Work & Productivity

เครียดจากการเรียนมาอ่าน! วิธีคลายเครียด ฉบับนักเรียน ไม่ยาก ทำตามได้จริง

ความเครียดของนักเรียนเป็นปัญหาทั่วไปที่ส่งผลกระทบต่อนักเรียนจำนวนมาก อาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น ความกดดันด้านการเรียน ความโดดเดี่ยวทางสังคม ปัญหาทางการเงิน หรือปัญหาส่วนตัว ผลกระทบของความเครียดต่อนักเรียนอาจเป็นผลเสีย นำไปสู่ความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า และปัญหาสุขภาพร่างกาย

เพื่อรับมือกับความเครียด ดังนั้น วิธีคลายเครียด หรือ วิธีลดความเครียด จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ควรรู้ เพื่อนำไปบริหารให้ชีวิตไม่พัง ลดความเครียด และยังให้คุณทำได้ดีที่สุดและยั่งยืนในระยะยาวได้ 


หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้

ประเภทของความเครียด? เข้าใจเพื่อแก้และหาวิธีคลายเครียดให้ถูกจุด

ความเครียดมีสามประเภท: ความเครียดเฉียบพลัน, ความเครียดเฉียบพลันเป็นกรณี ๆ และความเครียดเรื้อรัง 

  1. ความเครียดเฉียบพลัน เกิดจากเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหัน
  2. ความเครียดเฉียบพลันที่เกิดขึ้นเป็นระยะๆ เกิดจากรูปแบบของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ
  3. ความเครียดเรื้อรัง เกิดจากปัญหาหรือสถานการณ์ระยะยาว

สาเหตุของความเครียดอาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน แต่สาเหตุที่พบบ่อย ได้แก่ ความกดดันจากการทำงานหรือโรงเรียน ปัญหาทางการเงิน ปัญหาความสัมพันธ์ ปัญหาสุขภาพ และการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต ลองทบทวนให้ดีว่าคุณคิดถึงเรื่องอะไรแล้วมักจะปวดหัวชวนให้อยากหยิบยาแก้ปวดหัวมาทา แล้วเรื่องนั้นเกิดขึ้นมานานแค่ไหนและบ่อยแค่ไหนแล้ว คุณจะต้องคิดวิธีรับมือและเลี่ยงความเครียดแต่ละประเภทต่างกันออกไป เช่น ความเครียดเฉียบพลันอาจเป็นเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้นได้ไม่นานและไม่บ่อย คุณอาจต้องพยายามเลี่ยงหรือทำเหตุการณ์นั้นให้จบ แต่ถ้าเป็นปัญหาระยะยาว คุณจะต้องคิดว่าจะทำยังไงให้จบปัญหานี้ได้ในระยะเวลาที่สั้นลง ถ้าคุณเห็นจุดจบที่แน่นอน ให้ลองวางแผนว่าจะค่อยๆทำให้งานหรือการอ่านหนังสือคืบหน้าไปได้เท่าไหร่ เช่น หนังสือที่จะสอบมี 10 บท 200 หน้า คุณอาจต้องวางแผนอ่านหนังสือเล่มนี้วันละ1บท คือวันละ 20หน้า ให้ได้


สาเหตุแห่งความเครียด นักเรียนมักจะเครียดจากอะไร?

Cr. Unsplash

ความเครียดที่พบบ่อยในนักเรียน มีหลายปัจจัยที่อาจทำให้นักเรียนเกิดความเครียด และแหล่งที่มาของความเครียดอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละคน อย่างไรก็ตาม สาเหตุทั่วไปบางประการของความเครียดสำหรับนักเรียน ได้แก่:

แรงกดดันด้านการเรียน

แรงกดดันด้านวิชาการเป็นสาเหตุที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของความเครียดสำหรับนักเรียน นักเรียนอาจรู้สึกกดดันที่ต้องเรียนเก่ง ทำงานที่ได้รับมอบหมายทันกำหนดเวลา ทำงานกลุ่มได้ราบรื่น พรีเซ้นงานได้ดี และทำข้อสอบได้คะแนนดี ซึ่งอาจนำไปสู่ความเครียดและความวิตกกังวลได้

ความเครียดทางการเงิน

นักเรียนหลายคนอาจประสบกับความเครียดทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพวกเขาต้องจ่ายค่าเล่าเรียนด้วยตนเอง ค่าเล่าเรียน ค่าหนังสือเรียน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ อาจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และนักเรียนอาจรู้สึกกดดันที่จะต้องสร้างสมดุลระหว่างความรับผิดชอบด้านการเรียนกับงานและภาระทางการเงินอื่นๆ

แรงกดดันทางสังคม

นักเรียนอาจรู้สึกกดดันที่ต้องเข้าสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรงเรียนมัธยมและมหาวิทยาลัย พวกเขาอาจรู้สึกกดดันที่จะต้องหาเพื่อน รักษาความสัมพันธ์ และมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคม ซึ่งอาจเป็นเรื่องท้าทายสำหรับนักเรียนบางคน ถ้าคุณเป็นนักเรียนคนนั้น เราขอให้กำลังใจก่อน และอยากให้คุณรู้ไว้ว่าคุณไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวและสิ่งที่

ความคาดหวังของครอบครัว

ความคาดหวังของครอบครัวอาจเป็นสาเหตุของความเครียดที่สำคัญสำหรับนักเรียน นักเรียนบางคนอาจรู้สึกกดดันที่ต้องทำตามความคาดหวังของผู้ปกครองหรือสมาชิกในครอบครัว ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับผลการเรียนหรือเป้าหมายในอาชีพ คุณต้องเข้าใจว่าบางทีการกดดันก็นำไปซึ่งการพยายามและการพัฒนา แต่การกดดันเกินไปไม่ว่าจะเป็นจากครอบตัวหรือคุณเอง สามารถทำให้คุณป่วย และคุณจะฝืนทำสิ่งที่คุณกดดันได้ไม่นาน หรืออาจทำให้คุณมีอาการเครียดและปวดหัวจนทำสิ่งที่อยากทำได้อย่างไม่ยั่งยืน จุดนี้คุณจะต้องสำรวจตัวเองดีๆว่าขีดจำกัดความเครียดคุณอยู่ตรงไหน หากเครียดเกินไปคุณควรทำกิจกรรมอื่นเพื่อไม่คิดถึงสิ่งที่เครียดสักพัก คลายเครียดก่อนพยายามใหม่จะดีกว่า และถ้าหากครอบครัวคุณไม่เข้าใจคุณควรบอกพวกเขาตรงๆว่าการพยายามทำต่อไปจะส่งผลเสียมากกว่า และที่สำคัญอาจกระทบผลกระทบด้านลยต่อทั้งร่างกายและจิตใจ

การจัดการเวลา

ประการสุดท้าย การจัดการเวลายังทำให้เกิดความเครียดสำหรับนักเรียน การจัดสมดุลระหว่างงานโรงเรียน กิจกรรมนอกหลักสูตร และความรับผิดชอบส่วนตัวอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย และนักเรียนอาจประสบปัญหาในการหาเวลาให้เพียงพอในแต่ละวันเพื่อทำทุกอย่างให้เสร็จ

โปรดทราบว่านี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ของแหล่งที่มาของความเครียดที่อาจเกิดขึ้นกับนักเรียน และประสบการณ์ของนักเรียนแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม โดยการระบุสาเหตุทั่วไปของความเครียดเหล่านี้ เราสามารถเริ่มพัฒนากลยุทธ์เพื่อช่วยนักเรียนจัดการกับระดับความเครียดและประสบความสำเร็จด้านการเรียน


ลดความเครียด จากการเรียนยังไงดี?

นักเรียนสามารถลองใช้กลยุทธ์ต่างๆ เช่น การบริหารเวลา การออกกำลังกาย เทคนิคการผ่อนคลาย การขอความช่วยเหลือจากเพื่อนและครอบครัว หรือการให้คำปรึกษาจากมืออาชีพ สิ่งสำคัญสำหรับนักเรียนคือการจัดลำดับความสำคัญของการดูแลตนเองและสุขภาพจิต และขอความช่วยเหลือเมื่อจำเป็น

สถาบันการศึกษายังสามารถมีบทบาทในการลดความเครียดของนักเรียนได้ด้วยการจัดหาทรัพยากรและบริการสนับสนุน (ถ้าสถาบันปัจจุบันที่คุณอยู่ไม่มี ก็สามารถเรียกร้องให้มีได้นะ!) เช่น การให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิต การให้คำปรึกษาด้านวิชาการ และความช่วยเหลือทางการเงิน การส่งเสริมสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ในเชิงบวกและสนับสนุนสามารถช่วยลดระดับความเครียดให้กับนักเรียนได้

ต่อไปนี้เป็นวิธีคลายเครียดจากการเรียน:

1. จัดการเวลาของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ

การจัดเวลานั้นสำคัญมาก คุณควรสร้างตารางเวลาและจัดลำดับความสำคัญของงาน เทคนิคสำคัญที่ได้ผลดีเสมอก็คือ Time-boxing หรือการล็อคตารางเวลาของคุณให้กับเรื่องต่างๆอย่างลงตัว ลองล็อคตารางแต่ละชั่วโมงของวันของคุณแล้วทำตามดู พอเริ่มเวลาก็ทำตามนั้น พอเลิกก็ไปทำอย่างต่อไป โดยอย่าลืมเผื่อเวลาทานข้าวหรือพักผ่อนไว้เช่นกัน การทำตามตารางที่ตั้งไว้จะแก้ปวดหัวให้คุณไปได้มาก ทำให้คุณไม่ต้องพะวงหรือคิดมาก ไม่ต้องเครียดและห่วงงานอื่นเพราะคุณเผื่อเวลาไว้ทำภายหลังแล้ว หรือไม่ต้องเครียดว่าจะทำอะไรเสร็จหรือไม่เพราะถ้าทำได้ตามตาราง มันจะเสร็จก่อน deadline ข้อควรระวังคือเมื่อจัดตารางแล้วคุณพบว่ามีเวลาไม่พอ ก็ควรรีบปรับให้เวลาส่งงานยืดออก หรือทิ้งงานบางอย่างที่ไม่จำเป็นเสีย

Cr. Unsplash

2. พักสมอง และ ทำกิจกรรมอื่น เช่น ดูแลตนเอง หรือ เสริมสร้างประวัติให้ดีขึ้น

  • ระยะสั้น คุณควรพักสมองและพักสายตาเป็นระยะๆ เทคนิคที่แนะนำก็คือ Pomodoro เทคนิคการบริหารเวลาที่แบ่งเวลาการทำงานออกเป็นช่วงๆ และมีการพักเป็นช่วงสั้นๆ เช่น “ทำงาน 25 นาที พัก 5 นาที” สลับกัน 3-4 รอบแล้วขยายเวลาพักจาก 5 นาที เป็น 15 นาที ตัวช่วยที่สำคัญคือนาฬิกาจับเวลา จะจับเวลาด้วยแอปพลิเคชั่นในมือถือ หรือใช้ นาฬิกาจับเวลาแบบอนาล็อกสุดคลาสสิครูปมะเขือเทศ ก็ได้ ด้วยวิธีนี้คุณจะได้ลดความเครียดที่สะสมจากการทำงานเป็นเวลานาน พอถึงเวลาพักก็ลุกขึ้นไปเดินเล่น ดื่มน้ำ เข้าห้องน้ำ บิดขี้เกียจ แล้วค่อยมาอ่านหนังสือหรือดูจอต่อ ทำแบบนี้จะสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดอาการปวดตา ปวดคอ ปวดหลัง หรือออฟฟิศซินโดรม เพราะนั่งท่าเดิมนานๆได้ด้วย
  • ระยะยาว คุณควรแบ่งเวลาทำช่วงหนึ่งทุกวัน หรือ หลายครั้งในหนึ่งสัปดาห์เพื่อ ออกกำลังกาย ทำสมาธิ หรือใช้เวลากับเพื่อน ทำชมรมตามความสนใจ องกรณ์กิจกรรมในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย และใช้เวลากับครอบครัว แนะนำว่าถ้าทำเป็นประจำจนเป็นนิสัยได้ยิ่งดี หากยากก็ให้ฝืนในตอนต้นไปสักหนึ่งเดือน แล้วคุณจะชินและพบว่ามันง่ายขึ้น และจัดตารางให้ไปพักเพื่อเป็นวิธีคลายเครียดได้อย่างดี

3. วิธีคลายเครียดโดย จัดระเบียบ ทั้งพื้นที่รอบตัว สิ่งของ หรือคนรอบข้าง

การลดความเครียดด้วยการรักษาพื้นที่ทำงานและสิ่งของต่างๆรอบตัวคุณให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เป็นยาแก้ปวดหัวชนิดหนึ่งได้เลยล่ะ ดังที่เค้าบอกกันว่า โต๊ะของคุณเรียบร้อย คุณเองก็จะคลายความเครียดความกังวลลง สองสิ่งนี้เกี่ยวข้องกันแบบอธิบายได้โดยหลักการและเหตุผลไม่ใช่ฮวงจุ้ย เพราะเมื่อรอบตัวคุณเป็นระเบียบเรียบร้อย เก็บของให้เป็นหมวดหมู่และเป็นที่เป็นทาง คุณก็จะหาสิ่งของที่คุณต้องการได้อย่างรวดเร็ว ความเครียดจากการหาของไม่เจอ และยิ่งกว่านั้นหาของไม่เจอตอนต้องรีบใช้ ก็จะลดลง

วิธีคลายเครียดแบบนี้ไม่ได้ทำได้กับสิ่งของเท่านั้น แต่สามารถนำมาปรับกับการบริหารคนรอบข้างตัวคุณได้เช่นกัน เช่น ประเมินให้ดีว่าคุณอยากเป็นแบบใคร มีนิสัยและวิธีการคิดการทำงานเหมือนใคร ลองหาโอกาสทำงานกับคนที่เราชื่นชม และถอยห่างจากบางคนที่มีนิสัยพาเราขี้เกียจหรือเครียดเกินไป เท่านี้คุณจะลดความเครียดลงได้แน่นอน

4. อย่ากลัวที่จะขอความช่วยเหลือ

มนุษย์เป็นสัตว์สังคม เป็นสิ่งมีชีวิตที่ชอบช่วยเหลือกันอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูหรือที่ปรึกษา อย่ากลัวที่จะเดินไปปรึกษาเพราะมีความเป็นไปได้สูงที่ครูจะเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนจากนักเรียนหลายร้อยคนที่เค้าสอนมา มองโลกในแง่ดีและจดจ่อกับเป้าหมายของคุณ ทำความเข้าใจว่าถ้าเราไม่แก้ปวดหัวหรือคลายเครียดตอนนี้ อาจทำให้เป้าหมายใหญ่ของคุณเป็นแค่ฝัน อย่าลืมเมตตาตัวเองและเฉลิมฉลองความสำเร็จของคุณด้วย

Cr. Unsplash

5. กินยาแก้ปวดหัว

ถ้าอาการเครียดมาพร้อมกับอาการปวดหัว บางทีคุณอาจต้องพึ่งยาแก้ปวดหัวเพื่อแก้ปัญหาในระยะสั้นไปก่อน อย่างไรก็ตามหากกินยาติดต่อกันเป็นเวลาสักพักติดต่อกันแต่ยังไม่หายหรืออาการหนักขึ้นคุณควรปรึกษาแพทย์


วิธีคลายเครียด วิธีลดความเครียดทั่วไป แบบทั้งระยะสั้นและยั่งยืน

ความเครียดสามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจของเรา ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณลดความเครียดได้:

Cr. Unsplash

1. กินยาแก้ปวดหัว

บางครั้งยาก็จำเป็น ให้สอบถามกับแพทย์หรือเภสัชกรและกินตามอาการ อย่ากินมากเกินไปเพราะจะทำให้ไตของคุณทำงานหนักเกินความจำเป็นได้

2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายสามารถช่วยลดฮอร์โมนความเครียดและหลั่งสารเอ็นโดรฟิน ซึ่งจะทำให้อารมณ์ของคุณดีขึ้นได้

3. ฝึกเทคนิคการผ่อนคลาย

การหายใจลึกๆ การทำสมาธิ และโยคะล้วนเป็นวิธีที่ดีในการช่วยให้จิตใจสงบและลดความเครียด

4. นอนหลับให้เพียงพอ

การอดนอนอาจทำให้คุณเกิดความเครียดได้ง่ายขึ้น ตั้งเป้าหมายการนอนหลับอย่างมีคุณภาพให้ได้ 7-8 ชั่วโมงในแต่ละคืน

5. จัดลำดับความสำคัญของการดูแลตนเอง

หาเวลาทำกิจกรรมที่คุณชอบ เช่น อ่านหนังสือ อาบน้ำ หรือใช้เวลากับคนที่คุณรัก

6. เรียนรู้ที่จะปฏิเสธ

การทุ่มเทตัวเองมากเกินไปอาจนำไปสู่ระดับความเครียดที่เพิ่มขึ้น ไม่เป็นไรที่จะปฏิเสธในสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับลำดับความสำคัญของคุณ


จำไว้ว่าการลดความเครียดคือการเดินทางที่ยาวนานตลอดชีวิต เคล็ดลับเหล่านี้สามารถช่วยให้คุณจัดการกับความเครียดในระยะสั้นได้ แต่การพัฒนาวิถีชีวิตที่ดีต่อสุขภาพเป็นกุญแจสำคัญในการลดความเครียดในระยะยาว ถ้าให้ดี ตอนนี้คุณเริ่มสนใจที่จะกำจัดความเครียดแล้ว ดังนั้นควรเริ่มต้นคิดหาต้นตอความเครียด วางตารางการกำจัดความเครียดนั้น หากิจกรรมอื่นคลายเครียดทำ และเริ่มออกกำลังกาย จะเริ่มจากการซื้อ เสื่อโยคะ หรือ ชุดออกกำลังกาย ก็ได้

โดยสรุปแล้ว ความเครียดของนักเรียนเป็นปัญหาร้ายแรงที่ต้องได้รับการแก้ไข ด้วยการใช้กลยุทธ์เพื่อลดความเครียดและสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่สนับสนุน นักเรียนสามารถมีชีวิตที่มีสุขภาพดีและมีความสุขมากขึ้น บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับความเครียดมากขึ้น รวมถึงวิธีลดความเครียดและวิธีการแก้ปวดหัว

บทความที่คุณอาจสนใจ:

Shopee TH

Share
Published by
Shopee TH

Recent Posts

แนะนำ 15 รองเท้า Mary Jane ยี่ห้อไหนดี พร้อมเทคนิคเลือก

รองเท้า Mary Jane เป็นหนึ่งในสไตล์รองเท้าตามฉบับผู้ดีอังกฤษ ด้วยสายคาดที่เป็นเอกลักษณ์ รูปทรงคล้ายรองเท้านักเรียนผู้หญิง สวมสะดวก ใส่สบาย ลงตัวเป็นคัทชูที่โดดเด่น เต็มไปด้วยเสน่ห์ จนกลายเป็นรองเท้าแฟชั่นที่อยู่เหนือกาลเวลา ไม่ว่าผ่านเวลาไปนานสักแค่ไหน ‘รองเท้า Mary Jane’…

1 week ago

เคล็ดลับ วิธีทากันแดดที่ถูกต้องเพื่อการปกป้องผิวที่แท้จริงและสูงสุด

ครีมกันแดดคือเครื่องมือปกป้องผิวของคุณจากอันตรายจากรังสียูวีได้ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม คุณคิดว่าที่ทาอยู่คือทาถูกหรือยัง? ที่ทาครีมกันแดดอยู่เพียงพอหรือไม่? รู้หรือไม่ว่าผลการวิจัยบอกว่าคนส่วนใหญ่ทาครีมกันแดดไม่พอ? การทาครีมกันแดดอย่างถูกต้องเป็นกุญแจสำคัญสู่ประสิทธิภาพการปกป้องผิวที่แท้จริงจากแสงแดด ในบทความนี้ เราจะแชร์เคล็ดลับวิธีทากันแดดที่ถูกต้องแบบครอบคลุมทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้ เช่น เวลาที่ควรทากันแดด ปริมาณครีมกันแดด ทาครีมกันแดดก่อนหรือหลังครีมบํารุง หรือ ควรทากันแดดทุกกี่ชั่วโมง เพื่อให้ได้การทาครีมกันแดดที่ถูกต้องและเหมาะสม…

1 week ago

รวมลิสต์เบอร์ฉุกเฉิน ควรเซฟติดมือถือให้อุ่นใจทุกสถานการณ์

ใครที่มีแผนกำลังเดินทางไปต่างจังหวัด หรือใช้ชีวิตประจำวันบนท้องถนน อยากจะแนะนำให้เซฟเบอร์โทรฉุกเฉินต่างๆ ไว้ติดมือถือเพราะสถานการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ การเตรียมตัวรับมือไว้ก่อนจะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ต่าง ๆ จากหนักกลายเป็นเบาได้ หากได้รับการช่วยเหลือที่รวดเร็วทำให้มีความปลอดภัยทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินมากขึ้นซึ่งวันนี้ช้อปปี้ได้รวบรวมลิสต์เบอร์มือถือสำคัญ ๆ ไว้ให้ชาวแอพส้มของเราได้เซฟเก็บไว้อุ่นใจทุกการเดินทางซึ่งจะมีเบอร์ฉุกเฉินไหนบ้าง ไปเริ่มกันเลย!  Cr: freepik ทำไมถึงควรมีเบอร์ฉุกเฉินติดมือถือ  เบอร์ฉุกเฉิน…

1 week ago

ทําความสะอาดเบาะรถยนต์ด้วยตัวเอง ทำอย่างไร ทำตามได้เลยไม่ยาก

การดูแลเบาะรถยนต์ถือเป็นสิ่งสำคัญในการรักษารูปลักษณ์และยืดอายุการใช้งานของรถ เบาะรถยนต์มีหลายประเภท แต่ละประเภทต้องมีวิธีการดูแลรักษาที่แตกต่างกัน คำแนะนำในการทําความสะอาดเบาะรถยนต์และดูแลรถของคุณให้สะอาดและน่านั่งตามวัสดุ และ ตามคราบที่เกิดขึ้น มีดังนี้ เปิดวิธีทําความสะอาดเบาะรถยนต์ เบาะแบบต่างๆ Cr. Unsplash ### 1. วิธีทําความสะอาดเบาะผ้า รถยนต์…

1 week ago

เปิดแหล่งและวิธีทำ QR Code ร้านค้า ฟรี ทำที่ไหนอย่างไร

ทุกวันนี้ทุกคนคงเคยเห็น QR Code มาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง QR Code ร้านค้าที่เราเห็นและแสกนจ่ายกันอยู่ทุกวัน แต่ความจริงแล้ว QR Code มาจากไหน มีประวัติอย่างไร ทำงานยังไง และถ้าเราเป็นร้านค้า…

1 week ago

รวมฤกษ์บวช 2567 สำหรับเตรียมตัวบวชเพื่อพ่อแม่ และตนเอง

Credit : Freepik การบวชนั้น ถือเป็นธรรมเนียมและข้อปฏิบัติอย่างหนึ่งของพุทธศาสนิกชนในประเทศไทย ที่มีความเชื่อกันว่า ครั้งหนึ่งลูกผู้ชายควรที่จะบวชเพื่อทดแทนบุญคุณของบุพการีที่เลี้ยงดูเรามาตั้งแต่เด็ก จึงกลายมาเป็นธรรมเนียมที่ผู้ชายนั้นจะบวชในช่วงอายุ 20-25 ปีเพื่อทดแทนบุญคุณให้กับพ่อแม่หรือผู้ปกครองนั่นเอง โดยการบวชนั้น ก็มีการยกเอาเรื่องของฤกษ์ยามมาเป็นสิ่งสำคัญด้วยเช่นกัน ดังนั้น ในบทความนี้ Shopee…

1 week ago