Tech & Gadgets

ชี้เป้า 7 ลำโพง Marshall รุ่นไหนดี 2023 ที่เหมาะกับสไตล์คอเพลง

ณ เวลานี้หากใครกำลังมองหาลำโพงฟังเพลงเสียงดี ๆ สักตัว หรือใครที่ชื่นชอบการฟังเสียงดนตรีเป็นชีวิตจิตใจ ก็น่าจะเคยได้ยินลำโพงจากแบรนด์ Marshall มาก่อน แค่เพียงเอ่ยชื่อก็รู้แล้วว่าเป็นยี่ห้อลำโพงที่ได้รับความนิยมกันอย่างมาก ถือได้ว่าเป็นแบรนด์เครื่องเสียงระดับสูงเลยก็ว่าได้ ด้วยคุณภาพเสียงที่เป็นเอกลักษณ์อย่างโดดเด่น มีเสียงเบสที่แน่น และเสียงกีต้าร์ที่โดนใจเหล่าคอเพลง และสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งปัจจุบันมีผู้คนมากมายที่หันมาเลือกใช้ลำโพง Marshall เนื่องจากทางแบรนด์ได้ดีไซน์ลำโพงออกมาสวยเตะตาเตะใจ! ทำให้เราสามารถเลือกใช้ให้เหมาะกับความต้องการของแต่ละคนได้ ไม่ว่าจะใช้ฟังเพลง ทำกิจกรรม หรือดูหนัง ก็สามารถที่จะตอบโจทย์ความต้องการได้ในแต่ละไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันออกไป ถ้าพร้อมแล้วก็ไปปักลำโพง Marshall รุ่นไหนดี 2023 กันได้เลย!

รู้จัก Marshall แบรนด์ตำนานของวงการดนตรี

ก่อนที่เราจะไปดูว่าลำโพง Marshall มีกี่รุ่น หรือเราควรเลือกลำโพงมาแชล รุ่นไหนดี เราจะพามาเจาะลึกกันว่าทำไมลำโพง Marshall ถึงได้รับความนิยมกันนักกันหนา ไปดูกัน! เกริ่นก่อนว่ามาแชลเป็นแบรนด์ที่มาจากสัญชาติอังกฤษ ที่ก่อตั้งมาอย่างยาวนานกว่า 50 ปีแล้ว และได้เป็นที่ยอมรับแห่งวงการดนตรีกันมาอย่างยาวนาน และมีดีไซน์ที่ยังคงความคลาสสิคโดยเน้นงานเป็นแนววินเทจ ถือว่าถูกใจสุด ๆ และสาเหตุที่แบรนด์นี้ ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานนั่นก็คือ

credit : unsplash.com
  • คุณภาพเสียงที่ดี : เนื่องจากสินค้าจากทาง Marshall ส่วนใหญ่ผลิตมาเพื่อใช้งานกับวงดนตรี คุณภาพในการดีไซน์จึงออกแบบมาเป็นอย่างดี จึงเป็นจุดเด่นที่ทำให้ใครหลายคนชื่นชอบเป็นอย่างมาก สามารถแยกเสียงดนตรีได้อย่างดีเยี่ยม มีเสียงที่นุ่ม แต่มีความหนักแน่น ถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Marshall
  • ฟังก์ชันการใช้งานที่ทันสมัย และหลากหลาย : ด้วยคุณสมบัติอัจฉริยะ สามารถควบคุมผ่านมือถือและเชื่อมต่อได้หลากหลายเครื่อง รองรับการเชื่อมต่อแบบ Optical, Bluetooth, RCA, Aux และฟังก์ชั่นอื่น ๆ มีโหมดประหยัดพลังงานที่ช่วยถนอมแบตได้เป็นอย่างดี
  • สวยงาม หรูหรา เรียบง่าย สไตล์วินเทจ : ใครที่เห็นเป็นต้องสะดุดตา ถูกออกแบบมาให้มีความสวยงาม หรูหรา มีความเรียบง่าย สีสันไม่ฉูดฉาด มีความคลาสสิคที่ผสมผสานกับความวินเทจได้อย่างลงตัว ไม่เพียงแต่แค่คุณภาพเสียงที่ดี คุณยังสามารถมีลำโพง Marshall ไว้ประดับบ้านได้อีกด้วย
    • มีให้เลือกหลากหลายรุ่น : ถ้าจะถามว่าลำโพง Marshall มีกี่รุ่นอยากจะบอกเลยว่ามีหลากหลายมาก ๆ ทั้งหมดก็เพื่อรองรับการใช้งานลำโพงบลูทูธในทุกรูปแบบจึงมีหลายขนาดให้เลือก อย่างเช่น Marshall Acton, Marshall Stockwell, Marshall Kilburn, Marshall Stanmore, Marshall Woburn โดยแต่ละรุ่นจะให้คุณภาพเสียงที่แตกต่างกัน

แนะนำ 7 อันดับ ลำโพง Marshall รุ่นไหนดี 2023

1. Marshall Woburn II Bluetooth

ราคา 26,990 บาท 

เป็นลำโพงที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นลำโพงที่ราวกับนักดนตรีผู้แข็งแกร่ง เป็นรุ่นลำโพง Marshall Home Speaker ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของซีรีย์นี้เลยก็ว่าได้ ให้เสียงที่ก้องกังวานเหมือนกับว่ากำลังฟังเสียงดนตรีสด ๆ มาพร้อมกับเสียงที่ดุดัน และทรงพลัง มีเสียงเบสที่หนักแน่น ถูกดีไซน์มาเพื่อเป็นลำโพงที่ให้เสียงในแบบเฉพาะของ Marshall เท่านั้น ถ้าใครที่กำลังมองหาลำโพง Marshall รุ่นไหนดีที่สามารถได้ยินเสียงแม้เราจะอยู่ไกล ต้องบอกเลยว่าตัวนี้คือตัวเด็ดเลย เพราะสามารถฟังเพลงได้ในระยะพื้นที่มากถึง 100 ตารางวา และทางแบรนด์บอกอีกด้วยว่าเจ้าตัว Marshall Woburn ll ถูกประกอบขึ้นมาอย่างละเอียดและประณีต มาพร้อมกับดีเทลแบบสุดคลาสสิค ด้วยตะแกรงครอบด้านหน้าลำโพงแบบ Salt & Pepper และโลโก้ตัวอักษรที่มีความเป็นเอกลักษณ์ประดับอยู่บนกรอบไม้ที่แข็งแรง นอกจากจะมีโลโก้ประดับที่ด้านหน้าของลำโพงแล้ว และยังมีดีเทลเล็ก ๆ แผ่นทองเหลืองสลักปี 1962 เป็นปีที่ก่อตั้งแบรนด์ขึ้นมานั่นเอง 

คุณสมบัติ :

  1. ให้เสียงอันทรงพลัง : รุ่น Woburn II ให้เสียงที่มีโทนเสียงแหลมได้อย่างคมชัด เสียงเบสที่หนักแน่น
  2. เชื่อมต่ออย่างไร้สายด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย : สามารถเพลิดเพลินไปกับเสียงเพลง โดยไร้การรบกวนด้วยเทคโนโลยี bluetooth 5.0 และ aptX เทคโนโลยีที่จะให้เสียงเพลงแบบไร้สาย ในระยะไกลสุดโดยที่ยังเชื่อมต่อได้อยู่ไกลถึง 10 เมตร สามารถที่จะเชื่อมต่อได้ทั้งสมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, คอมพิวเตอร์
  3. ปรับแต่งเสียงได้ตามใจคุณ : เพียงแค่คุณมีแอพพลิเคชั่น Marshall Bluetooth หรือจะปรับแต่งเสียงตรงที่ลูกบิดบนแผงควบคุมที่อยู่ด้านบนตัวลำโพง สามารถปรับได้ทั้งระดับความดัง โทนเสียงแหลมและเสียงเบส
  4. ฟังก์ชันการใช้งานแบบ Multi-host : ลำโพงรุ่นนี้มีฟังก์ชันการใช้งานแบบ Multi-host ให้คุณสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่มี Bluetooth ได้ 2 เครื่องพร้อมกัน และยังสามารถสลับเปลี่ยนอุปกรณ์ได้อย่างง่ายดายอีกด้วย สามารถที่จะให้คุณและเพื่อนของคุณได้สลับกันฟังตามสไตล์ของแต่ละคนได้ทันที

รายละเอียด : 

  • ขนาด 400 x 310 x 200 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก 8.55 กิโลกรัม
  • ลำโพงซับวูฟเฟอร์ขนาด 5.25 นิ้ว
  • สเปครองรับความถี่เสียงที่ 30 – 20,000 Hz
  • กำลังขับเสียงทั้งหมด 130 วัตต์
  • เหมาะกับห้องที่มีพื้นที่ขนาด 100 ตารางวา

2. Marshall Stanmore II Bluetooth Black

ราคา 17,990 บาท 

มาต่อกันกับลำโพงรุ่นกลางที่อยู่ในซีรีย์ Marshall Home Speaker อีกตัวอย่าง Stanmore ll Buletooth มีขนาดกลางรองลงมาจาก รุ่น Marshall Woburn II Bluetooth ซึ่งมีคุณสมบัติคล้าย ๆ กัน และเจ้าตัวเป็นลำโพงที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นตำนานในทุก ๆ ด้านจากลำโพงของ Marshall ทุกรุ่น โดยลำโพงรุ่นนี้ให้เสียงคุณภาพสูงที่มีรายละเอียดครบครันตามแบบฉบับของ Marshall ให้เสียงที่คมชัดและเคลียร์ใสในระดับที่สูงที่สุด ทางเราขอกระซิบว่าข้อควรระวังคือในรุ่นนี้ไม่มีแบตเตอรี่ภายในตัว ทำให้ต้องเสียบปลั๊กไฟตลอดการใช้งาน

คุณสมบัติ : 

  1. ให้เสียงอันทรงพลัง : ให้เสียงที่คมชัดและเคลียร์ใสในระดับที่สูงที่สุด โดยที่ห้องลำโพงทำจากไม้ทำให้ได้เสียงที่อบอุ่น และเป็นธรรมชาติ ระบบสะท้อนเสียงเบสที่มีพอร์ตช่วยเพิ่มประสิทธิภาพแม้เป็นเสียงความถี่ต่ำ
  2. เชื่อมต่ออย่างไร้สายด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย : ด้วยเทคโนโลยี Bluetooth 5.0 และ aptX เทคโนโลยีที่จะให้เสียงเพลงแบบไร้สาย ไม่ทำให้เสียงขาดหาย ได้ในระยะไกลสุดโดยที่ยังเชื่อมต่อได้อยู่ถึง 30 ฟุต
  3. ฟังก์ชันการใช้งานแบบ Multi-host : ลำโพงรุ่นนี้มีฟังก์ชันการใช้งานแบบ Multi-host ให้คุณสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่มี Bluetooth ได้ 2 เครื่องพร้อมกัน และยังสามารถสลับเปลี่ยนอุปกรณ์ได้อย่างง่ายดายอีกด้วย สามารถที่จะให้คุณและเพื่อนของคุณได้สลับกันฟังตามสไตล์ของแต่ละคนได้ทันที

รายละเอียด : 

  • ขนาด 350 x 195 x 185 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก 4.65 กิโลกรัม
  • สเปครองรับความถี่เสียงที่ 50 – 20,000 Hz
  • กำลังขับเสียงทั้งหมด 80 วัตต์
  • เหมาะกับการใช้งานในห้องที่มีขนาด 50 ตารางวา

3. Marshall Stockwell II

ราคา 8,990 บาท 

ต่อกันเลยกับลำดับที่ 3 เป็นอีกหนึ่งลำโพงที่ควรมีติดตัวไว้เลยเพราะ ลำโพงพกพารุ่นนี้ถูกสร้างมาเพื่อเป็นเพื่อนรักนักเดินทางโดยเฉพาะ ซึ่งอยู่ในซีรีย์ Portable Speaker มาพร้อมจุดเด่นที่ตอบโจทย์การใช้งานพกพา ด้วยการออกแบบที่สะท้อนถึงความคลาสสิคแห่งยุค Rock ‘n’ Roll, Stockwell II ใช้ตะแกรงด้านหน้าที่ทำจากโลหะอย่างดี ซึ่งเป็นโลหะชนิดเดียวกับที่ใช้เป็นตะแกรงในไมโครโฟนจำนวนมาก และสายสำหรับหิ้วที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกีตาร์ เลยทำให้สะดวกสบายต่อการพกพาไปในที่ต่าง ๆ มาก ถือได้ว่าปลอดภัยเหมาะแก่การเดินทางและภายนอกตัวลำโพงที่เป็นซิลิโคน ถือว่าเหมาะสำหรับคนที่กำลังมองหาลำโพง Marshall รุ่นไหนดีสุด!

คุณสมบัติ : 

  1. ระบบเสียงรอบทิศทาง : ด้วยระบบ Blumlein Stereo Sound ที่จะทำให้คุณนั้นดื่นด่ำไปกับเสียงเพลงได้ทุกที่ มอบประสบการณ์เสียงรอบทิศทางไม่ว่าจะเป็นในหรือนอกบ้าน และลำโพงทวีตเตอร์ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ให้ได้เสียงอันทรงพลังและใสกังวาน ตัวลำโพงถูกสร้างมาพร้อมกับระบบสะท้อนเสียงเบส ซึ่งจะช่วยให้ได้เสียงเบสที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และขยายช่วงคลื่นความถี่ของเสียง ในขณะเดียวกันก็ทำให้เสียงเพี้ยนลดลงอีกด้วย
  2. การออกแบบที่ทนทานและปลอดภัย : Stockwell II มีค่ามาตรฐานการกันน้ำอยู่ที่ระดับ IPX4 ลำโพงรุ่นนี้จึงมีความทนทานอย่างมาก ภายนอกนั้นถูกห่อหุ้มด้วยซิลิโคน มาพร้อมกับตะแกรงด้านหน้าที่ทำจากโลหะอย่างดี
  3. ระยะเวลาในการใช้งาน : Stockwell II สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 20+ ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ว่ากันว่าด้วยขนาดเล็กกะทัดรัดและสายหิ้วที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกีตาร์ ทำให้เหมาะที่จะพกพาไปกับคุณในทุก ๆ ที่
  4. ชาร์จได้อย่างรวดเร็ว : มีความสามารถในการชาร์จได้อย่างรวดเร็ว ให้คุณสามารถออกจากบ้านได้ทันที เพียง 20 นาที ก็สามารถใช้งานได้ถึง 6 ชั่วโมง โดยแบตเตอรี่สามารถชาร์จได้เต็มภายในเวลาเพียง 5 ชั่วโมงเท่านั้น

รายละเอียด : 

  • ขนาด 180 x 161 x 70 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก  1.38 กิโลกรัม
  • สเปครองรับความถี่เสียงที่ 50 – 20,000 Hz
  • กำลังขับเสียงทั้งหมด 20 วัตต์
  • กันน้ำกระเซ็นที่มาตรฐาน IPX4

4.Marshall Emberton

ราคา 6,990 บาท 

มาต่อกันกับลำโพงสายพกพาอีกตัวอย่าง Emberton เป็นลำโพงขนาดพกพาที่มาพร้อมกับเสียงดังกระหึ่มและกังวานใสในแบบฉบับที่ Marshall เท่านั้นที่จะมอบให้กับคุณได้ โดยใช้ True Stereophonic ซึ่งเป็นระบบการให้เสียงรอบทิศทางเอกลักษณ์เฉพาะของ Marshall ให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์เสียง 360 องศา ที่จะทำให้ทุกพื้นที่ในบ้านของคุณเป็นพื้นที่ที่คุณสามารถดื่มด่ำกับเสียงเพลงได้เป็นอย่างดี 

คุณสมบัติ :

  1. คุณภาพเสียงยอดเยี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์ : ให้เสียงที่ทรงพลัง ใสกังวาน และดังกังวานราวกับว่ามีนักร้องมาร้องให้ฟังอยู๋ตรงหน้า
  2. ดีไซน์ที่ปลอดภัย : มีความแข็งแรงและทนทานระดับสูงและเรื่องดีไซน์ที่ใช้งานง่าย และค่ามาตรฐานการกันน้ำในระดับ IPX7

รายละเอียด : 

  • ขนาด 68 x 160 x 76 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก  0.7 กิโลกรัม
  • สเปครองรับความถี่เสียงที่ 60 – 20,000 Hz
  • กำลังขับเสียงทั้งหมด 20 วัตต์
  • กันน้ำกระเซ็นที่มาตรฐาน IPX7  (กันน้ำลึก 1 เมตรไม่เกิน 30 นาที)
  • ให้เสียงรอบทิศทาง 360 องศา

5.Marshall Kilburn II

ราคา 5,699 บาท

ด้วยดีไซน์แบบแอมป์สุดคลาสสิคของเเบรนด์ Marshall  ทำให้พกพาง่ายด้วยสายหนังหูหิ้วสวยแบบไม่อายใคร  เหมาะกับผู้ที่มองหาลำโพงแบบพกพาคลาสสิคเท่ ๆ เสียงเบสนั้นแน่นลงได้ลึก เสียงแหลมกำลังดี ไม่จัดจนแสบหู มิติเสียงเป็นลักษณะที่ก้องกังวาน เครื่องดนตรีแยกชิ้นกันได้ดี  โดยในรุ่นนี้มาพร้อมกับการที่แบรนด์นั้นปรับเปลี่ยนหลายจุดใหญ่ ๆ โดยอย่างแรกก็คือ เรื่องของแบตเตอรี่ ที่อัพเกรดให้ตอบโจทย์ลำโพงที่พกพาไปได้ทุก ๆ ที่มากกว่าเดิมกับการใช้งานต่อเนื่องยาวนานถึง 20+ ชั่วโมงกันเลย ทำให้หมดกังวลกันไปได้เลยว่าชาร์จเต็มแล้วจะอยู่ได้ไม่นาน เพราะรอบนี้จัดมาให้เต็ม ๆ

คุณสมบัติ : 

  1. ระยะเวลาในการใช้งาน :  แบตเตอรีใช้งานได้ต่อเนื่อง 20 ชั่วโมง พร้อมระบบชาร์จเร็วเพื่อการใช้งานที่ต่อเนื่อง
  2. ขับเสียงแบบ Multi-Direction
  3. ควบคุมง่ายด้วยระบบ Control Knob

รายละเอียด : 

  • ขนาด 243 × 162 × 140 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก 2.5 กิโลกรัม
  • สเปครองรับความถี่เสียงที่ 52 – 20,000 Hz
  • กำลังขับเสียงทั้งหมด 36 วัตต์
  • กันน้ำกระเซ็นที่มาตรฐาน IPX2

6. Marshall Major IV Bluetooth Brown

ราคา 5,490 บาท 

เรามาเกินครึ่งทางกันแล้วกับลำโพง Marshall รุ่นไหนดี ซึ่งตัวต่อมาขอแนะนำให้รู้จักกับ Major IV หูฟังครอบหูสุดคลาสสิคของ Marshall ที่ถูกออกแบบมาห้คุณรู้สึกว่าสวมใส่ได้สบาย แม้ว่าคุณใส่มาแล้วในชั่วโมงที่ 10 ก็จะยังคงรู้สึกเหมือนกับชั่วโมงแรกที่ใส่ และฟองน้ำครอบหูของ Major IV ทำให้รู้สึกนุ่มยิ่งขึ้น และเข้ารูปกับหูมากยิ่งขึ้น ทำให้เป็นหูฟังที่สวมใส่สบายและใส่ได้ยาวนานยิ่งกว่าเดิม และมีเสียงที่ทรงพลังไม่ว่าจะใส่เล่นเกม หรือใส่เพื่อฟังเพลงก็ได้

คุณสมบัติ : 

  1. เสียงอันเป็นเอกลักษณ์ : Major IV เพื่อระเบิดเสียงอันทรงพลัง ด้วยไดรเวอร์แบบปรับเสียงได้ dynamic driver ทำให้ได้เสียงเบสที่ดุดัน, เสียงย่านกลางนุ่มละมุน และเสียงปลายแหลมที่ชัดเจนมีมิติ ทำให้ออกมาเป็นเสียงที่เต็มไปด้วยรายละเอียดครบครัน
  2. รองรับการชาร์จแบบไร้สาย : ช่วยให้การชาร์จแบตในเวลาเร่งด่วนนั้นง่ายดายยิ่งขึ้น โดยวางหูฟังของคุณไว้บนแท่นชาร์จ
  3. ระยะเวลาในการใช้งาน : มีระยะเวลาการใช้งานแบบไร้สายที่ยาวนานถึง 80+ ชั่วโมง ด้วยแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้นานกว่า 2 วันเต็ม ๆ สามารถชาร์จได้อย่างรวดเร็ว ในการชาร์จเพียง 15 นาที สามารถใช้งานได้นานถึง 15 ชั่วโมง
  4. แบ่งปันเพลงที่คุณฟังได้ : Major IV ยังสามารถให้เพื่อนของคุณเชื่อมต่อสายหูฟังเข้ากับช่องเสียบนั้น แล้วเพลิดเพลินไปกับเสียงเพลงพร้อมกันกับคุณได้ ให้คุณได้แชร์เพลงของคุณให้เพื่อนฟังได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว

รายละเอียด : 

  • สายชาร์จ USB-C
  • ออกแบบที่เข้ากับสรีระ และทนทาน
  • ช่องเสียบขนาด 3.5 มิลลิเมตร
  • ปุ่มควบคุมแบบหลายคำสั่งในปุ่มเดียว

7. Marshall Mode II

ราคา 5,990 บาท 

มาที่ตัวสุดท้ายกันเลยอย่างหูฟังไร้สาย Marshall Mode ll หูฟังไร้สายที่เกิดมาเพื่อให้เสียงดังกระหึ่ม เป็นหูฟังอินเอียร์ไร้สายในแบบหูฟัง True Wireless รุ่นแรกของ Marshall ถูกดีไซน์ขึ้นมาเพื่อเพื่อให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์ฟังเสียงที่ดังก้องกังวาน เสียงทรงพลังอันเป็นเอกลักษณ์โดย มีไดรเวอร์ขับเสียง Custom-Tuned Dynamic Drivers ช่วยให้ผู้ฟังได้สัมผัส การฟังเพลงในแบบที่เสียงมีรายละเอียดชัดเจน โดยมีเสียงเบสที่หนักแน่น เสียงกลางที่เป็นธรรมชาติ และเสียงแหลมที่คมชัด ทำให้คุณได้สัมผัสกับประสบการณ์ราวกับว่าคุณกำลังยืนอยู่หน้าเวทีคอนเสิร์ตแบบจริง ๆ  

คุณสมบัติ : 

  1. เสียงอันเป็นเอกลักษณ์ : มีไดรเวอร์ขับเสียง Custom-Tuned Dynamic Drivers ช่วยให้ผู้ฟังได้สัมผัสการฟังเพลงแบบเต็มอิ่ม เสียงเบสที่แน่น เสียงกลางที่เป็นธรรมชาติ และเสียงแหลมที่คมชัด
  2. เคสชาร์จไร้สาย : มาพร้อมกับเคสชาร์จไร้สายที่พกพาได้อย่างง่ายดาย สามารถที่จะพกใส่กระเป๋าสะพาย หรือจะกางเกงได้พอดี โดยที่เคสชาร์จไร้สายนี้สามารถชาร์จหูฟังได้ถึง 4 ครั้งเมื่อชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม และ มีไฟ LED แสดงระดับแบตเตอรี่ปัจจุบันของตัวเคสและจะแสดงเมื่อชาร์จแบตเตอรี่หูฟังจนเต็มแล้ว
  3. ระยะเวลาในการใช้งาน : คุณสามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้ Mode II ได้มากถึง 4 ครั้ง ซึ่งทำให้สามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 25 ชั่วโมงนั่นเอง จะเฉลี่ยได้ว่าสามารถใช้งานได้ยาวนาน 5 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

รายละเอียด : 

  • ออกแบบที่เข้ากับสรีระ และทนทาน
  • มาตรฐานการกันน้ำในระดับ IPX4

ลำโพง Marshall รุ่นไหนดี 2023 ที่ควรมีไว้ฟังเพลงกันอย่างเพลิดเพลิน

เป็นยังไงกันบ้างจะเห็นได้ว่า ลำโพง Marshall รุ่นไหนดี 2023 แต่ละซีรีย์นั้นมีจุดเด่น จะเห็นได้ว่าแต่ละซีรีย์ แต่ละรุ่นนั้นมีความสามารถ และแนวเสียงที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน เราก็ควรที่จะเลือกตามความต้องการของเราว่าชอบเสียงแนวไหน และความเหมาะสมในการใช้งานว่าจะไปใช้งานแบบไหน บางคนก็มีเพื่อไว้ฟังเองคนเดียว หรือจะมีไว้เพื่อสามารถที่จะเปิดให้คนอื่นได้ฟังด้วยเวลาทำกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยความที่ลำโพง Marshall มีราคาค่อนข้างสูง ใครมีงบก็จัดเลย! ด้วยเรื่องของคุณภาพแล้ว บอกเลยว่าคุ้มเกินคุ้ม! เราหวังว่าจะสามารถช่วยประกอบการตัดสินใจได้ง่ายขึ้นในการเลือกซื้อลำโพง Marshall กัน ครั้งต่อไปถ้ามีอะไรดี ๆ เราจะรีบเอามาแชร์ให้กับเพื่อน ๆ ทุกคนได้รู้กันเลย หรือใครที่อยากได้ซาวด์บาร์เพิ่มอีกก็สามารถเข้าไปอ่านบทความ Soundbar ยี่ห้อไหนดี ได้เลย

Shopee TH

Share
Published by
Shopee TH

Recent Posts

แนะนำ 15 รองเท้า Mary Jane ยี่ห้อไหนดี พร้อมเทคนิคเลือก

รองเท้า Mary Jane เป็นหนึ่งในสไตล์รองเท้าตามฉบับผู้ดีอังกฤษ ด้วยสายคาดที่เป็นเอกลักษณ์ รูปทรงคล้ายรองเท้านักเรียนผู้หญิง สวมสะดวก ใส่สบาย ลงตัวเป็นคัทชูที่โดดเด่น เต็มไปด้วยเสน่ห์ จนกลายเป็นรองเท้าแฟชั่นที่อยู่เหนือกาลเวลา ไม่ว่าผ่านเวลาไปนานสักแค่ไหน ‘รองเท้า Mary Jane’…

2 days ago

เคล็ดลับ วิธีทากันแดดที่ถูกต้องเพื่อการปกป้องผิวที่แท้จริงและสูงสุด

ครีมกันแดดคือเครื่องมือปกป้องผิวของคุณจากอันตรายจากรังสียูวีได้ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม คุณคิดว่าที่ทาอยู่คือทาถูกหรือยัง? ที่ทาครีมกันแดดอยู่เพียงพอหรือไม่? รู้หรือไม่ว่าผลการวิจัยบอกว่าคนส่วนใหญ่ทาครีมกันแดดไม่พอ? การทาครีมกันแดดอย่างถูกต้องเป็นกุญแจสำคัญสู่ประสิทธิภาพการปกป้องผิวที่แท้จริงจากแสงแดด ในบทความนี้ เราจะแชร์เคล็ดลับวิธีทากันแดดที่ถูกต้องแบบครอบคลุมทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้ เช่น เวลาที่ควรทากันแดด ปริมาณครีมกันแดด ทาครีมกันแดดก่อนหรือหลังครีมบํารุง หรือ ควรทากันแดดทุกกี่ชั่วโมง เพื่อให้ได้การทาครีมกันแดดที่ถูกต้องและเหมาะสม…

3 days ago

รวมลิสต์เบอร์ฉุกเฉิน ควรเซฟติดมือถือให้อุ่นใจทุกสถานการณ์

ใครที่มีแผนกำลังเดินทางไปต่างจังหวัด หรือใช้ชีวิตประจำวันบนท้องถนน อยากจะแนะนำให้เซฟเบอร์โทรฉุกเฉินต่างๆ ไว้ติดมือถือเพราะสถานการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ การเตรียมตัวรับมือไว้ก่อนจะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ต่าง ๆ จากหนักกลายเป็นเบาได้ หากได้รับการช่วยเหลือที่รวดเร็วทำให้มีความปลอดภัยทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินมากขึ้นซึ่งวันนี้ช้อปปี้ได้รวบรวมลิสต์เบอร์มือถือสำคัญ ๆ ไว้ให้ชาวแอพส้มของเราได้เซฟเก็บไว้อุ่นใจทุกการเดินทางซึ่งจะมีเบอร์ฉุกเฉินไหนบ้าง ไปเริ่มกันเลย!  Cr: freepik ทำไมถึงควรมีเบอร์ฉุกเฉินติดมือถือ  เบอร์ฉุกเฉิน…

3 days ago

ทําความสะอาดเบาะรถยนต์ด้วยตัวเอง ทำอย่างไร ทำตามได้เลยไม่ยาก

การดูแลเบาะรถยนต์ถือเป็นสิ่งสำคัญในการรักษารูปลักษณ์และยืดอายุการใช้งานของรถ เบาะรถยนต์มีหลายประเภท แต่ละประเภทต้องมีวิธีการดูแลรักษาที่แตกต่างกัน คำแนะนำในการทําความสะอาดเบาะรถยนต์และดูแลรถของคุณให้สะอาดและน่านั่งตามวัสดุ และ ตามคราบที่เกิดขึ้น มีดังนี้ เปิดวิธีทําความสะอาดเบาะรถยนต์ เบาะแบบต่างๆ Cr. Unsplash ### 1. วิธีทําความสะอาดเบาะผ้า รถยนต์…

5 days ago

เปิดแหล่งและวิธีทำ QR Code ร้านค้า ฟรี ทำที่ไหนอย่างไร

ทุกวันนี้ทุกคนคงเคยเห็น QR Code มาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง QR Code ร้านค้าที่เราเห็นและแสกนจ่ายกันอยู่ทุกวัน แต่ความจริงแล้ว QR Code มาจากไหน มีประวัติอย่างไร ทำงานยังไง และถ้าเราเป็นร้านค้า…

5 days ago

รวมฤกษ์บวช 2567 สำหรับเตรียมตัวบวชเพื่อพ่อแม่ และตนเอง

Credit : Freepik การบวชนั้น ถือเป็นธรรมเนียมและข้อปฏิบัติอย่างหนึ่งของพุทธศาสนิกชนในประเทศไทย ที่มีความเชื่อกันว่า ครั้งหนึ่งลูกผู้ชายควรที่จะบวชเพื่อทดแทนบุญคุณของบุพการีที่เลี้ยงดูเรามาตั้งแต่เด็ก จึงกลายมาเป็นธรรมเนียมที่ผู้ชายนั้นจะบวชในช่วงอายุ 20-25 ปีเพื่อทดแทนบุญคุณให้กับพ่อแม่หรือผู้ปกครองนั่นเอง โดยการบวชนั้น ก็มีการยกเอาเรื่องของฤกษ์ยามมาเป็นสิ่งสำคัญด้วยเช่นกัน ดังนั้น ในบทความนี้ Shopee…

5 days ago