Categories: Pets

“แมวอ้วนเกินไป” เท่าไหร่เรียกอ้วน? : ทำความเข้าใจความอ้วนและน้ำหนักมาตรฐาน แมว

แมวอ้วนหรือโณคอ้วนในน้องแมว อาจกลายเป็นปัญหาหนึ่งที่น่ากังวลสำหรับเหล่าทาสแมว เมื่อเราพูดถึง “แมวอ้วน” ซึ่่งไม่ใช่แค่คำเรียกหรือคำล้อที่น่ารักสำหรับเจ้าเหมียวปุกปุยของเราเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปัญหาสุขภาพร้ายแรงที่อาจนำไปสู่โรคแทรกซ้อนมากมายตามมาก็เป็นได้ แต่คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าแมวอ้วนเกินไปแล้ว? อ้วนเกินไปจริงหรือไม่ ? บทความนี้จะเจาะลึกว่าแมวควรหนักเท่าไหร่ น้ำหนักมาตรฐานแมวที่ควรจะเป็นอยู่ที่กี่กิโลกรัม แมวอ้วนดูยังไง รวมไปจนถึงขั้นตอนเพื่อให้แน่ใจว่าแมวของคุณมีวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี

น้ำหนักมาตรฐาน แมว คือเท่าไร?

แมวมีขนาดและน้ำหนักแตกต่างกันอย่างมาก ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และอายุของแมวแต่ละตัว ถามว่า แมวควรหนักเท่าไหร่ โดยทั่วไปแล้ว แมวบ้านโดยเฉลี่ย ควรมีน้ำหนักระหว่าง 3.5 ถึง 4.5 กิโลกรัม อย่างไรก็ตาม แมวบางพันธุ์อย่างเมนคูนสามารถมีน้ำหนักได้มากกว่า โดยมักจะหนักได้ถึง 8 กิโลกรัมโดยไม่ถือว่ามีน้ำหนักเกิน เพราะเมนคูนเป็นสายพันธุ์แมวขนาดตัวใหญ่อยู่แล้ว

Cr. Unsplash


แมวควรหนักเท่าไหร่ตามอายุและพันธุ์

ตารางต่อไปนี้สรุปน้ำหนักปกติของแมวตามอายุและสายพันธุ์ โดยให้เหล่าเจ้าของแมวเจ้าใจว่าแมวควรหนักเท่าไหร่ในแต่ละช่วงอายุของน้องแมว โดยเฉพาะเมื่อแมวของคุณโตขึ้น

อายุสายพันธุ์เกณฑ์น้ำหนักปกติ
ลูกแมว (0-6 months)ทุกสายพันธุ์0.5-2.3 กก.
แมวโต (1-7 ปี)ขนสั้นในประเทศ3.6-4.5 กก.
แมวโต (1-7 ปี)เมนคูน4.5-8 กก.
แมวสูงอายุ (8 ปีขึ้นไป)ทุกสายพันธุ์2.3-4.5 กก. ขึ้นอยู่กับสุขภาพแต่ละตัวของแมว

Cr. Unsplash


วิธีตรวจสอบ แมวอ้วนดูยังไง ?

การเช็คว่าแมวอ้วนดูยังไง และ แมวของคุณเรียกว่าอ้วนแล้วจริงหรือไม่ มีหลายวิธีด้วยกัน แต่หากไม่ดูว่าแมวควรหนักเท่าไหร่ตามเกณฑ์น้ำหนักทั่วไป ก็มีตั้งแต่หลักการที่สัตวแพทย์ใช้ประเมิน ไปจนถึงการประเมินด้วยสายตาหรือพฤติกรรมของแมวที่ทำให้เจ้าของสังเกตได้โดยง่าย ดังนี้

1. การให้คะแนนสภาพร่างกาย (BCS)

สัตวแพทย์มักใช้วิธีนี้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการคลำกระดูกซี่โครง มองที่เอวจากด้านบน และสังเกตบริเวณหน้าท้อง โดยสัตวแพทย์จะมีเกณฑ์ที่ใช้วัดระดับความอ้วนของแมว โดยเราจะขยายการอธิบายระบบ BCS ในส่วนถัดไปของบทความนี้

2. สัญญาณทางพฤติกรรม

หากแมวมีความเกียจคร้าน ไม่เต็มใจที่จะเคลื่อนไหว เคลื่อนไหวร่างกายน้อยกว่าแต่ก่อน ลำบากในการดูแลร่างกายเช่นเลียทำความสะอาดขน อาจเป็นสัญญาณของการมีน้ำหนักเกินของแมว

3. สัญญาณทางกายภาพ

ไม่มีเอวที่มองเห็นได้ ไม่มีซี่โครงที่เห็นได้ชัด และพุงกลม เวลาจับแมวนั่งพุงอาจจะถึงพื้น หรือเมื่อเวลาแมวเลียบริเวณก้นเพื่อทำความสะอาดก็เลียไม่ถึง หรือพลิกตัวยาก เหล่านี้ล้วนเป็นตัวบ่งชี้ถึงโรคอ้วนในแมวทั้งสิ้น


เกณฑ์วัดคะแนนสภาพร่างกาย BCS ที่สัตวแพทย์ใช้ คือ?

คะแนนสภาพร่างกาย (BCS) เป็นวิธีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการประเมินไขมันในร่างกายของแมวและสภาพร่างกายโดยรวม โดยเป็นแนวทางมาตรฐานสำหรับสัตวแพทย์และเจ้าของสัตว์เลี้ยงในการพิจารณาว่าแมวมีน้ำหนักน้อย น้ำหนักเกิน หรือมีน้ำหนักที่เหมาะสมหรือไม่ โดยทั่วไป BCS จะได้รับการจัดอันดับตามมาตราส่วน โดยมาตราส่วนที่พบบ่อยที่สุดคือระบบ 5 จุด (5-point scale) หรือ 9 จุด (9-point scale)

BCS 5-point scale

มาตราส่วนประเมินสภาพร่างกายแมวแบบ 5 จุด คือ

  • 1/5: น้ำหนักน้อยเกินไปอย่างรุนแรง – ไม่มีไขมันที่เห็นได้ชัด สูญเสียกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง กระดูกมองเห็นได้ชัดเจน
  • 2/5: น้ำหนักน้อยเกินไป – มีไขมันปกคลุมทั่วร่างกายน้อยที่สุด โดยมองเห็นกระดูกบางส่วน เช่น ซี่โครง กระดูกสันหลัง และกระดูกเชิงกราน
  • 3/5: น้ำหนักมาตรฐาน – มีสัดส่วนที่ดี ซี่โครงสัมผัสได้โดยไม่มีไขมันส่วนเกิน โดยสังเกตเอวด้านหลังซี่โครงเมื่อมองจากด้านบน
  • 4/5: น้ำหนักเกิน – มีไขมันปกคลุมเพิ่มขึ้น รู้สึกว่าซี่โครงลำบาก เอวแทบจะมองไม่เห็น มีไขมันสะสมบริเวณเอวและโคนหาง
  • 5/5: อ้วน – มีไขมันสะสมขนาดใหญ่บริเวณหน้าอก กระดูกสันหลัง และโคนหาง ท้องกลมอย่างเห็นได้ชัด ไม่สามารถสัมผัสซี่โครงได้

BCS 9-point scale

มาตราส่วนประเมินสภาพร่างกายแมวแบบ 9 จุด จะมีลักษณะคล้าย 5 จุด แต่ละเอียดขึ้น ให้การประเมินที่ตรงมากยิ่งขึ้น

  • 1/9: ผอมแห้ง – ผอมมาก ไม่มีไขมันตามร่างกาย และมีกระดูกยื่นออกมาโดดเด่น
  • 3/9: ผอม – มีไขมันจำกัดบริเวณซี่โครงและบริเวณกระดูกอื่นๆ มองเห็นซี่โครงได้ง่าย
  • 4/9: น้ำหนักน้อยเกินไป – ต่ำกว่าน้ำหนักที่เหมาะสมเล็กน้อย มองเห็นซี่โครงได้และมีไขมันปกคลุมน้อยที่สุด
  • 5/9: น้ำหนักมาตรฐาน – เห็นซี่โครงชัดเจนโดยไม่มีไขมันส่วนเกิน มองเห็นเอวด้านหลังซี่โครง มีเหน็บหน้าท้องชัดเจน
  • 6/9: น้ำหนักเกิน – มองเห็นซี่โครงได้ยาก การเหน็บหน้าท้องลดลงอย่างเห็นได้ชัด; กำหนดเอวได้ไม่ดี
  • 7/9: อ้วน – ซี่โครงปกคลุมไปด้วยไขมันส่วนเกิน มีไขมันสะสมบริเวณเอวอย่างเห็นได้ชัด หน้าท้องขยายออก
  • 9/9: อ้วนอย่างรุนแรง – มีไขมันสะสมจำนวนมากที่หน้าอก กระดูกสันหลัง และโคนหาง ท้องอืดอย่างรุนแรง

ความสำคัญของ BCS

BCS เป็นเครื่องมือสำคัญเนื่องจากให้วิธีที่มองเห็นและสัมผัสได้ในการตรวจสอบไขมันในร่างกายและสุขภาพโดยรวมของแมว การประเมิน BCS ของแมวเป็นประจำสามารถช่วยในการตรวจพบการเปลี่ยนแปลงในสภาพของแมวได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันโรคอ้วนหรือแก้ไขปัญหาน้ำหนักน้อยเกินไป นอกจากนี้ยังช่วยในการปรับแต่งแผนการรับประทานอาหารและการออกกำลังกายให้เหมาะกับความต้องการส่วนบุคคลของแมว ซึ่งช่วยรักษาภาวะสุขภาพที่ดีที่สุด

สัตวแพทย์มักจะสอนเจ้าของสัตว์เลี้ยงถึงวิธีใช้วิธีการ BCS ในระหว่างการตรวจร่างกายเป็นประจำ ซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถติดตามสุขภาพของสัตว์เลี้ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพที่บ้าน สามารถติดตามได้ว่าแมวของคุณมีคะแนนรูปร่างระดับใด ณ เวลาไหนบ้างและทิศทางเป็นอย่างไรเมื่อเวลาผ่านไป การประเมินเรื่อยๆและบันทึกไว้แบบนี้สามารถช่วยทำให้เจ้าของเห็นข้อมูลชัดและติดตามความเป็นอยู่โดยรวมและทำให้แมวอายุยืนขึ้นโดยทำให้แมวมีน้ำหนักที่ดีไปตลอด


สร้างกิจวัตรที่ดีต่อสุขภาพสำหรับแมวของคุณ

การดูแลสุขภาพแมวของคุณเกี่ยวข้องกับทั้งอาหารและพฤติกรรมเช่นเดียวกันกับคน หากต้องการควบคุมให้ดึงไขมันส่วนเกินของน้องแมวมาใช้ น้องแมวก็ต้องกินน้อยลงหรือออกกำลังกายมากขึ้นนั่นเอง

1. การเลือกและคุมอาหาร

  1. ให้อาหารตามปริมาณแคลอรี่โดยควบคุม แทนที่จะให้อาหารแบบบุฟเฟ่ต์
  2. ให้อาหารตามปริมาณที่หลังฉลากแนะนำ อย่าให้เกิน กะปริมาณให้ หรือให้เท่าไหร่หรือเมื่อไหร่ก็ได้ที่น้องแมวร้องขอ
  3. เลือกอาหารแมวสูตร Indoor หากคุณเลี้ยงในบ้าน หรือ หากน้องแมวไม่ได้ใช้พลังงานมากนัก หรือเลือกอาหารสูตร Senior เพื่อแมวสูงอายุที่อาจจะขยับตัวน้อยกว่าแมวเด็ก ทั้งนี้ควรเลือกอาหารให้ถูกกับอายุและลักษณะพฤติกรรมแมวของคุณเพื่อให้ได้รับสารอาหารไม่มากเกินไป

2. ออกกำลังกายเป็นประจำ

แมวจำเป็นต้องออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อรักษาสุขภาพ จัดการน้ำหนัก และป้องกันปัญหาด้านพฤติกรรม ปริมาณการออกกำลังกายที่แมวต้องการอาจแตกต่างกันไปตามอายุ สายพันธุ์ และสุขภาพโดยรวม แต่โดยทั่วไปแล้ว แมวโตจะได้รับประโยชน์จากการเล่นอย่างกระฉับกระเฉงอย่างน้อย 15 ถึง 30 นาทีในแต่ละวัน คุณควรส่งเสริมการเล่นของเล่นที่เลียนแบบพฤติกรรมการล่าสัตว์ซึ่งช่วยเผาผลาญแคลอรี่ ต่อไปนี้เป็นกิจกรรม 2-3 อย่างที่สามารถช่วยให้แมวของคุณแค่ขยับเท่ากับออกกำลังกาย ที่คุณอาจเลือกนำไปใช้ได้

1. ของเล่นแบบโต้ตอบ

ใช้ของเล่นที่เลียนแบบการเคลื่อนไหวของเหยื่อ เช่น ไม้ตกแมวขนนก ตัวชี้เลเซอร์ ของเล่นแมวต่างๆ ไปจนถึงหุ่นยนต์เล่นและส่องแมว เพื่อกระตุ้นสัญชาตญาณการล่าสัตว์ตามธรรมชาติของแมว

ระยะเวลา: ตั้งเป้าไว้ที่ประมาณ 15 นาทีต่อครั้ง เล่นกับแมวประมาณ 2 ครั้งต่อวัน สิ่งนี้ช่วยให้การเล่นเข้มข้นและน่าดึงดูด ช่วยให้แมวกระโดด กระโจน และวิ่งได้ ทำให้ได้ออกกำลังกายแบบแอโรบิกอย่างต่อเนื่องและมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง

2. ของเล่นล่าขนม

ของเล่นเหล่านี้เป็นของเล่นที่แจกจ่ายอาหารหรือขนมในขณะที่แมวรู้วิธีจัดการกับพวกมัน เช่นแมวอาจต้องทำให้ขนมหล่นออกมาจากช่องของกระป๋องใสที่มีรูเล็กๆอยู่ให้ได้ หรือ เขี่ยไก่ฟรีซดรายออกมาจากรูเขาวงกตเพื่อกิน พวกมันกระตุ้นทั้งจิตใจและร่างกายของแมว ทำให้พวกมันทำงานเพื่อหาอาหาร

ระยะเวลา: การใช้เครื่องป้อนขนมอาจเป็นกิจกรรมต่อเนื่องได้ตลอดทั้งวัน คุณสามารถเติมอาหารประจำวันหรือขนมของแมวไว้เพื่อส่งเสริมการเคลื่อนไหวและการแก้ปัญหาตลอดทั้งวัน นอกจากได้ออกกำลังกาย ได้รางวัลเป็นของกินของโปรดแล้ว ยังทำให้แมวหายเบื่อได้อีกด้วยเนื่องจากเราจำลองสภาพเหมือนให้แมวได้ล่า

3. ต้นไม้แมว คอนโดแมว ชั้นวางที่วิ่งแมว วงล้อแมว

ต้นไม้แมว คอนโดแมว วงล้อแมว และชั้นวางของติดผนังช่วยให้แมวได้ปีนและกระโดดได้ ซึ่งเป็นรูปแบบการออกกำลังกายที่ยอดเยี่ยม การติดตั้งเหล่านี้ยังใช้พื้นที่แนวตั้งอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยขนาดเล็ก

ระยะเวลา: แม้ว่าแมวอาจปีนและกระโดดบนสิ่งปลูกสร้างเหล่านี้ตามธรรมชาติตลอดทั้งวัน แต่การส่งเสริมให้มีการเล่นอย่างมีสมาธิประมาณ 15-20 นาทีจะส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายของพวกมันอย่างมาก

กิจกรรมแต่ละอย่างเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยรักษาสมรรถภาพทางกายเท่านั้น แต่ยังช่วยให้แมวมีการกระตุ้นทางจิตใจ และลดระดับความเครียด ซึ่งส่งผลต่อความเป็นอยู่โดยรวม ปรับระยะเวลาและความเข้มข้นของกิจกรรมตามความสนใจและสภาพร่างกายของแมว การเล่นและการโต้ตอบเป็นประจำยังช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับแมวของคุณอีกด้วย

3. การไปพบสัตวแพทย์เป็นประจำ

 การตรวจสุขภาพประจำปีสามารถช่วยติดตามน้ำหนักของแมวและสุขภาพโดยรวมได้


วิธีช่วยแมวอ้วนของคุณลดน้ำหนัก

เมื่อคุณรู้ว่าแมวควรหนักเท่าไหร่ แต่แมวของคุณมีน้ำหนักเกินเกณฑ์ การช่วยแมวอ้วนเกินไป แมวที่มีน้ำหนักเกินน้ำหนักมาตรฐานแมวทั่วไปของคุณลดน้ำหนักควรเป็นกระบวนการที่ค่อยเป็นค่อยไป

1. ปรึกษาสัตวแพทย์: สัตวแพทย์สามารถจัดโปรแกรมลดน้ำหนักที่ปลอดภัยซึ่งปรับให้เหมาะกับความต้องการของแมวของคุณได้

2. ปรับอาหารทีละน้อย: ค่อยๆ ลดปริมาณแคลอรี่ของอาหารและขนม และเปลี่ยนไปกินอาหารแมวควบคุมน้ำหนักตามที่แนะนำ

3. เพิ่มกิจกรรม: แนะนำของเล่นและเกมใหม่ๆ เพื่อส่งเสริมการออกกำลังกายมากขึ้น

4. ติดตามความคืบหน้า: ชั่งน้ำหนักเป็นประจำเพื่อติดตามความคืบหน้าและปรับแผนตามความจำเป็น


สรุปคุณควรดูแลไม่ให้แมวอ้วนเกินไป เพื่อให้แมวสุขภาพดี อยู่กับเราไปนานๆ

การมี “แมวอ้วน” อาจฟังดูน่ารักและทำให้ใครที่พบเห็นเอ็นดูไปตามๆกัน แต่แมวอ้วนเกินไปก็มาพร้อมกับความเสี่ยงต่อสุขภาพอย่างร้ายแรงที่อาจตามมาของน้องแมว เช่น โรคเบาหวาน โรคข้ออักเสบ และแม้แต่โรคหัวใจได้ ด้วยการทำความเข้าใจน้ำหนักมาตรฐานสำหรับสายพันธุ์และวัยต่างๆ การตระหนักถึงสัญญาณของโรคอ้วน และการปฏิบัติตามกิจวัตรที่ดีต่อสุขภาพ คุณสามารถมั่นใจได้ว่าแมวของคุณจะมีชีวิตที่มีความสุขและมีสุขภาพดีได้ 
การดำเนินการเพื่อป้องกันหรือจัดการกับโรคอ้วนในแมว จำกัดให้แมวมีน้ำหนักมาตรฐานแมวของคุณ ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิต แต่ยังกระชับความสัมพันธ์ที่คุณมีร่วมกันผ่านการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันและเอาใจใส่ในความเป็นอยู่ที่ดีของแมวอีกด้วย อย่าปล่อยให้แมวที่คุณรักกลายเป็นเพียงสถิติ “แมวอ้วน” ดำเนินการตั้งแต่วันนี้เพื่อให้แน่ใจว่าพวกมันมีชีวิตที่ยืนยาว สุขภาพดี และมีชีวิตชีวา

Shopee TH

Share
Published by
Shopee TH

Recent Posts

อาหารเจ โปรตีนสูง: อิ่มอร่อย สุขภาพดี ในเทศกาลกินเจ 2567

เทศกาลกินเจ ไม่เพียงแต่เป็นช่วงเวลาละเว้นการเบียดเบียนสัตว์ แต่สมัยนี้ได้กลายเป็นช่วงเวลาที่หลายคนหันมาใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น การรับประทานอาหารเจ คือไม่เพียงแต่เป็นการถือศีลตามความเชื่อทางศาสนา แต่ยังเป็นการดูแลสุขภาพไปในตัวด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ผู้คนหันมาใส่ใจเรื่องโภชนาการและโปรตีนกันมากขึ้น การหาอาหารเจที่อุดมไปด้วยโปรตีน อาหารเจ โปรตีนสูง จึงเป็นสิ่งที่หลายคนให้ความสนใจ เพราะโปรตีนทำให้อิ่มนาน แถมดีกว่าคาร์บจากแป้งเป็นไหนๆ เมนู อาหารเจที่มีโปรตีนดีและสูง…

1 day ago

มือถือ เปลี่ยนทุกกี่ปีดี? ถึงเวลาของคุณหรือยัง ?

ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน เทคโนโลยียังคงพัฒนาอย่างรวดเร็ว และคำถามที่พบบ่อยที่สุดข้อหนึ่งคือควรเปลี่ยนมือถือใหม่บ่อยแค่ไหน มือถือ เปลี่ยนทุกกี่ปี มีรุ่นใหม่ๆ ออกมาทุกปี จะต้านทานความอยากได้อยากมี อยากอัปเดตคุณสมบัติและความสามารถของมือถือรุ่นใหม่ล่าสุด แต่จำเป็นจริงหรือที่ต้องเปลี่ยนโทรศัพท์บ่อยขนาดนั้น หรือเท่าไหร่ถึงเรียกว่าบ่อน ? มาดูกันว่ามือถือ เปลี่ยนทุกกี่ปีดี? เราควรรอสักกี่ปีถึงจะซื้อมือถือใหม่?…

6 days ago

บำรุงสายตาให้ปิ๊ง! ด้วยอาหารบำรุงสายตาครบ 5 หมู่

ปัญหาสายตาเสื่อมเป็นเรื่องที่หลายคนกังวลใจ โดยเฉพาะในยุคดิจิทัลที่เราต้องใช้สายตามองหน้าจอคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตเป็นเวลานาน การดูแลดวงตาให้แข็งแรงจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก หนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุดในการบำรุงสายตาคือการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ซึ่งอุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อดวงตาของเรา ใครบ้างที่ควรเริ่มมองหาอาหารบำรุงสายตา? การรับประทานอาหารที่บำรุงสายตาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคน แต่จะมีบางกลุ่มที่ควรให้ความสนใจเป็นพิเศษ ได้แก่ ผู้สูงอายุ: ดวงตาเสื่อมเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นตามอายุ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์จะช่วยชะลอการเสื่อมของดวงตาได้ ผู้ที่ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน:…

1 week ago

ส่อง!! เทคโนโลยีจอพับ พร้อม 8 โทรศัพท์พับได้รุ่นไหนดี ที่ตอบโจทย์ได้ทุกการใช้งาน

โทรศัพท์จอพับนั้น ถือเป็นเทคโนโลยีในสมาร์ทโฟนที่เรียกได้ว่ามาแรงสุด ๆ ในยุคปัจจุบันนี้ เพราะบอกได้เลยว่า นับตั้งแต่วันที่ Samsung เปิดตัว Samsung Galaxy Fold รุ่นแรกมา ที่เรียกเสียงฮือฮาได้เป็นอย่างมาก เพราะเป็นโทรศัพท์จอพับรุ่นแรกที่ทำออกมาแล้วสามารถใช้งานทั่วไปได้จริง มาจนถึงปัจจุบัน…

3 weeks ago

วิธีแก้รถควันดำให้หายขาด! เคล็ดลับง่ายๆ ให้รถคุณกลับมาวิ่งฉลุยไร้มลพิษ

ปัญหารถควันดำไม่ใช่แค่ปัญหาสิ่งแวดล้อม แต่ยังส่งผลต่อสภาพรถและความปลอดภัยในการขับขี่ ค่าควันดำที่วัดด้วย Smoke meter วัดได้เกิน 50% ยังผิดกฎหมายซึ่งมีโทษทั้งปรับและห้ามใช้รถคนนั้นอีกด้วย คราวนี้ Shopee จึงจะขอชวนเพื่อน ๆ มาดูว่ารถมีควันดำเกิดจากอะไร และในฐานะคนใช้รถแบบเรา ๆ…

3 weeks ago

เจาะประเด็นทำไมน้ำมันแพง มีปัจจัยจากอะไร? และใครได้รับผลกระทบ

ทราบกันดีว่าประเทศไทยมีแหล่งผลิตน้ำมันดิบ แต่รู้หรือไม่ว่าปริมาณที่ผลิตได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการในการใช้งานภายในประเทศทั้งหมด จึงจำเป็นต้องมีการนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศมากลั่นสำเร็จรูปมากขึ้นเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งส่งผลต่อโครงสร้างราคาน้ำมัน โดยในวันนี้ Shopee Blog จะพาไปคลายข้อสงสัยว่า ทำไมน้ำมันแพง มีปัจจัยอะไรบ้างที่ส่งผลกระทบต่อการขึ้น-ลงของราคาน้ำมันและแนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันในปี 2568 จะเป็นอย่างไรไปดูกันเลย!  รู้จักโครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมันภายในประเทศไทย มีอะไรบ้าง รู้หรือไม่ว่าโครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมันแต่ละประเทศไม่เหมือนกันซึ่งในประเทศไทยราคาน้ำมันจะผ่านผู้เกี่ยวข้อง…

3 weeks ago