การเดินทางไกล ไม่ว่าจะเป็นการขับรถกลับบ้านต่างจังหวัดช่วงเทศกาล หรือการท่องเที่ยวพักผ่อนในช่วงวันหยุดยาว ความปลอดภัยบนท้องถนนถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด การ “ตรวจเช็กรถก่อนเดินทางไกล” จึงเป็นขั้นตอนที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากสภาพรถที่ไม่พร้อมใช้งาน บทความนี้จะนำเสนอคู่มือและขั้นตอนเกี่ยวกับการตรวจเช็กสภาพรถยนต์ก่อนออกเดินทางด้วยตนเองแบบง่ายๆแต่ครบครัน พร้อม “วิธีเช็ครถก่อนเดินทางไกล” อย่างละเอียด และแนะนำแหล่งตรวจเช็กรถ ที่ไหนดีอีกด้วย
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
ทำไมต้องเช็กรถก่อนเดินทางไกล?
ก่อนที่เราจะไปดู “รายการตรวจเช็กรถยนต์” อย่างละเอียด เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าทำไมการเช็ครถก่อนเดินทางไกลจึงมีความสำคัญ
- ป้องกันอุบัติเหตุ: สภาพรถที่ไม่พร้อม เช่น ยางรั่ว เบรกมีปัญหา หรือไฟส่องสว่างไม่เพียงพอ อาจนำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรงได้
- ลดปัญหาจุกจิกระหว่างทาง: การตรวจเช็กเบื้องต้นจะช่วยลดโอกาสที่รถจะเสียกลางทาง ทำให้เสียเวลาและเสียอารมณ์
- ประหยัดค่าใช้จ่าย: การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน เช่น การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามกำหนด จะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถและประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
- เดินทางอย่างมั่นใจ: เมื่อรู้ว่ารถอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ก็จะช่วยให้ขับขี่ได้อย่างสบายใจและปลอดภัยตลอดการเดินทาง
รายการตรวจเช็กรถยนต์ และ วิธีเช็กรถก่อนเดินทางไกลด้วยตัวเอง
ต่อไปนี้เป็น “รายการตรวจเช็กรถยนต์” ที่สำคัญ พร้อม “วิธีเช็ครถก่อนเดินทางไกล” อย่างละเอียดเป็นขั้นตอนที่ให้คุณค่อยๆเช็กตามได้อย่างไม่ยาก ไปดูกันเลย
1. ยางรถยนต์
ยางเป็นส่วนสำคัญที่สัมผัสกับพื้นถนนโดยตรง การตรวจเช็กยางจึงเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าเป็นเมืองไทย การเช็กยางให้ดีก็จะยิ่งสำคัญในช่วงฤดูฝนเพราะถนนลื่นกว่าปกติ
- วิธีเช็กรถ (ยาง)
- แรงดันลมยาง: ตรวจสอบแรงดันลมยางให้ตรงกับค่าที่กำหนดในคู่มือรถ หรือสติกเกอร์ที่ติดอยู่บริเวณขอบประตูฝั่งคนขับ ควรเช็กขณะยางเย็น (ไม่ได้ผ่านการขับมาระยะหนึ่งจนยางร้อน)
- ดอกยาง: ตรวจสอบความลึกของดอกยาง โดยใช้เหรียญบาทเสียบเข้าไปในร่องดอกยาง หากเห็นส่วนหัวของเหรียญ แสดงว่าดอกยางตื้นเกินไป ควรเปลี่ยนยางรถยนต์ใหม่
- สภาพยาง: ตรวจสอบหารอยแตก รอยบวม หรือรอยฉีกขาดบริเวณหน้ายางที่สัมผัสพื้นถนน และหน้ายางที่อยู่ถัดจากล้อแม็กซ์ของตัวรถ
- ความสมดุลของล้อ: หากรู้สึกว่าพวงมาลัยสั่นขณะขับขี่ อาจเป็นสัญญาณว่าล้อไม่สมดุล ควรนำรถไปตั้งศูนย์และถ่วงล้อ
หรือถ้าอยากอ่านรายละเอียดของคู่มือเช็กยางรถยนต์โดยละเอียด อ่านได้ที่นี่เลย!
2. ระบบเบรก
ระบบเบรกที่ดีมีความสำคัญต่อความปลอดภัยอย่างมาก
- วิธีเช็กรถ (เบรก)
- ระดับน้ำมันเบรก: ตรวจสอบระดับน้ำมันเบรกในกระปุกพักน้ำมันเบรก ให้อยู่ในระดับที่กำหนด โดยกระปุกพักน้ำมันเบรกมักจะเป็นสีขาวขุ่น มีเส้นขอบขีดไว้ว่า Max และ Min ซึ่งระดับน้ำมักเบรกควรจะอยู่ที่ Max นั่นเอง ถ้าอยู่ที่ Min อาจแปลว่าน้ำมันเบรกรั่วและควรเอารถไปเช็กที่อู่หรือศูนย์ก่อน
- ผ้าเบรก: ตรวจสอบความหนาของผ้าเบรก หากเหลือน้อยกว่า 3 มิลลิเมตร ควรเปลี่ยน หรือถ้าเหยียบเบรกเวลาขับขี่แล้วมีเสียงแหลมหรือไฟเบรกขึ้นสีแดง (สัญลักษณ์ไฟเหมือนไฟเบรกมือ) ควรเข้าอู่หรือศูนย์เพื่อเช็กผ้าเบรก
- การทำงานของเบรก: ลองเหยียบเบรกขณะรถจอดอยู่ สังเกตว่าเบรกทำงานปกติหรือไม่ หากมีเสียงดังผิดปกติ หรือเบรกไม่อยู่ ควรนำรถไปตรวจสอบ
3. ระบบไฟส่องสว่าง
ระบบไฟส่องสว่างที่ครบถ้วนและใช้งานได้ดี ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ โดยเฉพาะในเวลากลางคืนหรือในสภาพอากาศไม่ดี
- วิธีเช็ครถก่อนเดินทางไกล (ไฟ):
- ไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเบรก ไฟเลี้ยว ไฟฉุกเฉิน: ตรวจสอบการทำงานของไฟทุกดวง ว่าติดครบทุกดวงหรือไม่ มีสีที่ถูกต้องทั้งหมดหรือไม่
- ไฟตัดหมอก: ตรวจสอบการทำงานของไฟตัดหมอก (ถ้ามี)
- ไฟส่องป้ายทะเบียน: ตรวจสอบว่าไฟส่องป้ายทะเบียนติดหรือไม่
4. น้ำมันเครื่องและของเหลวต่างๆ
ระดับน้ำมันและของเหลวที่เหมาะสม ช่วยให้เครื่องยนต์และระบบต่างๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- วิธีเช็ครถก่อนเดินทางไกล (ของเหลว):
- น้ำมันเครื่อง: ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง โดยดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องออกมา เช็ดทำความสะอาด เสียบกลับเข้าไปใหม่ แล้วดึงออกมาดู ระดับน้ำมันควรอยู่ระหว่างขีด F (Full) และ L (Low)
- น้ำยาหล่อเย็น: ตรวจสอบระดับน้ำยาหล่อเย็นในหม้อพักน้ำ ให้อยู่ในระดับที่กำหนด
- น้ำมันเบรก: ตรวจสอบระดับน้ำมันเบรก (ตามที่กล่าวไว้ในหัวข้อระบบเบรก)
- น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์: ตรวจสอบระดับน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ (ถ้ามี)
- น้ำฉีดกระจก: เติมน้ำในกระปุกฉีดกระจกให้เต็ม เติมแค่น้ำเปล่าไม่ต้องผสมสบู่หรือน้ำยาล้างจานเพราะอาจทำให้เป็นคราบเกาะสายยาง หรือน้ำยากัดใบยางปัดน้ำฝนในภายหลังได้ อย่าคิดว่าน้ำฉีดกระจกไม่สำคัญ เพราะถ้าหากน้ำหมดและมีสิ่งสกปรกมาเกาะหน้ากรระจกรทำให้คนขับเสียทัศนวิสัยไป ก็จะทำให้เกิดอันตรายใหญ่ได้
5. แบตเตอรี่
แบตเตอรี่ที่อยู่ในสภาพดี จะช่วยให้สตาร์ทเครื่องยนต์ได้ง่าย
- วิธีเช็ครถก่อนเดินทางไกล (แบตเตอรี่):
- ขั้วแบตเตอรี่: ตรวจสอบขั้วแบตเตอรี่ว่ามีคราบขี้เกลือหรือไม่ หากมี ควรทำความสะอาด
- ระดับน้ำกลั่น (สำหรับแบตเตอรี่แบบเติมน้ำกลั่น): ตรวจสอบระดับน้ำกลั่น ให้อยู่ในระดับที่กำหนด
6. ที่ปัดน้ำฝน
ที่ปัดน้ำฝนที่อยู่ในสภาพดี ช่วยให้มองเห็นทัศนวิสัยได้ชัดเจนขณะฝนตก
- วิธีเช็กรถ (ที่ปัดน้ำฝน):
- สภาพใบปัดน้ำฝน: ตรวจสอบสภาพใบปัดว่ามีรอยแตกหรือฉีกขาดหรือไม่ ลองฉีดน้ำแล้วปัดดู ว่าปัดสะอาดหรือไม่ หากปัดแล้วแต่ไม่สะอาดเป็นไปได้ว่ายางเสื่อมสภาพ ให้ซื้อที่ปัดน้ำฝนใหม่มาเปลี่ยนก่อนออกเดินทาง
7. ระบบช่วงล่าง
ระบบช่วงล่างที่ดี ช่วยให้การขับขี่นุ่มนวลและควบคุมรถได้ง่าย
- วิธีเช็ครถก่อนเดินทางไกล (ช่วงล่าง):
- การทรงตัวของรถ: สังเกตการทรงตัวของรถขณะขับขี่ หากรถโคลงเคลงมากผิดปกติ หรือมีเสียงดังขณะขับผ่านทางขรุขระ ควรนำรถไปตรวจสอบ
8. ระบบปรับอากาศ
ระบบปรับอากาศที่ทำงานได้ดี ช่วยให้การเดินทางสบายยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อน
- วิธีเช็กรถ (แอร์):
- ความเย็นของแอร์: ตรวจสอบความเย็นของแอร์ ว่าเย็นปกติหรือไม่ หากไม่เย็นอาจต้องตรวจเช็กระดับของน้ำยาแอร์อีกครั้ง
- ลมแอร์: ตรวจสอบว่าลมแอร์แรงปกติหรือไม่
- แผ่นกรองแอร์: ถ้ารู้สึกว่าแอร์ไม่เย็น และไม่ได้ตรวจเช็กสภาพรถนานแล้ว แผ่นกรองแอร์อาจกรองและสะสมฝุ่น กระดาษ เศษใบไม้ เข้ามาติดคอยล์เย็นและทำให้แอร์ไม่เย็นก็เป็นได้ หากเช็กแล้วกรองแอร์ดำ ลองซื้อไส้กรองแอร์มาเปลี่ยนดู
9. อุปกรณ์ฉุกเฉินติดรถ
เตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉินติดรถไว้ เผื่อกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน หรือดูรายชื่ออุปกรณ์ฉุกเฉินติดรถทั้งหมดได้ที่ Blog นี้
- รายการอุปกรณ์ฉุกเฉิน:
- แม่แรงและอุปกรณ์เปลี่ยนยาง
- สายพ่วงแบตเตอรี่
- ไฟฉาย
- ชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้น
- ป้ายสัญญาณฉุกเฉิน
10. เอกสารประจำรถ
ตรวจสอบเอกสารประจำรถให้พร้อม รวมไปถึงเบอร์โทรฉุกเฉินหากเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันด้วยเช่นกัน
- รายการเอกสาร:
- ใบขับขี่
- สำเนาทะเบียนรถ
- พรบ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ
- ประกันภัยรถยนต์ (ถ้ามี)
- รายชื่อเบอร์โทรฉุกเฉินบนท้องถนน ซึ่งสามารถแคปหน้าจอรูปดังต่อไปนี้ได้จาก
รวมเบอร์ฉุกเฉินเมื่อเดินทางบนท้องถนน ควรมีติดตัวไว้
Cr. ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย
ตรวจเช็กรถก่อนเดินทางไกล ที่ไหนดี?
เมื่อเราทราบ “วิธีเช็ครถก่อนเดินทางไกล” และ “รายการตรวจเช็กรถยนต์” แล้ว หลายคนอาจกำลังคิดว่า เอาไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบโดยละเอียดทั้งหมดก็น่าจะดี ดังนั้นเราก็เลยรวบรวมมาให้แล้วว่า “ตรวจเช็ครถก่อนเดินทางไกล ที่ไหนดี” ในประเทศไทย มีตัวเลือกมากมายให้เลือก ขึ้นอยู่กับความสะดวกและงบประมาณ
1. ศูนย์บริการของยี่ห้อรถ
- ข้อดี: มีช่างผู้ชำนาญเฉพาะทาง มีความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับรถยนต์ยี่ห้อนั้นๆ เป็นอย่างดี ใช้อะไหล่แท้ ได้มาตรฐาน มั่นใจได้ในคุณภาพการบริการ
- ข้อเสีย: ค่าใช้จ่ายอาจสูงกว่าอู่ซ่อมทั่วไป และอาจต้องจองคิวล่วงหน้า
- เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการความมั่นใจสูงสุด และต้องการใช้อะไหล่แท้
2. อู่ซ่อมรถทั่วไป
- ข้อดี: มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งอู่ขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ราคาอาจย่อมเยากว่าศูนย์บริการ
- ข้อเสีย: คุณภาพการบริการอาจแตกต่างกันไป ควรเลือกอู่ที่มีชื่อเสียงและได้รับความไว้วางใจ
- เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย และมีอู่ประจำที่ไว้วางใจอยู่แล้ว
3. ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร
- ตัวอย่าง: B-Quik, Cockpit, Auto1 (ในเครือไทวัสดุ)
- ข้อดี: มีบริการตรวจเช็กและบำรุงรักษารถยนต์หลากหลาย ครอบคลุมทุกด้าน สะดวก รวดเร็ว มีสาขาให้บริการทั่วประเทศ บางแห่งมีบริการตรวจเช็กฟรี
- ข้อเสีย: อาจไม่เชี่ยวชาญเฉพาะทางเท่าศูนย์บริการของยี่ห้อรถ
- เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว และบริการที่ครบวงจร
4. ร้านยางรถยนต์
- ตัวอย่าง: Bridgestone, Michelin, Goodyear
- ข้อดี: เชี่ยวชาญด้านยางรถยนต์โดยเฉพาะ ให้คำแนะนำและบริการเกี่ยวกับยางได้อย่างดี
- ข้อเสีย: อาจให้บริการด้านอื่นๆ ไม่ครอบคลุมเท่าศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร
- เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการตรวจเช็กสภาพยางรถยนต์เป็นพิเศษ
เคล็ดไม่ลับในการเลือกตรวจเช็กรถก่อนเดินทางไกล ที่ไหนดี
- สอบถามจากคนรู้จัก: สอบถามเพื่อนหรือคนในครอบครัวที่มีประสบการณ์ในการใช้บริการอู่ซ่อมรถหรือศูนย์บริการต่างๆในบริเวณพื้นที่ที่ไม่ไกลจากบ้านของคุณนัก
- อ่านรีวิวออนไลน์: อ่านรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงในเว็บไซต์ของร้าน ใน Google Maps หรือ โซเชียลมีเดีย
- เปรียบเทียบราคาและบริการ: เปรียบเทียบราคาและบริการของแต่ละแห่ง ก่อนตัดสินใจ
- เลือกสถานที่ที่สะดวก: เลือกสถานที่ที่เดินทางสะดวก ใกล้บ้านหรือใกล้ที่ทำงาน
ตัวอย่างสถานที่ตรวจเช็กรถในประเทศไทย
- ศูนย์บริการของยี่ห้อรถ: เช่น ศูนย์บริการ Toyota, Honda, Isuzu, Mazda, Nissan เป็นต้น
- ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร: B-Quik, Cockpit, Auto1 (ในเครือไทวัสดุ), FIT Auto
- ร้านยางรถยนต์: Bridgestone, Michelin, Goodyear, YOKOHAMA
- อู่ซ่อมรถทั่วไป: มีอยู่ทั่วประเทศ ควรเลือกอู่ที่มีชื่อเสียงและได้รับความไว้วางใจ
ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมในการตรวจเช็กรถยนต์
- ควรนัดหมายล่วงหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงก่อนเทศกาลหรือวันหยุดยาวที่น่าจะมีผู้ใช้บริการจำนวนมาก
- สอบถามรายละเอียดการตรวจเช็กและค่าใช้จ่ายให้ชัดเจนก่อนเข้ารับบริการ
- เก็บใบเสร็จไว้เป็นหลักฐาน
หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจเลือกสถานที่ “ตรวจเช็กรถก่อนเดินทางไกล ที่ไหนดี” นะคะ ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพค่ะ!