับไม่ไหว ร่างกายระบายความร้อนออกข้างนอกไม่ทัน ส่งผลให้เกิดอาการฮีทสโตรกได้
รู้อาการ จับสัญญาณของฮีทสโตรก
Cr. Photo by Anusha Barwa on Unsplash
การทราบสัญญาณของฮีทสโตรกเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการปฐมพยาบาลและพาไปรักษาโดยทันที อาการที่พบบ่อยในสุนัขและแมว ได้แก่
สุนัข:
- หอบมากเกินไป
- แลบลิ้นออกมามากและนานกว่าปกติ
- น้ำลายเหนียว น้ำลายไหล
- หัวใจเต้นเร็ว
- อ่อนแรง
- อาเจียน
- ท้องเสีย
- ในกรณีที่รุนแรงอาจหมดสติหรือชักได้
แมวอาจแสดงอาการคล้ายกัน พร้อมด้วยอาการที่เป็นไปได้เพิ่มเติมคือ
แมว:
- หอบ หายใจแรง
- แลบลิ้นออกมาทั้งที่ปกติไม่ค่อยทำ
- หัวใจเต้นเร็ว
- เซื่องซึม
- กระสับกระส่าย
- เคลื่อนไหวที่เดินโซเซ
- นอนนิ่งเกร็งขาทั้ง 4 ข้าง
- น้ำลายฟูมปาก
- อาเจียนหรือท้องเสียเฉียบพลัน
การป้องกันฮีทสโตรกในสัตว์เลี้ยง
การป้องกันเป็นกุญแจสำคัญในการหลีกเลี่ยงอาการฮีทสโตรก(ภาวะลมแดด)ในสัตว์เลี้ยง ถ้าไม่อยากให้ลูกรักของคุณต้องพบกับอันตรายและการเสี่ยงชีวิตจากอากาศร้อนๆ ให้ทำสิ่งต่อไปนี้
1. จัดเตรียมน้ำให้เพียงพอ
จัดน้ำและเช็คให้แน่ใจว่าสัตว์เลี้ยงของคุณสามารถเข้าถึงน้ำจืดและน้ำเย็นได้เสมอ ถึงคุณจะใช้น้ำพุหรือชามน้ำขนาดใหญ่ก็อย่าลืมเดินมาเช็คบ่อยๆว่าน้ำหมดน้ำขาดหรือเครื่องทำงานปกติดีหรือไม่
2. จำกัดเวลาตากแดด / อยู่กลางแจ้ง
หลีกเลี่ยงการให้น้องโดนแสงแดดเป็นเวลานาน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีความร้อนสูงสุดอย่างช่วง 10 โมงเช้าถึงบ่าย 3 โมง
3. เลี่ยงแดด
สร้างพื้นที่มีร่มเงาในบ้านของคุณ หรือเมื่อออกไปเดินเล่นก็ลองให้้น้องแมวน้องหมานั่งรถเข็นที่คุณเข็นให้ ใส่หมวกแมว หมวกหมา มีร่มเงาบังแดดหรือมีพัดลมเสริมให้เสมอ
4. หลีกเลี่ยงพื้นผิวที่ร้อน
ยางมะตอยและทรายอาจร้อนจัดและเผาอุ้งเท้าของสัตว์เลี้ยงได้ หมาแมวจะรับอุณหภูมิจากอุ้งเท้าอย่างรวดเร็วจึงควรระมัดระวัง ให้น้องหมาน้องแมวใส่รองเท้าเดินข้างนอกที่พื้นร้อน
5. อย่าทิ้งสัตว์เลี้ยงไว้ในรถ
แม้ว่าหน้าต่างจะมีช่องรับอากาศ เปิดหน้าต่างแล้วก็ตาม แต่อุณหภูมิภายในรถก็อาจเพิ่มสูงขึ้นถึงระดับที่เป็นอันตรายได้ภายในไม่กี่นาที ดังนั้นอย่าทิ้งน้องหมาน้องแมวหรือแม้กระทั่งเด็กไว้ในรถที่ดับเครื่องร้อนๆเพียงลำพังอย่างเด็ดขาด
ฮีทสโตรกสุนัข ปฐมพยาบาลอย่างไร?
หากคุณสงสัยว่าสุนัขของคุณกำลังเป็นฮีทสโตรก เพราะเห็นสุนัขหรือแมวของคุณมีอาการไม่ดี ให้ทำตามขั้นตอนเหล่านี้
- ย้ายไปที่บริเวณที่เย็นกว่า: ย้ายสุนัขของคุณไปยังพื้นที่ร่มเงาหรือห้องปรับอากาศเปิดแอร์เย็นๆทันที
- ให้น้ำ: ปล่อยให้สุนัขของคุณดื่มน้ำเย็นในปริมาณเล็กน้อย
- ทำให้ร่างกายเย็นลง: การทำให้สุนัขของคุณเปียกด้วยน้ำเย็นที่ไม่ใช่น้ำเย็นจัด และใช้พัดลมช่วยเป่า สามารถช่วยลดอุณหภูมิร่างกายของสุนัขได้
- ติดต่อสัตวแพทย์ของคุณ: แม้ว่าสุนัขของคุณจะดูเหมือนหายดีแล้ว แต่จำเป็นต้องไปพบสัตวแพทย์เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีโรคแทรกซ้อนซ่อนอยู่
วิธีปฐมพยาบาลฮีทสโตรก สุนัข แมวที่เป็นฮีทสโตรก
แมวที่เป็นฮีทสโตรกจำเป็นต้องมีมาตรการปฐมพยาบาลที่คล้ายกัน
- ย้ายไปที่ๆเย็นสบาย: ย้ายแมวของคุณไปยังบริเวณที่เย็นกว่าและห่างจากแสงแดดโดยตรง
- ให้น้ำ: ให้แมวของคุณดื่มน้ำเย็นในปริมาณเล็กน้อย
- ทำให้ร่างกายเย็นลง: ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดขนแมวเบาๆ โดยเน้นที่แผ่นรองศีรษะ คอ และอุ้งเท้า
- ติดต่อสัตวแพทย์ของคุณ: หลังจากการปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้ว ให้ไปพบสัตวแพทย์ทันทีเพื่อประเมินอาการของแมวของคุณและให้แน่ใจว่าได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม
หมาพันธุ์ไหน แมวพันธุ์ไหน เสี่ยงต่อฮีทสโตรก
สุนัขและแมวบางสายพันธุ์มีความเสี่ยงต่อฮีทสโตรกมากกว่าเนื่องจากปัจจัยต่างๆ รวมถึงลักษณะทางกายวิภาค ลักษณะของขน และสุขภาพโดยรวม นี่คือบางสายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูง
สุนัขพันธุ์ไหน เสี่ยงต่อฮีทสโตรก
- สุนัขสายพันธุ์หน้าสั้น: สุนัขแบบที่เสี่ยงต่อฮีทสโตรก สุนัขที่มีจมูกสั้นและหน้าแบน เช่น บูลด็อก ปั๊ก บ็อกเซอร์ และชิสุ มีแนวโน้มที่จะเป็นฮีทสโตรกได้ง่าย สายการบินที่สั้นลงทำให้ยากขึ้นสำหรับพวกเขาที่จะเย็นลงเนื่องจากการหอบ
- พันธุ์ที่มีขนหนาสองชั้น: พันธุ์ที่มีขนสองชั้นหนา เช่น ฮัสกี้ อลาสกัน มาลามิวต์ และซามอยด์ มีความเสี่ยงที่จะเป็นฮีทสโตรกได้ง่ายกว่า เนื่องจากขนหนาทึบของมันป้องกันความร้อน ทำให้ยากต่อการควบคุมอุณหภูมิร่างกาย อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ได้หมายความว่าคุณควรจับน้องหมาฮัสกี้ของคุณกร้อนขนจนเตียน เพราะการไถขนจนเกลี้ยงทำอันตรายมากกว่าปล่อนขนหนาๆทิ้งไว้เสียอีก เนื่องจากขนนั้นป้องกันความร้อนและรักษาความเย็นได้ในทุกสภาพอากาศ เราเพียงแต่จะบอกว่าสุนัขพันธุ์ขนยาวมีความเสี่ยงมากกว่าและต้องระวังฮีทสโตรกให้ดี เจ้าของควรโกนขนด้วยเฟตุผลทางการแพทย์ตามที่สัตวแพทย์แนะนำเท่านั้น
- สุนัขสูงอายุ: สุนัขที่มีอายุมากกว่าอาจมีการเคลื่อนไหวลดลงและกลไกการระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพน้อยลง ส่งผลให้มีความเสี่ยงที่จะเป็นฮีทสโตรกมากขึ้น
- สุนัขอ้วน: สุนัขที่มีน้ำหนักเกินจะเสี่ยงต่อฮีทสโตรกได้ง่ายกว่า เนื่องจากไขมันส่วนเกินสามารถทำหน้าที่เป็นฉนวนกักความร้อนในร่างกายได้
แมวพันธุ์ไหน เสี่ยงต่อฮีทสโตรก
- แมวพันธุ์ขนยาว: แมวที่มีขนยาวและหนา เช่น เปอร์เซีย เมนคูน และแร็กดอล สามารถกระจายความร้อนได้ไม่เร็วเท่าแมวขนสั้นหรือไม่มีขน ส่งผลให้เสี่ยงต่อแมวเป็นฮีทสโตรก
- แมวสูงวัย: เช่นเดียวกับสุนัขสูงอายุ แมวแก่อาจมีการเคลื่อนไหวลดลงและการควบคุมอุณหภูมิบกพร่อง ส่งผลให้เสี่ยงต่อฮีทสโตรกมากขึ้น
- แมวที่มีน้ำหนักเกิน: โรคอ้วนในแมวอาจทำให้การกักเก็บความร้อนรุนแรงขึ้น และขัดขวางความสามารถในการระบายความร้อนของแมว
ความเสี่ยงทั่วไป:
- หมาแมวที่มีโรคประจำตัว มีปัญหาสุขภาพบ่อย: สุนัขและแมวที่มีปัญหาสุขภาพอยู่แล้ว เช่น โรคหัวใจ ปัญหาระบบทางเดินหายใจ หรือโรคอ้วน มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นฮีทสโตรกสูงกว่าสุนัขหรือแมวสุขภาพดี ฮีทสโตรก สุนัข อาจเกิดได้กับสุนัขมีโรคประจำตัว
- แอคทีฟ ทำกิจกรรมเยอะ: สุนัขที่กระตือรือร้นหรือออกกำลังกายหนักมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพอากาศร้อน มีแนวโน้มที่จะเป็นฮีทสโตรกได้ง่ายกว่า ในทำนองเดียวกัน แมวที่อยู่กลางแจ้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งแมวจรซึ่งออกหากินในช่วงที่ร้อนที่สุดของวันก็มีความเสี่ยงสูงกว่า
- สภาพแวดล้อมร้อน: สัตว์เลี้ยงที่อาศัยอยู่ในสภาพอากาศร้อนชื้นหรือเลี้ยงในบริเวณที่มีการระบายอากาศไม่ดีจะเสี่ยงต่อฮีทสโตรกได้ง่ายกว่า
แม้ว่าสายพันธุ์และปัจจัยแวดล้อมเหล่านี้อาจมีแนวโน้มที่จะเป็นฮีทสโตรกได้มากกว่า แต่สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าสุนัขหรือแมวตัวใดก็ตามสามารถเป็นฮีทสโตรกจนต้องทนทุกข์ทรมานจากภาวะนี้ทั้งสิ้น ด้วยสาเหตุอย่างการสัมผัสกับอุณหภูมิสูงเป็นเวลานานโดยไม่ได้รับความเย็นและความชุ่มชื้นเพียงพอ เจ้าของสัตว์เลี้ยงที่มีความเสี่ยงควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อปกป้องสัตว์เลี้ยงของตนจากการเจ็บป่วยจากความร้อน
ถ้าเป็นฮีทสโตรก จะเกิดผลเสียระยะยาวตามมาหรือไม่ ?
Cr. Unsplash
หากสัตว์เลี้ยงเป็นฮีทสโตรก หมาแมวเป็นฮีทสโตรก อาจมีผลกระทบระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอาการรุนแรงและไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ผลกระทบระยะยาวที่อาจเกิดขึ้นได้แก่
- อวัยวะเสียหาย: ฮีทสโตรกอาจทำให้เกิดความเสียหายต่ออวัยวะสำคัญ เช่น ไต ตับ และสมอง อุณหภูมิร่างกายที่สูงเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดความผิดปกติของอวัยวะ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยงในระยะยาว
- ปัญหาทางระบบประสาท: ฮีทสโตรกอย่างรุนแรงอาจส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อระบบประสาทเนื่องจากความร้อนสูงเกินไปของสมอง สิ่งนี้อาจทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น อาการชัก สับสน และสูญเสียการประสานงาน ซึ่งอาจยังคงอยู่แม้ว่าสัตว์เลี้ยงจะหายดีแล้วก็ตาม
- ปัญหาระบบทางเดินหายใจ: สัตว์เลี้ยงที่เป็นฮีทสโตรกอาจประสบปัญหาทางเดินหายใจ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาระบบทางเดินหายใจ เช่น หายใจลำบาก ไอ หรือหายใจมีเสียงหวีด ปัญหาเหล่านี้อาจยังคงอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากสัตว์เลี้ยงมีปัญหาระบบทางเดินหายใจอยู่แล้ว
- ภาวะขาดน้ำและความไม่สมดุลของอิเล็กโทรไลต์: ฮีทสโตรกอาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำและอิเล็กโทรไลต์ในสัตว์เลี้ยงได้อย่างมีนัยสำคัญ แม้จะได้รับการรักษาเบื้องต้นแล้วก็ตาม ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมของสัตว์เลี้ยงและอาจต้องมีการจัดการอย่างต่อเนื่อง
- ความไวต่อความร้อน: สัตว์เลี้ยงที่เป็นฮีทสโตรกอาจมีความไวต่อความร้อนมากขึ้นในอนาคต อาจมีความทนทานต่ออุณหภูมิสูงลดลงและไวต่อความร้อนสูงเกินไปแม้ในสภาวะที่ไม่รุนแรง
- ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของฮีทสโตรกในอนาคต: สัตว์เลี้ยงที่เคยเป็นฮีทสโตรก สุนัขหรือแมวหรือสัตว์เลี้ยงอื่นก็ตาม ครั้งหนึ่งแล้ว จะมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นฮีทสโตรกอีกครั้งในอนาคต เจ้าของจะต้องระมัดระวังในการตรวจสอบการสัมผัสความร้อนของสัตว์เลี้ยงและดำเนินมาตรการป้องกันเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดซ้ำ
- การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม: สัตว์เลี้ยงบางตัวอาจแสดงพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปหลังจากประสบภาวะฮีทสโตรก เช่น ความวิตกกังวลเพิ่มขึ้น ความเกียจคร้าน หรือไม่เต็มใจที่จะออกกำลังกาย
จำเป็นอย่างยิ่งที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงจะต้องไปพบสัตวแพทย์ทันที หากสัตว์เลี้ยงของตนแสดงอาการของฮีทสโตรกเพื่อลดความเสี่ยงของผลกระทบระยะยาว แม้หลังจากการรักษาเบื้องต้นแล้ว การติดตามอย่างใกล้ชิดและการติดตามผลกับสัตวแพทย์ก็เป็นสิ่งสำคัญในการแก้ไขปัญหาที่ยังคงอยู่และป้องกันภาวะแทรกซ้อน ด้วยการดูแลและการจัดการที่เหมาะสม สัตว์เลี้ยงจำนวนมากสามารถฟื้นตัวจากฮีทสโตรกและมีชีวิตที่มีสุขภาพดีต่อไปได้ แต่การป้องกันยังคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบในระยะยาว
สรุปฮีทสโตรกในสัตว์เลี้ยง น่ากลัว แต่ป้องกันได้ไม่ยาก
ฮีทสโตรกเป็นภาวะร้ายแรงที่ต้องได้รับการดูแลทันที ด้วยการทำความเข้าใจสัญญาณ ดำเนินมาตรการป้องกัน และรู้วิธีปฐมพยาบาล คุณจะสามารถปกป้องสัตว์เลี้ยงแสนรักของคุณจากอันตรายจากความร้อนจัดในช่วงฤดูร้อนได้ จำไว้ว่าการป้องกัน การระมัดระวัง และการดำเนินการอย่างรวดเร็วสามารถช่วยชีวิตน้องหมาน้องแมวของคุณได้
Cr. : Unsplash for featured image