Cr.Freepik
โรคซึมเศร้า(Depression) เป็นภาวะที่หลายคนไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา แต่สามารถส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชีวิตของคนที่เป็นและคนรอบข้าง โรคซึมเศร้าทำให้ผู้ป่วยรู้สึกหมดหวัง หมดกำลังใจ หรือไม่สามารถมองเห็นแง่ดีในชีวิตได้ แม้ว่าจะเป็นโรคที่สามารถรักษาได้ แต่การช่วยเหลือจากคนใกล้ตัวก็มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูอาการได้เร็วขึ้น ดังนั้นการทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้และการพูดคุยกับคนที่เป็นโรคซึมเศร้าอย่างถูกวิธีจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
โรคซึมเศร้าเกิดจากอะไร?
โรคซึมเศร้า (Depressive Disorder) เป็นความผิดปกติทางอารมณ์ที่ส่งผลกระทบต่อความรู้สึก ความคิด และพฤติกรรมของผู้ป่วย แม้ว่าจะยังไม่มีการระบุสาเหตุที่แน่ชัดของโรคซึมเศร้า แต่มีหลายปัจจัยที่สามารถกระตุ้นหรือทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าได้ โดยสาเหตุหลักๆ ที่พบบ่อยได้แก่
- ความแตกต่างทางชีวภาพ
มีการศึกษาพบว่า ผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้ามักมีความเปลี่ยนแปลงทางกายภาพในสมอง ซึ่งอาจส่งผลต่ออารมณ์และพฤติกรรมของบุคคลนั้น ถึงแม้จะยังไม่มีการพิสูจน์ว่าเหตุใดการเปลี่ยนแปลงในสมองนี้จึงเกิดขึ้น แต่ก็ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคซึมเศร้า - สารเคมีในสมอง
สารเคมีในสมอง เช่น สารสื่อประสาท (Neurotransmitters) เช่น เซโรโทนิน (serotonin) และนอร์อิพิเนฟริน (norepinephrine) เป็นสารที่มีบทบาทสำคัญในการควบคุมอารมณ์ หากระดับของสารเหล่านี้ไม่สมดุลก็อาจส่งผลให้เกิดภาวะซึมเศร้า - การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน
การเปลี่ยนแปลงในระดับฮอร์โมน เช่น ระหว่างตั้งครรภ์ หลังคลอด หรือในช่วงหมดประจำเดือนอาจกระตุ้นให้เกิดภาวะซึมเศร้าได้ นอกจากนี้ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการซึมเศร้าเนื่องจากโรคไทรอยด์หรือโรคทางฮอร์โมนอื่นๆ - พันธุกรรม
มีงานวิจัยที่ชี้ว่า ผู้ที่มีสมาชิกในครอบครัวที่เคยป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคซึมเศร้าด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าภาวะนี้มีความเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางพันธุกรรม
คนใกล้ตัวเป็นซึมเศร้า ช่วยยังไงดี?
การช่วยเหลือคนที่เป็นโรคซึมเศร้าจะต้องใช้ความระมัดระวัง เพราะพวกเขามักรู้สึกโดดเดี่ยวและอาจไม่สามารถสื่อสารความรู้สึกของตัวเองได้อย่างตรงไปตรงมา การสนับสนุนจากคนใกล้ตัวจึงมีความสำคัญมากในการฟื้นฟูสภาพจิตใจและอารมณ์ของพวกเขา
1. การให้ความสำคัญกับการฟัง
สิ่งสำคัญที่สุดในการช่วยเหลือคนที่เป็นโรคซึมเศร้าคือการฟังอย่างตั้งใจและจริงจัง การฟังแบบไม่ตัดสินหรือไม่บอกให้เขาหยุดคิดหรือหยุดเศร้า จะทำให้เขารู้สึกว่ามีคนเข้าใจและอยู่เคียงข้าง
2. การไม่ให้คำแนะนำที่ไม่เหมาะสม
คำแนะนำที่ดูเหมือนจะช่วย เช่น “ทำไมไม่พยายามคิดบวก” หรือ “แค่หยุดคิดมากสิ” อาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกถูกตัดสินหรือไม่เข้าใจ อาการของคนเป็นโรคซึมเศร้าคือสิ่งที่ไม่สามารถแก้ไขได้ง่ายๆ ด้วยการคิดบวกหรือเพียงแค่พยายาม
3. การแสดงความห่วงใย
การให้คำพูดที่แสดงถึงความห่วงใยอย่างจริงใจ เช่น “ฉันอยู่ที่นี่เพื่อคุณเสมอ” หรือ “ฉันเข้าใจว่ามันยาก แต่คุณไม่ได้อยู่คนเดียว” จะช่วยให้เขารู้สึกว่ามีคนที่คอยสนับสนุนและอยู่เคียงข้าง
วิธีปลอบใจคนที่เป็นโรคซึมเศร้า
Cr.Freepik
การพูดคุยกับคนที่เป็นโรคซึมเศร้าควรทำด้วยความละเอียดอ่อนและความเข้าใจ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้พวกเขารู้สึกว่าถูกตัดสินหรือบังคับ การปลอบใจคนที่เป็นโรคซึมเศร้าควรทำอย่างระมัดระวังและให้ความสำคัญกับความรู้สึกของเขา
1. ฟังอย่างตั้งใจ
การฟังอย่างตั้งใจและเปิดใจจะช่วยให้คนที่เป็นโรคซึมเศร้ารู้สึกว่าเขามีคนคอยเข้าใจ และไม่โดดเดี่ยว คำพูดที่สามารถใช้ได้ เช่น “ฉันอยู่ที่นี่ถ้าคุณอยากคุย” หรือ “บอกฉันเถอะ ว่าคุณรู้สึกยังไง”
2. หลีกเลี่ยงการตัดสิน
ควรหลีกเลี่ยงคำพูดที่อาจทำให้คนที่เป็นโรคซึมเศร้ารู้สึกผิดหรือถูกตัดสิน เช่น “ไม่เห็นจะมีอะไรน่าเศร้าเลย” หรือ “ทุกคนก็มีปัญหาเหมือนกัน” เพราะมันอาจทำให้พวกเขารู้สึกว่าความรู้สึกของตนเองไม่สำคัญ
3. คำพูดให้กำลังใจ
คำพูดที่ให้กำลังใจจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจ เช่น “มันอาจยากในตอนนี้ แต่ฉันเชื่อว่าเธอทำได้” หรือ “เราจะเดินไปด้วยกัน”
4. ยอมรับความรู้สึกของเขา
การยอมรับและไม่ตัดสินความรู้สึกของคนที่เป็นโรคซึมเศร้าจะช่วยให้พวกเขารู้สึกดีขึ้น ตัวอย่างคำพูดเช่น “มันไม่เป็นไรที่จะรู้สึกแบบนี้” หรือ “คุณไม่ผิดที่รู้สึกแบบนี้”
5. ช่วยมองเห็นสิ่งดีๆ
คนที่เป็นโรคซึมเศร้ามักจะมองไม่เห็นสิ่งดีในชีวิต การช่วยให้เขามองเห็นสิ่งดีๆ แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย เช่น “คุณทำให้วันของฉันดีขึ้น” หรือ “วันนี้คุณดูดีขึ้นมาก” สามารถช่วยเพิ่มกำลังใจให้พวกเขา
6. สนับสนุนการรักษา
การส่งเสริมให้คนที่เป็นโรคซึมเศร้าได้รับการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญ เช่น การไปพบจิตแพทย์หรือการเข้าร่วมกลุ่มบำบัดเป็นสิ่งที่สำคัญ คำพูดเช่น “คุณไม่ต้องทำคนเดียว เราจะหาความช่วยเหลือร่วมกัน” จะช่วยให้พวกเขารู้สึกว่าการรักษาเป็นเรื่องที่สามารถทำได้
การป้องกันโรคซึมเศร้า
Cr.Freepik
1.การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ควรกินอาหารที่ครบ 5 หมู่ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็น เช่น โอเมก้า 3 วิตามิน อี, ซี, ดี, ทองแดง และธาตุเหล็ก หากขาดสารอาหารเหล่านี้อาจทำให้มีความเสี่ยงในการเกิดโรคซึมเศร้า
2.การออกกำลังกาย ควรออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 4 ครั้ง ครั้งละ 30-40 นาที ซึ่งช่วยให้ร่างกายปลอดโปร่งและกระตุ้นการหลั่งสารเคมีในสมองที่ช่วยให้รู้สึกดี โดยเลือกกิจกรรมที่ไม่หนักเกินไป เช่น การเดินเร็ว หรือ ออกกำลังกายที่บ้านง่ายๆ ตามสไตล์ Shopee Blog 10 ทริค ออกกำลังกายในบ้าน ด้วยตนเอง แบบไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์ ก็สามารถนำไปออกกำลังตามได้ทุกวัน
3.การพักผ่อนให้เพียงพอ ควรนอนหลับให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนและฟื้นฟู หากนอนหลับเพียงพอจะช่วยให้ตื่นขึ้นมารู้สึกสดชื่นและไม่ง่วงหรือเพลีย
4.การทำสมาธิ การทำสมาธิช่วยให้สมองผ่อนคลาย ลดความเครียด และส่งเสริมสุขภาพจิตใจ การฝึกสมาธิอย่างสม่ำเสมอช่วยให้มีสมาธิที่ดีขึ้นและลดความวิตกกังวล
5.การฝึกคิดบวก: การฝึกให้ตัวเองคิดในแง่บวกเสมอจะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับจิตใจ ช่วยให้รับมือกับอุปสรรคต่างๆ ได้ดีขึ้น โดยการคิดบวกจะทำให้มองโลกในแง่ดี และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคซึมเศร้า
โรคซึมเศร้าเป็นภาวะที่สามารถรักษาได้ แต่การได้รับการสนับสนุนจากคนใกล้ตัวเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยให้ผู้ป่วยสามารถฟื้นฟูสภาพจิตใจได้เร็วขึ้น การเข้าใจสาเหตุของโรค การพูดคุยอย่างละเอียดอ่อน และการปลอบใจอย่างมีความห่วงใยจะช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าพวกเขามีคนคอยสนับสนุนและพร้อมที่จะต่อสู้กับโรคนี้ไปด้วยกัน
และเรายังมีเคล็ดลับดูแลสุขภาพอีกมากมาย เช่น 10 การดูแลสุขภาพตนเองเบื้องต้น ให้ห่างไกลโรค สุขภาพดีอย่างยั่งยืน และสาระเกี่ยวกับอาหารที่ส่งผลต่อสุขภาพที่ดี 10 คุณประโยชน์ของชาเขียว เครื่องดื่มสุดฮอตฮิต ที่ดีต่อสุขภาพ ทั้งหมดนี้ติดตามได้ที่ Shopee Blog
Cr. bumrungrad and brainwellmedical