Categories: Pets

“แมวอ้วนเกินไป” เท่าไหร่เรียกอ้วน? : ทำความเข้าใจความอ้วนและน้ำหนักมาตรฐาน แมว

แมวอ้วนหรือโณคอ้วนในน้องแมว อาจกลายเป็นปัญหาหนึ่งที่น่ากังวลสำหรับเหล่าทาสแมว เมื่อเราพูดถึง “แมวอ้วน” ซึ่่งไม่ใช่แค่คำเรียกหรือคำล้อที่น่ารักสำหรับเจ้าเหมียวปุกปุยของเราเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปัญหาสุขภาพร้ายแรงที่อาจนำไปสู่โรคแทรกซ้อนมากมายตามมาก็เป็นได้ แต่คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าแมวอ้วนเกินไปแล้ว? อ้วนเกินไปจริงหรือไม่ ? บทความนี้จะเจาะลึกว่าแมวควรหนักเท่าไหร่ น้ำหนักมาตรฐานแมวที่ควรจะเป็นอยู่ที่กี่กิโลกรัม แมวอ้วนดูยังไง รวมไปจนถึงขั้นตอนเพื่อให้แน่ใจว่าแมวของคุณมีวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี

น้ำหนักมาตรฐาน แมว คือเท่าไร?

แมวมีขนาดและน้ำหนักแตกต่างกันอย่างมาก ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และอายุของแมวแต่ละตัว ถามว่า แมวควรหนักเท่าไหร่ โดยทั่วไปแล้ว แมวบ้านโดยเฉลี่ย ควรมีน้ำหนักระหว่าง 3.5 ถึง 4.5 กิโลกรัม อย่างไรก็ตาม แมวบางพันธุ์อย่างเมนคูนสามารถมีน้ำหนักได้มากกว่า โดยมักจะหนักได้ถึง 8 กิโลกรัมโดยไม่ถือว่ามีน้ำหนักเกิน เพราะเมนคูนเป็นสายพันธุ์แมวขนาดตัวใหญ่อยู่แล้ว

Cr. Unsplash


แมวควรหนักเท่าไหร่ตามอายุและพันธุ์

ตารางต่อไปนี้สรุปน้ำหนักปกติของแมวตามอายุและสายพันธุ์ โดยให้เหล่าเจ้าของแมวเจ้าใจว่าแมวควรหนักเท่าไหร่ในแต่ละช่วงอายุของน้องแมว โดยเฉพาะเมื่อแมวของคุณโตขึ้น

อายุสายพันธุ์เกณฑ์น้ำหนักปกติ
ลูกแมว (0-6 months)ทุกสายพันธุ์0.5-2.3 กก.
แมวโต (1-7 ปี)ขนสั้นในประเทศ3.6-4.5 กก.
แมวโต (1-7 ปี)เมนคูน4.5-8 กก.
แมวสูงอายุ (8 ปีขึ้นไป)ทุกสายพันธุ์2.3-4.5 กก. ขึ้นอยู่กับสุขภาพแต่ละตัวของแมว

Cr. Unsplash


วิธีตรวจสอบ แมวอ้วนดูยังไง ?

การเช็คว่าแมวอ้วนดูยังไง และ แมวของคุณเรียกว่าอ้วนแล้วจริงหรือไม่ มีหลายวิธีด้วยกัน แต่หากไม่ดูว่าแมวควรหนักเท่าไหร่ตามเกณฑ์น้ำหนักทั่วไป ก็มีตั้งแต่หลักการที่สัตวแพทย์ใช้ประเมิน ไปจนถึงการประเมินด้วยสายตาหรือพฤติกรรมของแมวที่ทำให้เจ้าของสังเกตได้โดยง่าย ดังนี้

1. การให้คะแนนสภาพร่างกาย (BCS)

สัตวแพทย์มักใช้วิธีนี้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการคลำกระดูกซี่โครง มองที่เอวจากด้านบน และสังเกตบริเวณหน้าท้อง โดยสัตวแพทย์จะมีเกณฑ์ที่ใช้วัดระดับความอ้วนของแมว โดยเราจะขยายการอธิบายระบบ BCS ในส่วนถัดไปของบทความนี้

2. สัญญาณทางพฤติกรรม

หากแมวมีความเกียจคร้าน ไม่เต็มใจที่จะเคลื่อนไหว เคลื่อนไหวร่างกายน้อยกว่าแต่ก่อน ลำบากในการดูแลร่างกายเช่นเลียทำความสะอาดขน อาจเป็นสัญญาณของการมีน้ำหนักเกินของแมว

3. สัญญาณทางกายภาพ

ไม่มีเอวที่มองเห็นได้ ไม่มีซี่โครงที่เห็นได้ชัด และพุงกลม เวลาจับแมวนั่งพุงอาจจะถึงพื้น หรือเมื่อเวลาแมวเลียบริเวณก้นเพื่อทำความสะอาดก็เลียไม่ถึง หรือพลิกตัวยาก เหล่านี้ล้วนเป็นตัวบ่งชี้ถึงโรคอ้วนในแมวทั้งสิ้น


เกณฑ์วัดคะแนนสภาพร่างกาย BCS ที่สัตวแพทย์ใช้ คือ?

คะแนนสภาพร่างกาย (BCS) เป็นวิธีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการประเมินไขมันในร่างกายของแมวและสภาพร่างกายโดยรวม โดยเป็นแนวทางมาตรฐานสำหรับสัตวแพทย์และเจ้าของสัตว์เลี้ยงในการพิจารณาว่าแมวมีน้ำหนักน้อย น้ำหนักเกิน หรือมีน้ำหนักที่เหมาะสมหรือไม่ โดยทั่วไป BCS จะได้รับการจัดอันดับตามมาตราส่วน โดยมาตราส่วนที่พบบ่อยที่สุดคือระบบ 5 จุด (5-point scale) หรือ 9 จุด (9-point scale)

BCS 5-point scale

มาตราส่วนประเมินสภาพร่างกายแมวแบบ 5 จุด คือ

  • 1/5: น้ำหนักน้อยเกินไปอย่างรุนแรง – ไม่มีไขมันที่เห็นได้ชัด สูญเสียกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง กระดูกมองเห็นได้ชัดเจน
  • 2/5: น้ำหนักน้อยเกินไป – มีไขมันปกคลุมทั่วร่างกายน้อยที่สุด โดยมองเห็นกระดูกบางส่วน เช่น ซี่โครง กระดูกสันหลัง และกระดูกเชิงกราน
  • 3/5: น้ำหนักมาตรฐาน – มีสัดส่วนที่ดี ซี่โครงสัมผัสได้โดยไม่มีไขมันส่วนเกิน โดยสังเกตเอวด้านหลังซี่โครงเมื่อมองจากด้านบน
  • 4/5: น้ำหนักเกิน – มีไขมันปกคลุมเพิ่มขึ้น รู้สึกว่าซี่โครงลำบาก เอวแทบจะมองไม่เห็น มีไขมันสะสมบริเวณเอวและโคนหาง
  • 5/5: อ้วน – มีไขมันสะสมขนาดใหญ่บริเวณหน้าอก กระดูกสันหลัง และโคนหาง ท้องกลมอย่างเห็นได้ชัด ไม่สามารถสัมผัสซี่โครงได้

BCS 9-point scale

มาตราส่วนประเมินสภาพร่างกายแมวแบบ 9 จุด จะมีลักษณะคล้าย 5 จุด แต่ละเอียดขึ้น ให้การประเมินที่ตรงมากยิ่งขึ้น

  • 1/9: ผอมแห้ง – ผอมมาก ไม่มีไขมันตามร่างกาย และมีกระดูกยื่นออกมาโดดเด่น
  • 3/9: ผอม – มีไขมันจำกัดบริเวณซี่โครงและบริเวณกระดูกอื่นๆ มองเห็นซี่โครงได้ง่าย
  • 4/9: น้ำหนักน้อยเกินไป – ต่ำกว่าน้ำหนักที่เหมาะสมเล็กน้อย มองเห็นซี่โครงได้และมีไขมันปกคลุมน้อยที่สุด
  • 5/9: น้ำหนักมาตรฐาน – เห็นซี่โครงชัดเจนโดยไม่มีไขมันส่วนเกิน มองเห็นเอวด้านหลังซี่โครง มีเหน็บหน้าท้องชัดเจน
  • 6/9: น้ำหนักเกิน – มองเห็นซี่โครงได้ยาก การเหน็บหน้าท้องลดลงอย่างเห็นได้ชัด; กำหนดเอวได้ไม่ดี
  • 7/9: อ้วน – ซี่โครงปกคลุมไปด้วยไขมันส่วนเกิน มีไขมันสะสมบริเวณเอวอย่างเห็นได้ชัด หน้าท้องขยายออก
  • 9/9: อ้วนอย่างรุนแรง – มีไขมันสะสมจำนวนมากที่หน้าอก กระดูกสันหลัง และโคนหาง ท้องอืดอย่างรุนแรง

ความสำคัญของ BCS

BCS เป็นเครื่องมือสำคัญเนื่องจากให้วิธีที่มองเห็นและสัมผัสได้ในการตรวจสอบไขมันในร่างกายและสุขภาพโดยรวมของแมว การประเมิน BCS ของแมวเป็นประจำสามารถช่วยในการตรวจพบการเปลี่ยนแปลงในสภาพของแมวได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันโรคอ้วนหรือแก้ไขปัญหาน้ำหนักน้อยเกินไป นอกจากนี้ยังช่วยในการปรับแต่งแผนการรับประทานอาหารและการออกกำลังกายให้เหมาะกับความต้องการส่วนบุคคลของแมว ซึ่งช่วยรักษาภาวะสุขภาพที่ดีที่สุด

สัตวแพทย์มักจะสอนเจ้าของสัตว์เลี้ยงถึงวิธีใช้วิธีการ BCS ในระหว่างการตรวจร่างกายเป็นประจำ ซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถติดตามสุขภาพของสัตว์เลี้ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพที่บ้าน สามารถติดตามได้ว่าแมวของคุณมีคะแนนรูปร่างระดับใด ณ เวลาไหนบ้างและทิศทางเป็นอย่างไรเมื่อเวลาผ่านไป การประเมินเรื่อยๆและบันทึกไว้แบบนี้สามารถช่วยทำให้เจ้าของเห็นข้อมูลชัดและติดตามความเป็นอยู่โดยรวมและทำให้แมวอายุยืนขึ้นโดยทำให้แมวมีน้ำหนักที่ดีไปตลอด


สร้างกิจวัตรที่ดีต่อสุขภาพสำหรับแมวของคุณ

การดูแลสุขภาพแมวของคุณเกี่ยวข้องกับทั้งอาหารและพฤติกรรมเช่นเดียวกันกับคน หากต้องการควบคุมให้ดึงไขมันส่วนเกินของน้องแมวมาใช้ น้องแมวก็ต้องกินน้อยลงหรือออกกำลังกายมากขึ้นนั่นเอง

1. การเลือกและคุมอาหาร

  1. ให้อาหารตามปริมาณแคลอรี่โดยควบคุม แทนที่จะให้อาหารแบบบุฟเฟ่ต์
  2. ให้อาหารตามปริมาณที่หลังฉลากแนะนำ อย่าให้เกิน กะปริมาณให้ หรือให้เท่าไหร่หรือเมื่อไหร่ก็ได้ที่น้องแมวร้องขอ
  3. เลือกอาหารแมวสูตร Indoor หากคุณเลี้ยงในบ้าน หรือ หากน้องแมวไม่ได้ใช้พลังงานมากนัก หรือเลือกอาหารสูตร Senior เพื่อแมวสูงอายุที่อาจจะขยับตัวน้อยกว่าแมวเด็ก ทั้งนี้ควรเลือกอาหารให้ถูกกับอายุและลักษณะพฤติกรรมแมวของคุณเพื่อให้ได้รับสารอาหารไม่มากเกินไป

2. ออกกำลังกายเป็นประจำ

แมวจำเป็นต้องออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อรักษาสุขภาพ จัดการน้ำหนัก และป้องกันปัญหาด้านพฤติกรรม ปริมาณการออกกำลังกายที่แมวต้องการอาจแตกต่างกันไปตามอายุ สายพันธุ์ และสุขภาพโดยรวม แต่โดยทั่วไปแล้ว แมวโตจะได้รับประโยชน์จากการเล่นอย่างกระฉับกระเฉงอย่างน้อย 15 ถึง 30 นาทีในแต่ละวัน คุณควรส่งเสริมการเล่นของเล่นที่เลียนแบบพฤติกรรมการล่าสัตว์ซึ่งช่วยเผาผลาญแคลอรี่ ต่อไปนี้เป็นกิจกรรม 2-3 อย่างที่สามารถช่วยให้แมวของคุณแค่ขยับเท่ากับออกกำลังกาย ที่คุณอาจเลือกนำไปใช้ได้

1. ของเล่นแบบโต้ตอบ

ใช้ของเล่นที่เลียนแบบการเคลื่อนไหวของเหยื่อ เช่น ไม้ตกแมวขนนก ตัวชี้เลเซอร์ ของเล่นแมวต่างๆ ไปจนถึงหุ่นยนต์เล่นและส่องแมว เพื่อกระตุ้นสัญชาตญาณการล่าสัตว์ตามธรรมชาติของแมว

ระยะเวลา: ตั้งเป้าไว้ที่ประมาณ 15 นาทีต่อครั้ง เล่นกับแมวประมาณ 2 ครั้งต่อวัน สิ่งนี้ช่วยให้การเล่นเข้มข้นและน่าดึงดูด ช่วยให้แมวกระโดด กระโจน และวิ่งได้ ทำให้ได้ออกกำลังกายแบบแอโรบิกอย่างต่อเนื่องและมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง

2. ของเล่นล่าขนม

ของเล่นเหล่านี้เป็นของเล่นที่แจกจ่ายอาหารหรือขนมในขณะที่แมวรู้วิธีจัดการกับพวกมัน เช่นแมวอาจต้องทำให้ขนมหล่นออกมาจากช่องของกระป๋องใสที่มีรูเล็กๆอยู่ให้ได้ หรือ เขี่ยไก่ฟรีซดรายออกมาจากรูเขาวงกตเพื่อกิน พวกมันกระตุ้นทั้งจิตใจและร่างกายของแมว ทำให้พวกมันทำงานเพื่อหาอาหาร

ระยะเวลา: การใช้เครื่องป้อนขนมอาจเป็นกิจกรรมต่อเนื่องได้ตลอดทั้งวัน คุณสามารถเติมอาหารประจำวันหรือขนมของแมวไว้เพื่อส่งเสริมการเคลื่อนไหวและการแก้ปัญหาตลอดทั้งวัน นอกจากได้ออกกำลังกาย ได้รางวัลเป็นของกินของโปรดแล้ว ยังทำให้แมวหายเบื่อได้อีกด้วยเนื่องจากเราจำลองสภาพเหมือนให้แมวได้ล่า

3. ต้นไม้แมว คอนโดแมว ชั้นวางที่วิ่งแมว วงล้อแมว

ต้นไม้แมว คอนโดแมว วงล้อแมว และชั้นวางของติดผนังช่วยให้แมวได้ปีนและกระโดดได้ ซึ่งเป็นรูปแบบการออกกำลังกายที่ยอดเยี่ยม การติดตั้งเหล่านี้ยังใช้พื้นที่แนวตั้งอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยขนาดเล็ก

ระยะเวลา: แม้ว่าแมวอาจปีนและกระโดดบนสิ่งปลูกสร้างเหล่านี้ตามธรรมชาติตลอดทั้งวัน แต่การส่งเสริมให้มีการเล่นอย่างมีสมาธิประมาณ 15-20 นาทีจะส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายของพวกมันอย่างมาก

กิจกรรมแต่ละอย่างเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยรักษาสมรรถภาพทางกายเท่านั้น แต่ยังช่วยให้แมวมีการกระตุ้นทางจิตใจ และลดระดับความเครียด ซึ่งส่งผลต่อความเป็นอยู่โดยรวม ปรับระยะเวลาและความเข้มข้นของกิจกรรมตามความสนใจและสภาพร่างกายของแมว การเล่นและการโต้ตอบเป็นประจำยังช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับแมวของคุณอีกด้วย

3. การไปพบสัตวแพทย์เป็นประจำ

 การตรวจสุขภาพประจำปีสามารถช่วยติดตามน้ำหนักของแมวและสุขภาพโดยรวมได้


วิธีช่วยแมวอ้วนของคุณลดน้ำหนัก

เมื่อคุณรู้ว่าแมวควรหนักเท่าไหร่ แต่แมวของคุณมีน้ำหนักเกินเกณฑ์ การช่วยแมวอ้วนเกินไป แมวที่มีน้ำหนักเกินน้ำหนักมาตรฐานแมวทั่วไปของคุณลดน้ำหนักควรเป็นกระบวนการที่ค่อยเป็นค่อยไป

1. ปรึกษาสัตวแพทย์: สัตวแพทย์สามารถจัดโปรแกรมลดน้ำหนักที่ปลอดภัยซึ่งปรับให้เหมาะกับความต้องการของแมวของคุณได้

2. ปรับอาหารทีละน้อย: ค่อยๆ ลดปริมาณแคลอรี่ของอาหารและขนม และเปลี่ยนไปกินอาหารแมวควบคุมน้ำหนักตามที่แนะนำ

3. เพิ่มกิจกรรม: แนะนำของเล่นและเกมใหม่ๆ เพื่อส่งเสริมการออกกำลังกายมากขึ้น

4. ติดตามความคืบหน้า: ชั่งน้ำหนักเป็นประจำเพื่อติดตามความคืบหน้าและปรับแผนตามความจำเป็น


สรุปคุณควรดูแลไม่ให้แมวอ้วนเกินไป เพื่อให้แมวสุขภาพดี อยู่กับเราไปนานๆ

การมี “แมวอ้วน” อาจฟังดูน่ารักและทำให้ใครที่พบเห็นเอ็นดูไปตามๆกัน แต่แมวอ้วนเกินไปก็มาพร้อมกับความเสี่ยงต่อสุขภาพอย่างร้ายแรงที่อาจตามมาของน้องแมว เช่น โรคเบาหวาน โรคข้ออักเสบ และแม้แต่โรคหัวใจได้ ด้วยการทำความเข้าใจน้ำหนักมาตรฐานสำหรับสายพันธุ์และวัยต่างๆ การตระหนักถึงสัญญาณของโรคอ้วน และการปฏิบัติตามกิจวัตรที่ดีต่อสุขภาพ คุณสามารถมั่นใจได้ว่าแมวของคุณจะมีชีวิตที่มีความสุขและมีสุขภาพดีได้ 
การดำเนินการเพื่อป้องกันหรือจัดการกับโรคอ้วนในแมว จำกัดให้แมวมีน้ำหนักมาตรฐานแมวของคุณ ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิต แต่ยังกระชับความสัมพันธ์ที่คุณมีร่วมกันผ่านการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันและเอาใจใส่ในความเป็นอยู่ที่ดีของแมวอีกด้วย อย่าปล่อยให้แมวที่คุณรักกลายเป็นเพียงสถิติ “แมวอ้วน” ดำเนินการตั้งแต่วันนี้เพื่อให้แน่ใจว่าพวกมันมีชีวิตที่ยืนยาว สุขภาพดี และมีชีวิตชีวา

Nin ST

Joined SEO team in 2023, Nin enjoyed creating lifestyle, home & living, and pets-related articles for share as she has furbabies herself - 4 fluffy British short-hair cats :)

Share
Published by
Nin ST

Recent Posts

แจก 25 ธีมแต่งตัวงานปีใหม่ แต่งตัวยังไงให้ปังสุดในงาน!

อยากให้ปาร์ตี้ปีใหม่สนุกไม่จำเจ? ลองมาดูไอเดีย 25 ธีมแต่งตัวงานปีใหม่ พร้อมบอกเคล็ดลับวิธีการเลือกธีมแต่งตัวปาร์ตี้

19 hours ago

รวม 21 ไอเดียของขวัญปีใหม่แจกลูกค้า สร้างความประทับใจในงบสบายกระเป๋า

แจกไอเดียของขวัญปีใหม่แจกลูกค้า ทั้งของใช้ ของเพื่อสุขภาพ และของขวัญสร้างภาพลักษณ์ พร้อมเคล็ดลับเลือกของขวัญที่ตรงใจลูกค้า เสริมความสัมพันธ์ทางธุรกิจ

19 hours ago

เมคเฟรนคือ อะไร? วิธีตอบและทำให้สนุกแบบไม่โป๊ะ

เจาะลึกว่าเมคเฟรนคืออะไร ทำไมเป็นคำฮิต พร้อมเคล็ดลับเมคเฟรน ต้องตอบยังไงให้สนุก เพื่อให้เข้ากับทุกวงสนทนา

2 days ago

แจกไอเดียแต่งตัวสายฝอ สวย แซ่บ เท่ทุกลุค อินสไปร์จากตัวแม่!

รวมไอเดียแต่งตัวสายฝอสำหรับผู้หญิงทั้งลุคเท่และลุคแซ่บ ใส่ได้จริงในชีวิตประจำวัน พร้อมเคล็ดลับแมทช์ลุคให้ดูอินเตอร์เหมือนผู้หญิงสายฝอตัวจริง

3 days ago

ทฤษฎี 21 วัน คืออะไร? วิธีเปลี่ยนนิสัยให้ติดใน 3 สัปดาห์ได้จริงไหม

ทำความเข้าใจกับทฤษฎี 21 วัน ทั้งหลักจิตวิทยา เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ และวิธีนำไปใช้เปลี่ยนนิสัยจริงในชีวิตประจำวัน

6 days ago

รวม 23 อาชีพแปลก ๆ ที่มีอยู่จริงในไทยและต่างประเทศ แปลกแต่รายได้ดี

อาชีพบางอย่างดูแปลก แต่กลับสร้างรายได้มหาศาล? รวมอาชีพแปลก ๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศ ที่คนไม่ค่อยรู้จัก พร้อม “อาชีพในฝัน” สุดครีเอทีฟที่คุณอาจไม่เคยคิดถึง!

6 days ago