วันนี้เราจะชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับ ดอกคัตเตอร์ ไม้ดอกไม้ประดับ เป็นที่นิยมนำมาปลูกอีกหนึ่งสายพันธุ์ ด้วยความสวยของดอกไม้ และมีสีสันสวยงาม บางคนก็อาจจะรู้กันบ้างแล้ว หรือบางคนก็อาจจะยังไม่รู้จัก ส่วนใหญ่ดอกคัดเตอร์จะไม่ใช่ดอกไม้ที่มีโดดเด่นมากนัก นิยมมาจัดเป็นช่อดอกไม้ เพื่อเสริมให้ดอกไม้อื่น ๆ มีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น เราจึงมักเห็นดอกคัตเตอร์ตามช่อดอกไม้ต่าง ๆ
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
แนะนำวิธีปลูกดอกคัดเตอร์ ดูแลอย่างไรให้ออกดอกสวยงาม พร้อมความหมายดี ๆ
ซึ่งวันนี้เราจะมาทำให้คุณรู้จักกับดอกคัตเตอร์มากยิ่งขึ้น เริ่มต้นทำความรู้จัก ต้นคัดเตอร์มีลักษณะเป็นยังไง มีสายพันธุ์อะไรบ้างที่นิยมนำมาปลูก แล้วดอกมีกี่สี แล้ววิธีเพาะเมล็ดดอกคัตเตอร์และการดูแลทำอย่างไร รวมไปถึงความหมายดี ๆ ของต้นคัตเตอร์ ถ้าอยากรู้ก็ตามมาอ่านกันได้เลยจ้า
ทำความรู้จักกับดอกคัตเตอร์
ดอกคัตเตอร์ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Solidago Canadensis เป็นพืชในสกุล Aster ต่างประเทศจะเรียกดอกนี้กันว่า ดอกแอสเตอร์ จะมีด้วยกันหลากหลายสายพันธุ์ ลำต้นขนาดเล็ก ดอกสวย หลากหลายสี ไม่ว่าจะเป็น ดอกคัตเตอร์สีขาว ดอกคัตเตอร์สีม่วง และดอกคัตเตอร์สีชมพู ปลูกเลี้ยงง่าย ยังเป็นดอกไม้ที่ทนทานได้ดี ไม่ได้ตายง่าย ๆ แม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางแสงแดด ทนแดด ทนฝนได้ดี สามารถเจริญเติบโตได้ดีในที่มีแสงแดดจัด และดินจะต้องมีการระบายน้ำที่ดี ชอบอยู่ในอากาค่อนข้างเย็น ๆ เราจึงมักเห็นปลูกกันมากในแถบภาคเหนืออย่าง เชียงใหม่ เป็นส่วนใหญ่
ลักษณะทั่วไปของดอกคัตเตอร์
ต้นคัตเตอร์ จัดว่าเป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก จะมีลำต้นสูงประมาณเพียงแค่ 30-100 ซม. ลำต้นจะมีกิ่งก้านเยอะ ใบเป็นใบเดี่ยวมีรูปทรงยาวรี สีเขียวอ่อน ขอบใบเรียบรูปใบหอก ก้านใบสั้น ออกดอกตามปลายยอดหรือปลายกิ่ง ช่อดอกเป็นแบบกลุ่มมีดอกย่อยเล็ก ๆ อยู่ภายในช่อดอก มีก้านดอกสั้น ๆ ติดอยู่กับก้านชูดอก ก้านช่อดอกจะตั้งฉากกับลำต้น ดอกจะมีขนาดเล็กเมื่อดอกบานเต็มที่แล้วจะมีขนาด 1ซม. ส่วนใหญ่แล้วดอกจะมีสีขาว กลีบดอกเป็นแฉกแหลมกระจายเป็นวงกลม และมีตรงใจกลางดอกมีขนาดเล็กสีเหลือง
วิธีปลูกการดูแลดอกคัตเตอร์อย่างไรให้ออกดอกสวย
ใครที่อยากได้แปลงโฉมสวนบ้านให้สวย ด้วยการปลูกต้นคัตเตอร์ บอกเลยว่าปลูกเลี้ยงไม่ยาก ขอเพียงแค่รู้วิธีปลูก เทคนิคการปลูกการดูแล เพียงแค่นี้ก็มีต้นคัตเตอร์ออกดอกสวย ๆ บานสะพรั่งเต็มสวยกันเลยจ้า อยากรู้กันแล้วใช่ไหมว่า วิธีการปลูก วิธีเพาะเมล็ดดอกคัตเตอร์ การดูแลจะต้องทำอย่างไร เราไปดูกันเล้ยยยย
1. สายพันธุ์
รู้กันไหมว่าดอกคัตเตอร์มีสายพันธุ์กว่า 600 สายพันธุ์ แต่ปัจจุบันนี้จะเหลือเพียงแค่ 180 สายพันธุ์เท่านั้น ซึ่งในบ้านเราก็จะนิยมปลูกกันเพียงแค่ไม่กี่สายพันธุ์ เราเองก็ได้เอามาแนะนำกันด้วย ลองมาดูกัน
- Powder puff หรือ พาวเดอร์ ฟัฟฟ์ – สายพันธุ์นี้มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศจีน จัดว่าเป็นไม้พุ่มขนาดกลาง ลำต้นสูงประมาณ 15-24 นิ้ว กลีบดอกสั้น ซ้อนเรียงกันแน่น ๆ และบิดเล็กน้อย ขนาดของดอกจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2-3 นิ้ว จะเจริญเติบโตได้มีเมื่อปลูกไว้ในที่อากาศเย็น
- สายพันธุ์แดงไส้เหลือง – สายนี้นี้ก็มีถิ่นกำเนิดจากประเทศจีน นิยมปลูกกันในบ้านเราอย่างมาก สามารถปลูกได้ทุกสภาพอากาศ เป็นไม้พุ่มเตี้ย ลำต้นจะสูงไม่เกิน 24 นิ้ว ดอกจะมีขนาดเล็ก ๆ กลีบดอกชั้นนอกจะมีสีแดง ใจกลางดอกมีสีเหลือง ขนาดของดอกจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1-1.5 นิ้ว ก้านช่อดอกและต้นสีเปลือกมังคุด และปลูกเลี้ยงก็ง่าย ออกดอกเร็ว
- สายพันธุ์แอสเตอร์ดาวเงิน – สายนี้เป็นนิยมปลูกกันมาก ดอกคัตเตอร์สีขาว ด้านในดอกมีสีเหลือง ดอกจะมีขนาดเล็ก ๆ ออกเป็นช่อปลายต้น ลำต้นมีแตกกิ่งก้านมากมาย ใบเรียวเล็ก ขอบใบเรียบ เหมาะกับการปลูกไว้เป็นไม้ดอกไม้ประดับ ตัดดอกมาตกแต่งจัดเป็นช่อดอกไม้ หรือตัดปักใส่แจกัน
- สายพันธุ์แอสเตอร์ดาวชมพู – ดอกจะมีสีชมพูอ่อน ๆ ส่วนดอกด้านในจะมีสีเหลือง มีดอกเริ่มบานเต็มที่ สีของดอกก็จะซีดจางลง ดอกจะมีขนาดใหญ่ ออกดอกเป็นช่อปลายลำต้น แตกกิ่งก้านสาขามากมาย ใบจะมีรูปทรงที่เรียว ขอบใบเรียบ และมีสีเขียว
- สายพันธุ์แอสเตอร์ดาวทอง – สายนี้ถือว่าเป็นสายพันธุ์น้องใหม่ ที่นำเข้ามาปลูกในประเทศไทย จุดเด่นสายพันธุ์เลยก็คือ ปลูกเลี้ยงดูง่าย เจริญเติบโตได้ทุกสภาพดิน ออกดอกเป็นช่อสวยงาม แตกกิ่งสาขามากมาย ใบเรียวเล็ก ขอบใบเรียบ ดอกจะมีขนาดเล็กน่ารัก ดอกจะมีสีเหลืองทั้งชั้นนอกและชั้นใน แต่ถ้าบานเต็มที่แล้ว สีดอกก็จะอาจจะจืดจางลงกลายเป็นสีครีม แต่คงความสวยไว้เหมือนเดิม
2. การเพราะเมล็ดดอกคัตเตอร์
การปลูกต้นคัตเตอร์ สามารถทำได้หลากหลายวิธี และวิธีเพาะเมล็ดดอกคัตเตอร์ก็เป็นวิธีปลูกที่นิยมกันมาก ทำเองได้ง่าย ๆ สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือ การเตรียมเมล็ดพันธุ์ของดอกคัตเตอร์ จากนั้นก็หาภาชนะที่จะใช้ในการปลูก เช่น ตะกร้าพลาสติกโปร่ง ควรใช้ตะกร้าที่มีความลึกประมาณ 2.5-3 นิ้ว แล้วใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ปูรองหนา 2 ชั้น นำดินที่มีส่วนผสมของ ดิน ทราย และขี้เถาแกลบ ในอัตราส่วนที่เท่าดิน เทลงไปในตะกร้า แล้วก็ตีร่องลึกประมาณ 0.5 ซม. ให้โรยเมล็ดลงไปในร่อง แล้วก็กลบด้วยทรายที่ละเอียดแห้ง ปิดทับด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์อีกชั้น ค่อยรดน้ำแล้วรดยากันราและยาฆ่าแมลง จากนั้นก็แค่รอเวลาที่ต้นคัตเตอร์จะเจริญเติบโต จะใช้เวลาประมาณ 5-10 วัน เมื่อต้นเริ่มโตได้สักประมาณ 2 สัปดาห์ ก็ย้ายลงกระถางหรือลงแปลงสวนกันได้เลย
3. การปลูกเลี้ยงต้นคัตเตอร์
วิธีปลูกเลี้ยงต้นคัตเตอร์ ควรจะต้องใช้เป็นดินร่วน ที่มีการระบายน้ำได้ดี สำหรับใครที่จะคิดปลูกลงแปลงสวนนั้น อย่างแรกที่ต้องเตรียมก็คือ เตรียมแปลงสวน ด้วยการขุดดินเป็นแปลงหรือไถพรวน นำปุ๋ยคอกมามาผสมกับดิน แล้วก็รดน้ำแล้วทิ้งไว้ ประมาณ 1-2 เดือน ยิ่งหมักนานเท่าไรก็ยิ่งดี แล้วก็ขุดหลุมในแปลง ลึกประมาณ 15 ซม. จากนั้นก็นำต้นมาได้เพาะพันธุ์ไว้มาลงแปลงได้ ในหนึ่งหลุมก็ใส่ได้ 1-2 ต้น แล้วก็กลบดินให้แน่น ตามด้วยรดน้ำให้ชุ่ม ถ้ามีฟางหรือเศษหญ้าก็ให้นำมาปกคลุมแปลง ก็จะช่วยรักษาความชุ่มชื้นได้ดี
กรณีปลูกต้นคัตเตอร์ในกระถาง แนะนำให้ใช้กระถางต้นไม้ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 นิ้ว วิธีการปลูกก็ให้ทำลักษณะคล้ายกับการปลูกลงแปลงสวนได้เลย สิ่งสำคัญในการปลูกก็คือ การรดน้ำ และใส่ปุ๋ย เพื่อบำรุงราก ลำต้น และให้ออกดอกสวย ๆ
4. การรดน้ำ
ในช่วงปลูกแรก ๆ หรือ 15 วันแรกที่เริ่มปลูกนั้น ให้รดน้ำวันละ 2 ครั้ง คือ ตอนเช้าและเย็น หลังจากที่ต้นเริ่มเจริญเติบโต หรือมีการย้ายไปปลูกลงในแปลงหรือในกระถาง ก็ให้รดน้ำเพียงแค่วันละ 1 ครั้ง ควรจะต้องเลือกรดน้ำตอนเช้า เมื่อดอกเริ่มบานก็ให้หลีกเลี่ยงการรดน้ำที่จะโดนดอก เพราะอาจจะทำให้ดอกนั้นเน่าและเป็นโรคได้ง่าย
5. การใส่ปุ๋ย
อยากให้ต้นคัตเตอร์เจริญเติบโต ก็ต้องหมั่นดูแลให้อาหารด้วยการใส่ปุ๋ย ถ้าอยู่ในช่วงปลูกระยะแรก ๆ ก็ให้ใช้ปุ๋ยยูเรียมาละลายกับน้ำในอัตรา 1-2 ช้อนแกงต่อน้ำ 20 ลิตร แล้วรดให้ทั่วบริเวณของต้น แต่เมื่อมีการย้ายลงแปลงหรือในกระถางแล้ว ก็ให้ปรับสูตรปุ๋ยมาใช้เป็นปุ๋ยชีวภาพหรือปุ๋ยคอก ได้ทุก 15 วัน หรือ 30 วัน จะช่วยทำให้ออกดอกให้เร็ว ๆ และการใส่ปุ๋ยนั้นสามาถนำไปผสมกับน้ำ แล้วรดให้ทั่วบริเวณของต้น หรือจะใช้วิธีฉีดพ่นก็ได้
6. การให้แสงสว่าง
ต้นคัตเตอร์นอกจากต้องการแสงแดดแล้ว ยังต้องการแสงสว่างกันอีกด้วย เพราะถ้าให้ไฟจะช่วยทำให้ต้นออกดอกได้เร็วและสวยงาม ซึ่งการให้ไฟนั้น ก็จะเป็นแสงไฟที่มาจากไฟฟ้าบ้านตามปกติ พอต้นเริ่มเจริญเติบโตได้ 2 เดือน ก็เริ่มนำไฟไปติดให้ทั่วที่แปลง จากนั้นก็เริ่มเปิดหลังพระอาทิตย์ตกดิน จนถึง 20.00 – 21.00 น. และเมื่อต้นคัตเตอร์ออกดอกได้ครบ 3 เดือนแล้วก็ให้หยุดการให้ไฟ
ความหมายของดอกคัตเตอร์
ดอกไม้ทุกสายพันธุ์ก็ล้วนมีความหมาย เช่นเดียวกันกับ ดอกคัตเตอร์ เป็นตัวแทนของความรัก สื่อความหมายออกมาได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ความรักอันอ่อนโยน ความหลงใหลในความรัก ความรักที่ไร้เดียวสา ความซื่อสัตย์ต่อความรัก หรือจะใช้เพื่อเป็นการแสดงความเสียใจ ดอกคัดเตอร์ยังได้ขึ้นชื่อว่าดอกไม้ที่สื่อได้ถึงความเสียสละอีกด้วย หรือจะสื่อความหมายเป็นนัย ๆ ว่า “แม้คุณจะไม่มองฉันก็ไม่เป็นไร แต่ฉันก็จะมีแต่เพียงคุณเท่านั้น” เหมาะกับเป็นตัวแทนสื่อกลาง การบอกรักของคนที่กำลังแอบชอบใคร
ประโยชน์ของดอกคัตเตอร์
ได้เชยชมความสวยงามของดอกคัตเตอร์กันไปแล้ว รู้หรือไม่ว่าต้นคัตเตอร์ยังมีประโยชน์และสรรพคุณ ที่ใช้นำไปทำยาสมุนไพร ช่วยรักษาแก้อาการต่าง ๆ ได้ เช่น แก้อาการเมาค้างได้ดี ช่วยรักษาโรคทางเดินหายใจ รักษาอาการไอ โรคปอดหรือหอบหืด หรือจะนำไปชงเป็นชามาดื่ม ช่วยให้ระบบการหมุนเวียนของเลือดได้ดี และยังช่วยเรื่องระบบการย่อยอาหารได้อีกด้วย แต่การจะนำไปใช้เป็นยา ควรจะต้องศึกษารายละเอียด หรือได้รับความแนะนำจากแพทย์เสียก่อนนะ เพื่อความปลอดภัยจ้า
คราวนี้เพื่อน ๆ ก็ได้รู้จักกับดอกคัตเตอร์กันแล้วใช่ไหมเอ่ย ถ้าใครที่อยากจะลองปลูกกันบ้าง ให้เริ่มต้นด้วยการเลือกสายพันธุ์ที่ชอบ และเหมาะกับสภาพอากาศที่จะปลูก จากนั้นก็ทำการปลูกตามวิธีที่เราได้เอามาฝากกันได้ รับรองเลยว่างานนี้ ต้นคัตเตอร์จะต้องออกดอกสวย บายสะพรั่งเต็มสวน ปังปุริเย่แน่นอน
ที่มาข้อมูล : arnplern.com