Categories: Health

ถอดรหัสอาการปวดท้อง: ปวดท้องตรงไหนบอกอะไรเกี่ยวกับสุขภาพของคุณ

อาการปวดท้องเป็นโรคทั่วไปที่พวกเราหลายคนประสบในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต แม้ว่าหลายครั้งคุณอาจจะแค่ปวดนิดๆแล้วก็พยายามมองข้ามว่ามันเป็นความรู้สึกไม่สบายท้องชั่วคราว เดี๋ยวก็หาย แต่การใส่ใจกับตำแหน่งปวดท้องสามารถพอบอกได้ว่าคุณอาจจะเป็นโรคอะไรอยู่เพื่อคุณจะได้ไปหาหมอและแก้ก่อนจะสาย ในบทความนี้เราจะมาเจาะลึกถึง ส่วนต่างๆ ของท้อง กระเพาะอาหาร อาการเจ็บท้อง และความเจ็บปวดในแต่ละบริเวณว่า ปวดท้องตรงไหนบอกอะไร หรือคุณมีความเสี่ยงเป็นโรคอะไรอยู่

หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้

สาเหตุของอาการปวดท้อง

ก่อนอื่น ลองไปดูก่อนว่า สาเหตุที่ทำให้ปวดท้องได้ มีอะไรได้บ้าง

ปัญหาระบบทางเดินอาหาร

เช่น

  • โรคกระเพาะ: การอักเสบของเยื่อบุกระเพาะอาหารอาจทำให้เกิดอาการปวดท้องได้ อาจเกิดจากการติดเชื้อ ยาบางชนิด หรือการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
  • แผลในกระเพาะอาหาร: แผลเปิดที่เกิดขึ้นที่เยื่อบุชั้นในของกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็กอาจทำให้เกิดอาการปวดแสบร้อนหรือแทะได้

ความผิดปกติของระบบย่อยอาหาร

เช่น

  • โรคกรดไหลย้อน (GERD): กรดในกระเพาะอาหารไหลกลับเข้าสู่หลอดอาหารอาจทำให้เกิดอาการแสบร้อนในช่องท้องส่วนบนหรือขึ้นไปถึงหลอดอาหารได้
  • อาการลำไส้แปรปรวน (IBS): ความผิดปกติของลำไส้ที่เกิดจากการทำงานซึ่งมีอาการปวดท้อง ท้องอืด และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของลำไส้

การอักเสบ

เช่น

  • โรคลำไส้อักเสบ (IBD): สภาวะเช่นโรค Crohn และอาการลำไส้ใหญ่บวมเป็นแผลอาจทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องร่วง และอักเสบของระบบทางเดินอาหาร
  • โรคถุงผนังลำไส้อักเสบ: การอักเสบหรือการติดเชื้อของถุงเล็กๆ (diverticula) ในระบบทางเดินอาหารอาจทำให้เกิดอาการเจ็บท้องส่วนล่างได้

ปัญหาสุขภาพการเจริญพันธุ์

เช่น

  • ถุงน้ำรังไข่: ถุงที่เต็มไปด้วยของเหลวในรังไข่อาจทำให้เกิดอาการปวดกระดูกเชิงกรานหรือรู้สึกไม่สบายท้องส่วนล่างโดยเฉพาะในสตรี
  • Endometriosis: การมีเนื้อเยื่อมดลูกอยู่นอกมดลูกอาจทำให้เกิดอาการปวดกระดูกเชิงกรานอย่างรุนแรง

ปัญหาเฉพาะอวัยวะ

เช่น

  • ไส้ติ่งอักเสบ: การอักเสบของไส้ติ่งอาจทำให้เกิดอาการปวดเฉียบพลันในช่องท้องด้านขวาล่าง ซึ่งมักต้องได้รับการผ่าตัด
  • นิ่วในถุงน้ำดี: การสะสมที่แข็งตัวในถุงน้ำดีอาจทำให้เกิดอาการปวดอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในช่องท้องด้านขวาบน

เข้าใจกายวิภาคของท้องและตำแหน่งปวดท้อง

เพื่อให้เข้าใจถึงความสำคัญของอาการปวดท้อง สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจกายวิภาคของกระเพาะอาหารก่อน กระเพาะอาหารแบ่งออกเป็นสี่ส่วนหลัก ได้แก่ ด้านซ้ายบน ด้านขวาบน ด้านซ้ายล่าง และขวาล่าง แต่ละส่วนมีอวัยวะและโครงสร้างที่แตกต่างกัน และความเจ็บปวดในบริเวณเหล่านี้สามารถชี้ไปที่ปัญหาที่ซ่อนอยู่ได้

ปวดท้องตรงไหนบอกอะไร ตรงนั้นมีอวัยวะอะไรบ้าง

1. ปวดท้องด้านซ้ายบน ป่วยเป็นอะไร

พื้นที่ท้องฝั่งซ้ายบนของคุณ เป็นที่ตั้งของกระเพาะอาหาร ม้าม และส่วนหนึ่งของลำไส้ใหญ่ หากคุณมีอาการปวดบริเวณนี้ อาจเชื่อมโยงกับปัญหาต่างๆ เช่น โรคกระเพาะ ความผิดปกติของม้ามโต หรือแม้แต่ปัญหาเกี่ยวกับส่วนบนของลำไส้ใหญ่ การทำความเข้าใจลักษณะของความเจ็บปวด เช่น ความรุนแรง และอาการอื่นๆ ร่วมด้วย สามารถช่วยในการระบุสาเหตุที่แท้จริงได้

ตัวอย่างโรคที่เสี่ยงถ้าปวดท้องด้านซ้ายบน:

  • โรคกระเพาะ
  • ม้ามโต
  • ลำไส้ส่วนบนอักเสบ

2. ปวดท้องด้านขวาบน ป่วยเป็นอะไร

เมื่อเคลื่อนไปยังพื้นที่ฝั่งขวาบน เราจะพบตับ ถุงน้ำดี และส่วนหนึ่งของลำไส้ใหญ่ อาการเจ็บท้องบริเวณนี้อาจส่งสัญญาณถึงปัญหาต่างๆ เช่น นิ่วในถุงน้ำดี ตับอักเสบ หรือปัญหาเกี่ยวกับถุงน้ำดี การรู้ว่าความเจ็บปวดนั้นรุนแรง ทื่อ หรือเป็นสัญญาณที่จะช่วยบ่งชี้ถึงสาเหตุที่อาจเป็นไปได้ได้ชัดเจนขึ้น

ตัวอย่างโรคที่เสี่ยงถ้าปวดท้องด้านขวาบน:

  • นิ่วในถุงน้ำดี
  • ตับอักเสบ
  • ถุงน้ำดีอักเสบ

3. ปวดท้องด้านซ้ายล่าง ป่วยเป็นอะไร

ปวดท้องบริเวณซ้ายล่าง ต้องดูอีกเช่นกันว่มีอวัยวะอะไรอยู่บริเวณนั้นบ้าง ตรงนี้ประกอบด้วยลำไส้ใหญ่ รังไข่ด้านซ้าย (ในเพศหญิง) และลำไส้ใหญ่ซิกมอยด์ บุคคลที่ประสบอาการปวดบริเวณนี้อาจต้องเผชิญกับภาวะต่างๆ เช่น โรคถุงผนังลำไส้อักเสบ ซีสต์รังไข่ หรือปัญหาเกี่ยวกับลำไส้ใหญ่ แต่ยังไงก็ต้องพิจารณาร่วมกับปัจจัยต่างๆที่เกิดขึ้นกับคุณเองด้วย เช่น ระยะเวลาของความเจ็บปวด ปัจจัยที่ทำให้รุนแรงขึ้นหรือบรรเทาลง เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การประเมินว่าเป็นโรคอะไรแม่นยำยิ่งขึ้น

ตัวอย่างโรคที่เสี่ยงถ้าปวดท้องด้านซ้ายล่าง:

  • ลำไส้อักเสบเฉียบพลัน
  • เนื้องอกในลำไส้
  • ปีดมดลูกด้านซ้ายอักเสบ
  • (ถ้าปวดค่อนมาตรงกลางท้อง) กระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือ นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ

4. ปวดท้องด้านขวาล่าง ป่วยเป็นอะไร

สุดท้าย ส่วนล่างขวาประกอบด้วยไส้ติ่ง ลำไส้ใหญ่ส่วนต้นเหนือท้องน้อย(cecum) และลำไส้เล็กส่วนหนึ่ง อาการปวดบริเวณนี้อาจบ่งบอกถึงไส้ติ่งอักเสบ ความผิดปกติของช่องท้อง หรือการอักเสบในลำไส้เล็ก การตระหนักว่าความเจ็บปวดเกิดขึ้นเฉพาะที่หรือแผ่ไปยังบริเวณอื่นๆ สามารถช่วยแยกแยะสาเหตุที่เป็นไปได้ได้

ตัวอย่างโรคที่เสี่ยงถ้าปวดท้องด้านขวาล่าง:

  • ไส้ติ่งอักเสบ
  • ลำไส้เล็กอักเสบ
  • ท่อไตขวาอักเสบ
  • (ถ้าปวดค่อนมาตรงกลางท้อง) มดลูกอักเสบ

ประเภทของอาการเจ็บท้อง

นอกจาก ตำแหน่งปวดท้อง หรือ ปวดท้องตรงไหนบอกอะไร ปวดท้องตรงไหนเสี่ยงเป็นอะไร ความจริงแล้วรูปแบบของอาการปวดท้องยังสามารถเป็นตัวบ่งชี้ได้เช่นกันว่าอวัยวะส่วนใดของเรากำลังมีปัญหา นอกจากตำแหน่งแล้วคุณควรสังเกตอาการเจ็บท้องเช่นกันว่าเป็นแบบใดเพื่อให้คุณวิเคราะห์เบื้องต้น หรือให้แพทย์ช่วยตัดสินว่าน่าจะเป็นโรคอะไร และต้องทานยาหรือปฏิบัติตัวอย่างไร

1. อาการปวดเฉียบพลันและฉับพลัน

  • ไส้ติ่งอักเสบ: อาการปวดเริ่มต้นบริเวณสะดือและลามไปยังช่องท้องด้านขวาล่าง มักจะรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว
  • นิ่วในไต: อาการปวดเฉียบพลันบริเวณหลังส่วนล่างหรือด้านข้างสามารถลามไปยังช่องท้องส่วนล่างได้

2. อาการปวดท้องแบบรู้สึกแสบร้อน

  • แผลในกระเพาะอาหาร: ความเจ็บปวดมักถูกอธิบายว่าเป็นความรู้สึกแสบร้อนในช่องท้องส่วนบน บางครั้งบรรเทาได้ด้วยการรับประทานอาหารหรือรับประทานยาลดกรด
  • กรดไหลย้อน (GERD): รู้สึกแสบร้อนที่หน้าอกหรือช่องท้องส่วนบน โดยเฉพาะหลังรับประทานอาหาร

3. ปวดเหมือนตะคริว

  • ปวดประจำเดือน: ผู้หญิงอาจมีอาการปวดคล้ายตะคริวที่ช่องท้องส่วนล่างระหว่างมีประจำเดือน
  • อาการลำไส้แปรปรวน (IBS): ปวดท้องเป็นตะคริวมักมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของลำไส้

4. ปวดตื้อ ปวดเสียด

  • โรคกระเพาะ: อาการปวดทึบในช่องท้องส่วนบน มักแย่ลงเมื่อรับประทานอาหาร
  • อาการท้องผูก: รู้สึกไม่สบายอย่างต่อเนื่องเนื่องจากอุจจาระลำบาก

5. อาการปวดบิด

  • โรคนิ่ว: ปวดเป็นตะคริวเป็นระยะๆ ในช่องท้องด้านขวาบน มักเกิดจากอาหารที่มีไขมัน
  • อาการจุกเสียดไต: อาการปวดตะคริวอย่างรุนแรงที่เกิดจากการผ่านนิ่วในไต

การทำความเข้าใจประเภทของอาการเจ็บท้องและอาการที่เกี่ยวข้องสามารถช่วยในการระบุสาเหตุที่แท้จริงได้ แต่อย่างไรก็ตาม ไปหาหมอและให้แพทย์วินิจฉัย ยังไงก็เป็นการรักษาที่น่าเชื่อถือกว่าเพราะเป็นบุคลากรที่ศึกษาเฉพาะทางมาและเชี่ยวชาญ


ปวดท้อง ทำยังไงดี

อาการปวดท้องอาจทำให้คุณรำคาญและไม่สบายตัว แต่ก็มีหลายวิธีที่คุณสามารถทำได้เพื่อบรรเทาอาการไม่สบายหรือพิจารณาว่าจำเป็นต้องไปหาหมอหรือไม่ ต่อไปนี้เป็นรายการสิ่งที่คุณทำได้เพื่อจัดการกับอาการปวดท้องหรืออาการเจ็บท้องที่เกิดขึ้น

1. ประเมินความรุนแรง

ประเมินความรุนแรงและลักษณะของความเจ็บปวด อาการปวดที่รุนแรง ต่อเนื่อง หรือแย่ลงอาจต้องได้รับการดูแลจากแพทย์ทันที ลองคิดดูว่าถ้าปวดแบบทนไม่ได้คือ 10 และไม่ปวดเลยคือ 0 คุณปวดอยู่ที่ระดับใด

2. ระบุตัวการ สาเหตุ หรือ ตัวกระตุ้นที่เป็นไปได้

ลองคิดถึงอาหารที่พึ่งกินมาไม่นาน กิจกรรม หรือความเครียดที่เพิ่งเกิดขึ้น ซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดความเจ็บปวด การระบุสาเหตุที่เป็นไปได้จะช่วยให้คุณจดจำ ทดสอบ และอาจสามารถช่วยป้องกันการปวดท้องในอนาคตได้ด้วยการลดตัวต้นเหตุ

3. ปรับเปลี่ยนอาหาร

เลือกทานอาหารที่ย่อยง่าย เช่น ข้าว ข้าวต้ม หรือกล้วย หลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ด มันเยิ้ม หรือมีกรดมากเกินไปที่อาจทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหารมากขึ้น อย่างส้มตำ น้ำพริก ของดอง ชาบูหม่าล่า ให้งดก่อนเลย

4. ดื่มน้ำให้เพียงพอ

ดื่มน้ำปริมาณมากเพื่อให้ร่างกายไม่ขาดน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอาการปวดเกิดขึ้นพร้อมกับอาเจียนหรือท้องเสีย หากท้องเสียควรทานน้ำเกลือแร่เพื่อเติมน้ำให้ร่างกาย ดื่มน้ำที่อุณหภูมิห้องหรืออุ่นเพียงเล็กน้อย ไม่ต้องดื่มน้ำร้อนหรือเย็น หรือลองจิบชาสมุนไพร เช่น เปปเปอร์มินต์หรือขิง ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องคุณสมบัติผ่อนคลาย ร่วมด้วยก็ได้

5. ซื้อยาจากร้านขายยา

ยาลดกรด หรือ ยาช่วยย่อย สามารถช่วยทำให้กรดในกระเพาะเป็นกลางและบรรเทาอาการอาหารไม่ย่อยได้

ยาที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์ เช่น ไอบูโพรเฟนหรืออะเซตามิโนเฟน (หรือที่รู้จักกันในชื่อ พาราเซตามอล) อาจช่วยรักษาอาการปวดเล็กน้อยได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงหากคุณสงสัยว่าอาการปวดของคุณเกี่ยวข้องกับแผลในกระเพาะอาหาร

6. ใช้ความร้อนหรือเย็น

วางแผ่นความร้อนบนหน้าท้องของคุณสำหรับอาการปวดคล้ายตะคริว หรือ ปวดประจำเดือน หรือใช้การประคบเย็นเพื่อลดการอักเสบหรือบวมหากบริเวณท้องคุณปวดช้ำ

7. การพักผ่อน ผ่อนคลาย ทำสมาธิ

หยุดพักและให้ร่างกายของคุณได้พักผ่อน อย่าขยับตัวหรือใช้ความคิดมาก เพราะความเครียดอาจทำให้ปัญหากระเพาะอาหารรุนแรงขึ้นได้ ดังนั้นให้ลองฝึกเทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การหายใจเข้าลึกๆ หรือการทำสมาธิ

8. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ กัญชา

ทั้งแอลกอฮอล์และบุหรี่ สารเสพติด รวมถึงบุหรี่ไฟฟ้า อาจทำให้เยื่อบุกระเพาะอาหารหรือระบบทางเดินหายใจระคายเคืองได้ การหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้อาจช่วยบรรเทาอาการปวดได้

9. ลองกินโพรไบโอติก

โพรไบโอติกสามารถส่งเสริมสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้และอาจเป็นประโยชน์ต่อปัญหาทางเดินอาหารบางอย่าง

10. ติดตามอาการ ทำการจด

หากอาการปวดท้องของคุณเริ่มเกิดขึ้นหลายวัน หรือมีอาการขึ้นๆลงๆ เป็นบ้างไม่เป็นบ้าง ลองติดตามอาการของคุณ รวมถึงประเภทของความเจ็บปวด ระยะเวลา และปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลนี้อาจมีประโยชน์เมื่อปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร

11. ไปพบแพทย์หากจำเป็น

หากอาการปวดรุนแรง ต่อเนื่อง (ปวดท้องมากนานกว่า 6 ชั่วโมงแล้วไม่ดีขึ้น) หรือมีอาการที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม (มีไข้ อาเจียนเป็นเลือด อุจจาระสีดำ) ปวดจนขยับตัว/กินอาหาร/หรือนอนไม่ได้ ปวดท้องมากร่วมกับอาเจียนเกิน 3 ครั้ง ปวดร่วมกับมีไข้หรือท้องเสียหนัก ให้ไปพบแพทย์ทันที

12. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ

หากอาการปวดยังคงอยู่หรือเกิดขึ้นอีกบ่อยครั้ง ให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเพื่อรับการตรวจและวินิจฉัยอย่างละเอียด


ตำแหน่งปวดท้องกับโรค เป็นไปได้หลายอย่าง อย่ามองข้ามความเสี่ยง

การถอดรหัสอาการปวดท้องตามตำแหน่งเป็นเครื่องมืออันทรงคุณค่าในการระบุปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและการรักษาที่เหมาะสม การใส่ใจกับความแตกต่างของอาการเจ็บท้องจะทำให้คุณสามารถดำเนินการเชิงรุกเพื่อทำความเข้าใจและแก้ไขสาเหตุที่แท้จริงของอาการไม่สบายได้ โปรดจำไว้ว่าร่างกายของคุณมักจะสื่อสารผ่านความเจ็บปวด ขึ้นอยู่กับเราที่จะฟังและตีความสัญญาณที่ร่างกายส่งไป

Credit: 

Nin ST

Joined SEO team in 2023, Nin enjoyed creating lifestyle, home & living, and pets-related articles for share as she has furbabies herself - 4 fluffy British short-hair cats :)

Share
Published by
Nin ST

Recent Posts

โปรตีนทางเลือก มีอะไรบ้าง? แหล่งโปรตีนไม่พึ่งเนื้อสัตว์ กินง่าย ดีต่อสุขภาพ

หากพูดถึง “โปรตีน” หลายคนอาจนึกถึงไข่ เนื้อไก่ เนื้อวัว หรืออาหารทะเลเป็นอันดับต้น ๆ แต่ในยุคที่การดูแลสุขภาพและเทรนด์กินคลีนมาแรง หลายคนเริ่มหันมามองหาแล้วว่า “โปรตีนทางเลือก มีอะไรบ้าง” หรือโปรตีนที่ได้จากแหล่งอื่นนอกเหนือจากเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะสายรักสุขภาพ มังสวิรัติ หรือคนที่แพ้โปรตีนจากสัตว์…

1 day ago

อัปเดต! ไม้แบดมินตัน ยี่ห้อไหนดี ทน เบา สเปคดี ที่นักแบดมือใหม่ มือโปรไม่ควรพลาด

ช้อปไม้แบดมินตัน ยี่ห้อไหนดี? พบกับ 10 ไม้แบด ที่คัดสรรเพื่อคุณ! พร้อม 5 ทริคเลือกไม้แบดที่ใช่ ในสไตล์ที่ชอบ และตารางเปรียบเทียบสเปค ราคา คุ้มค่าแน่นอน!

1 week ago

ไพรเมอร์ ยี่ห้อไหนดี? รวม 15 ยี่ห้อติดทน ผิวโกลว์ สวยจึ้ง

รู้หรือไม่ ไพรเมอร์เปรียบเสมือนการใส่ฟิลเตอร์บนใบหน้าของสาว ๆ ที่มาช่วยปรับผิวให้ดูเรียบเนียน เตรียมผิวก่อนแต่งหน้าที่ช่วยเติมเต็มร่องผิว เบลอรูขุมขน ให้ติดทน สวยจึ้งได้ตลอดทั้งวันซึ่งควรเลือกซื้อ ไพรเมอร์ ยี่ห้อไหนดี? เราคัดสรรจัดเต็มมาฝากถึง 15 แบรนด์ดัง พร้อมบอกเล่าที่มาของไพรเมอร์ว่าคืออะไร ควรใช้เวลาไหน…

1 week ago

10 กล้องวงจรปิดไร้สาย ยี่ห้อไหนดี เปรียบเทียบทุกฟีเจอร์ ราคา ตัวไหนคุ้มไม่คุ้ม?

รีวิวกล้องวงจรปิดไร้สายแบบเรียล ๆ กับ 10 กล้องวงจรปิดไร้สาย ยี่ห้อไหนดีที่เป็น The Best ตัวจริง! รุ่นขายดีที่ผู้ใช้จริงแนะนำ

1 week ago

เทียบให้ชัด! 10 SSD ยี่ห้อไหนดี ความจุเยอะ อ่าน-เขียนข้อมูลเร็ว ใช้งานได้หลากหลาย ราคาไม่แพง

ในยุคที่การทำงานออนไลน์ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันใครหลายคน การมีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพราะการเขียนไฟล์งานหรือโอนข้อมูลเรื่องความเร็วเป็นสิ่งสำคัญ และหนึ่งในอุปกรณ์ที่ช่วยให้คอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊คของเรา ทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้นก็คือ SSD (Solid State Drive) ใครที่ทำงานแล้วรู้สึกว่าคอมดูอืดมากใช้เวลาโหลดไฟล์นานมากกว่าจะสำเร็จ อยากจะหาซื้อ SSD มาใช้งานบ้าง แต่ไม่รู้ว่าจะเลือก SSD…

1 week ago

รีวิว 10 ปลั๊กสามตา ยี่ห้อไหนดี ป้องกันไฟกระชาก ได้มาตรฐาน มอก. ปลอดภัย ใช้งานคุ้ม

ปลั๊กสามตา หรือ ปลั๊กพ่วง เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีความจำเป็นและเกือบทุกบ้านต้องมี! เนื่องจากปลั๊กสามตาจะช่วยเพิ่มจำนวนเต้ารับไฟฟ้า ทำให้สามารถเสียบปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลากหลายชนิดได้พร้อมกัน โดยที่ไม่ต้องถอดเสียบปลั๊กสลับไปมาเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน ยิ่งถ้าบ้านไหนที่มีเต้ารับไฟฟ้าไม่เพียงพอต่อการใช้งานของเครื่องไฟฟ้า ยิ่งต้องหาซื้อติดบ้านไว้เลย! ปัจจุบันปลั๊กสามตามีให้เลือกหลากหลายประเภท จากยี่ห้อต่าง ๆ มากมาย มีทั้งปลั๊กสามตาที่มีคุณภาพ และปลั๊กที่ไม่ได้มาตรฐาน…

1 week ago