Categories: Home and Living

วิธีลดฝุ่นในบ้าน 5 ห้อง: คู่มือสำหรับคนเป็นภูมิแพ้ จมูกไวต่อฝุ่น

เนื่องจากปัญหามลพิษ PM 2.5 ยังคงทวีความรุนแรงขึ้นในประเทศไทย การสร้างสถานที่ปลอดภัยจากฝุ่นอย่างที่บ้านจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับบุคคลที่ไวต่อสารก่อภูมิแพ้ แพ้ฝุ่น เจอฝุ่นในบ้านแล้วไอจามหรือคันจมูก การแต่งบ้านโดยคำนึงถึงสิ่งนี้สามารถบรรเทาความรู้สึกไม่สบายที่เกิดจากเหล่าฝุ่นจิ๋วพวกนี้ได้อย่างมาก บทความนี้เราขอมาแนะนำวิธีออกแบบพื้นที่อยู่อาศัยของคุณเพื่อลดการสะสมของฝุ่น ทำยังไงให้ห้องไม่มีฝุ่น จัดบ้านยังไงให้ฝุ่นน้อย ผ้าม่านแบบไหนดีไม่อมฝุ่น ทั้งหมดนี้เพื่อทั้งผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้หรือมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจรวมถึงคนปกติที่อยากลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งปอด

หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้

ฝุ่นในบ้านมาจากไหน ?

ก่อนจะไปดูว่า ทำยังไงให้ห้องไม่มีฝุ่น กำจัดฝุ่นออกจากบ้าน เราควรเข้าใจก่อนว่า ฝุ่นในบ้านมาจากไหน ฝุ่นในบ้าน โดยปกติแล้วมาจากหลายแหล่ง ทั้งภายในและภายนอก เรามาเข้าใจที่มาของเจ้าฝุ่นตัวร้ายกันก่อน มาดูกันว่าฝุ่นในบ้านมักมาจากไหนและฝุ่นเข้ามาในบ้านได้อย่างไร

1. ฝุ่นในบ้านจากด้านนอกบ้าน

  • ดินและสิ่งสกปรก: ฝุ่นละอองจากดิน สิ่งสกปรก และอินทรียวัตถุมักติดตามในผนัง รองเท้า เสื้อผ้า และขนของสัตว์เลี้ยง สามารถปลิวตามลมไปสร้างฝุ่นในบ้านได้ทั้งสิ้น
  • มลพิษ: มลภาวะภายนอก รวมถึงการปล่อยยานพาหนะ มลพิษทางอุตสาหกรรม และมลพิษในอากาศ เช่น ฝุ่น PM 2.5 สามารถแทรกซึมเข้าไปในพื้นที่บ้านผ่านทางหน้าต่าง ประตู ซอกประตูหน้าต่าง และระบบระบายอากาศที่เปิดอยู่
  • ละอองเกสร: ละอองเกสรจากต้นไม้ หญ้า และดอกไม้สามารถเข้ามาในบ้านผ่านทางหน้าต่างและประตูที่เปิดอยู่ เช่นเดียวกับเสื้อผ้าและสัตว์เลี้ยงที่เข้าออกบ้าน
  • แมลงและขยะจากแมลง: แมลง เช่น แมลงสาบ ไรฝุ่น และสัตว์รบกวนภายนอกอาคารสามารถก่อให้เกิดฝุ่นในร่มผ่านทางผิวหนัง อุจจาระ และสารคัดหลั่งในร่างกาย

2. แหล่งที่มาด้านใน / ภายในอาคาร

  • สะเก็ดผิวหนังของมนุษย์และสัตว์เลี้ยง: เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วซึ่งมนุษย์และสัตว์เลี้ยงหลั่งออกมามีส่วนทำให้เกิดฝุ่นในร่มอย่างมาก ซึ่งรวมถึงสะเก็ดผิวหนัง ผม และขน
  • เส้นใยสิ่งทอ: ผ้าต่างๆ เช่น เสื้อผ้า เครื่องนอน พรม และเบาะจะหลั่งเส้นใยขนาดเล็กมากเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งมีส่วนทำให้เกิดการสะสมของฝุ่นในบ้าน
  • ผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน: อนุภาคจากผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน เช่น สารทำความสะอาด ผงซักฟอก และสเปรย์ฉีดอาจลอยตัวในอากาศและตกตะกอนกลายเป็นฝุ่นตามพื้นห้องได้
  • การปรุงอาหารและอาหาร: กิจกรรมการทำอาหารสามารถสร้างฝุ่นละอองจากเศษอาหาร เครื่องเทศ และน้ำมันปรุงอาหารได้ เศษอาหาร การแกะกล่อง การเคลื่อนย้าย และการปรุงอาหาร อาจทำให้เกิดฝุ่นภายในตัวบ้านได้
  • ควันบุหรี่: ควันบุหรี่ประกอบด้วยอนุภาคและสารเคมีที่สามารถจับตัวเป็นฝุ่นบนพื้นผิวและในอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบ้านที่มีการสูบบุหรี่ในบ้าน ทำให้ฝุ่นในห้องหนาและสะสมตัวขึ้นได้

3. วัสดุก่อสร้างและตกแต่ง

  • วัสดุก่อสร้าง: วัสดุก่อสร้าง เช่น ผนังเบา ปูนปลาสเตอร์ และฉนวนสามารถปล่อยฝุ่นละอองระหว่างการติดตั้ง การปรับปรุง การขยับ หรือการรื้อถอน ทั้งนี้ฝุ่นจากแหล่งนี้อาจมาจากวัสดุของบ้านคุณ หรือบ้านใกล้เคียงที่โดนลมพัดพาฝุ่นมาก็เป็นได้
  • เฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ติดตั้ง: ฝุ่นสามารถสะสมบนพื้นผิวเฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โคมไฟ และของใช้ในครัวเรือนอื่นๆ เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไม่ได้ทำความสะอาดเป็นประจำ เฟอร์นิเจอร์ชิ้นสำคัญที่มักจะอยู่ในบ้านแล้วอมฝุ่นก็คือพวกโซฟา พรม ตู้ และผ้าม่าน ดังนั้นเวลาคุณแต่งบ้านหรือรีโนเวทห้อง ควรคิดเสมอว่า ผ้าม่านแบบไหนดีไม่อมฝุ่น เฟอร์จิเจอร์แบบไหนจะทำให้มีฝุ่นละอองสะสมน้อย

4. กิจกรรมในบ้าน

  • การไหลเวียนของอากาศ: กิจกรรมต่างๆ เช่น การเดินของคนในบ้าน การปัดกวาด การดูดฝุ่น และแม้แต่การไหลเวียนของอากาศจากระบบแอร์ หรือพัดลม ต่างก็สามารถกระตุ้นอนุภาคฝุ่นที่ลอยอยู่หรือเกาะอยู่ ให้ปลิวเข้าออกบ้าน เข้าบ้าน หรือกระจายไปทั่วบ้านได้
  • กิจกรรมของสัตว์เลี้ยง: สัตว์เลี้ยงที่เคลื่อนไหวไปรอบๆ บ้านสามารถรบกวนฝุ่นที่เกาะอยู่ ซึ่งทำให้ฝุ่นเกิดการปลิวและเกิดการกระจายตัวของฝุ่นในบ้าน

โดยรวมแล้วไม่ต้องสงสัยว่าทำไมบ้านฝุ่นเยอะ ทำไงดี หรือ ทำยังไงให้ห้องไม่มีฝุ่น เพราะฝุ่นแทบจะอยู่ในทุกๆที่ ฝุ่นในบ้านคือการรวมกันของอนุภาคจากแหล่งต่างๆ ทั้งในร่มและกลางแจ้ง และฝุ่นจะเข้ามาในบ้านผ่านปัจจัยหลายอย่าง เช่น กิจกรรมของมนุษย์ การเคลื่อนไหวของสัตว์เลี้ยง ลม การระบายอากาศ ความดันอากาศ สภาพแวดล้อม การทำความสะอาดบริเวณบ้านเป็นประจำสามารถช่วยลดระดับฝุ่นภายห้องต่างๆและทำให้คุณภาพอากาศภายในบ้านดีขึ้นได้

การออกแบบตกแต่งภายในเพื่อลดฝุ่นในบ้านโดยรวม

หลายคนคงบ่นว่า บ้านฝุ่นเยอะ ทําไงดี? หากคุณมีความคิดแบบนี้ คุณต้องลุกขึ้นมาจัดและทำความสะอาดบ้านแล้วล่ะ ไม่ว่าจะเป็นบ้านใหม่กำลังออกแบบ หรือบ้านที่คุณอยู่อยู่แล้วก็ตาม สามารถทำตามสเต็ปต่างๆได้ดังต่อไปนี้

  • เลือกใช้พื้นไม้เนื้อแข็งหรือพื้นลามิเนตแทนพรม เนื่องจากพรมมักจะอมฝุ่นและสะสมสารก่อภูมิแพ้
  • เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีพื้นผิวเรียบซึ่งทำความสะอาดง่าย เช่น หนังหรือไวนิล แทนที่จะใช้วัสดุหุ้มเบาะแบบผ้า หรือเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่มีร่องเก็บฝุ่นเยอะ ทำความสะอาดยาก
  • ใช้ผ้าม่านหรือมู่ลี่แบบม้วน หรือ ใช้ม่านผ้าซักได้ แทนผ้าม่านเนื้อหนาถอดซักยาก หลีกเลี่ยงมู่ลี่ไม้แผ่นเล็กๆที่ใช้เชือกรูดดึง เพราะแม้จะสวยแต่ทำความสะอาดยาก
  • เก็บของให้เป็นที่อย่างเรียบร้อย อย่าทำบ้านรก เนื่องจากจะทำให้พื้นผิวและสิ่งของที่วางกองมีฝุ่นสะสมได้มากขึ้น
  • ลงทุนซื้อเครื่องฟอกอากาศคุณภาพดีที่มีแผ่นกรอง HEPA เพื่อทำความสะอาดอากาศภายในอาคารอย่างต่อเนื่อง

วิธีลดฝุ่นในบ้าน ห้องต่างๆ

9 วิธีจัดบ้านให้ลดฝุ่นใน “ห้องนอน”

1. จัดห้องนอนให้โล่ง

เลือกใส่เฟอร์นิเจอร์อย่าง ตู้ โต๊ะ ตุ๊กตา หนังสือ และข้าวของเครื่องใช้อื่นๆ ให้น้อยที่สุด และอย่าวางของระเกะระกะโดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณรอบหัวเตียง เพราะยิ่งมีของเยอะ ก็จะยิ่งเป็นแหล่งสะสมฝุ่นละออง และคุณอาจได้หายใจรับฝุ่นเข้าไปตอนนอนโดยไม่รู้ตัว

2. เลือกใช้เตียงเปิดด้านล่าง

แทนที่จะเลือกเตียงแบบปิดทึบซึ่งฝุ่นจะสะสมข้างใต้เตียงได้ เลือกใช้เตียงแบบเปิด และหมั่นดูดฝุ่นใต้เตียงออกให้หมดเป็นประจำ

3. เลือกใช้หมอนแบบอมฝุ่นน้อย

หมอนยางพารา หรือ หมอนจำพวกเมมโมรี่โฟม จะสะสมฝุ่นน้อยกว่าหมอนขนสัตว์ หมอนใยสังเคราะห์ 

4. ใช้ชุดผ้าปูที่นอน-ปลอกหมอนกันไรฝุ่น

ใช้ผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนกันไรฝุ่นเพื่อป้องกันไม่ให้สารก่อภูมิแพ้สะสมในผ้าปูที่นอนและหมอน

5. ไม่ใช้ผ้าคลุมเตียงหรือหมอนตกแต่งเนื้อหนา

หลีกเลี่ยงผ้าคลุมเตียงหรือหมอนตกแต่งที่มีเนื้อหนาซึ่งสามารถอมฝุ่นได้ ทางทีดี่ไม่ควรมีหมอนตกแต่งในห้องนอนเพราะโทษจากการได้รับฝุ่นอาจมีมากกว่าประโยชน์หลักซึ่งคือความสวยงามของห้อง

6. ไม่ปูพรมทั้งห้องให้อมฝุ่น

ถ้าต้องการให้ห้องนอนมีพรม เลือกใช้พรมพื้นแบบลอยที่หยิบไปซักได้ง่ายๆ แทนการปูพรมทั้งพื้น แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ทำให้ห้องนอนไม่มีพรมเลยจะดีกว่า หากคุณไม่ชอบให้เท้าสัมผัสพื้นเย็นก็อาจเลือกใช้เป็นรองเท้าสลิปเปอร์เดินในบ้านแทนการใช้พรม

7. เปิดม่านรับแสงแดดฆ่าเชื้อ

เพียงเปิดม่านให้ห้องนอนได้รับแสงแดด ก็เป็นการให้แดดฆ่าเชื้อโรคหรือฝุ่นที่เรามองไม่เห็นด้วยตาเปล่าได้บ้างแล้ว อย่าลืมเปิดม่านรับแดดในตอนเช้าและปิดม่านในตอนค่ำก่อนนอนเพื่อให้คุณหลับได้ดี ผ้าม่านก็ต้องเลือกว่า ผ้าม่านแบบไหนดีไม่อมฝุ่น ผ้าม่านบางเคลือบมันแบบม้วนก็เป็นตัวเลือกที่ดี แต่ถ้าใช้ผ้าม้านแบบเป็นผ้าหนาอมฝุ่นก็อย่าลืมถอดซักบ่อยๆ

8. ซักเครื่องนอนเป็นประจำ

ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าห่ม ผ้านวม ควรทำการซักสัปดาห์ละครั้ง หรืออย่างต่ำ 2 สัปดาห์ครั้ง ส่วน หมอน ที่นอน ฟูก ควรได้รับการนำมาตากแดด และตีฝุ่นละอองสะสมออกบ้างเป็นครั้งคราวเช่นกัน

9. ปิดหน้าต่างรับฝุ่น ฟอกอากาศ

ปิดหน้าต่างห้องนอนในช่วงที่มีมลพิษสูง และใช้เครื่องฟอกอากาศเพื่อรักษาอากาศที่สะอาดในห้องนอน

จัดบ้านให้ลดฝุ่นใน “ห้องนั่งเล่น”

  1. เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีขา เพื่อให้ทำความสะอาดด้านล่างได้ง่ายขึ้น ไม่สะสมฝุ่นไว้ข้างใต้โซฟา
  2. เลือกโซฟาแบบหนังแทนแบบผ้า เพื่อลดการสะสมฝุ่น
  3. เลือกผ้าคลุมโซฟา ผ้าคลุมเก้าอี้แบบซักได้ และซักเป็นประจำ หากไม่ใช้ผ้าคลุมก็เช็ดโซฟาและเก้าอี้ด้วยผ้าชุบน้ำหมาดเป็นประจำ
  4. เลือกใช้ตู้แบบมีบานประตูปิดมิดชิด ห้องนั่งเล่นที่เรามักจะวางของสะสม ของตกแต่ง เป็นตัวสะสมฝุ่นละอองชั้นดี ดังนั้นให้วางของโชว์ได้ แต่ควรมีตู้ที่มีบานประตูปิด เพื่อจะได้ลดการสะสมของฝุ่นบนชั้นและตัวของ รวมถึงอย่าให้รกเกินไป และหยิบออกมาทำความสะอาดบ้าง ทั้งของด้านใน ชั้น โครง และบานประตูตู้ ตู้ในที่นี้รวมหมดถึง ตู้โชว์ ตู้เก็บของ ตู้หนังสือ ตู้หรือชั้นวางทีวี หรือ ตู้ลิ้นชักเก็บของ
  5. ปลูกพืชฟอกอากาศวางในห้องนั่งเล่น เลือกพันธุ์ต้นไม้ที่มีคุณสมบัติในการฟอกอากาศ เช่น ต้นยางอินเดีย มอนสเตอร่า หรือลิ้นมังกร หรือดูไอเดียปลูกไม้ฟอกอากาศในบ้านเพิ่มเติมที่ Shopee Blog นี้
  6. ใช้อุปกรณ์จัดเก็บของตกแต่ง เช่น ตะกร้า กล่องเก็บของ หรือชั้นวางที่มีประตู เพื่อลดการสะสมของฝุ่นบนพื้นผิวที่เปิดโล่ง

ทำยังไงให้ไม่มีฝุ่นใน “ห้องครัว”

  1. เลือกวัสดุปูพื้นและกำแพงแบบพื้นผิวเรียบและไม่มีรูพรุน: เลือกใช้วัสดุเรียบและไม่มีรูพรุนสำหรับท็อปครัว ผนัง และพื้น เช่น หินแกรนิต หินอ่อน ท้อปกระเบื้องเซรามิก หรือท้อปหินสังเคราะห์ พื้นผิวเหล่านี้เรียบลื่น ทำความสะอาดได้ง่ายกว่าและมีโอกาสดักจับฝุ่นน้อยกว่าเมื่อเทียบกับวัสดุที่มีพื้นผิวอย่างเช่นไม้ธรรมชาติที่มีร่อง
  2. ปิดช่องว่างและรอยแตกร้าว: ตรวจสอบและปิดผนึกช่องว่างหรือรอยแตกรอบๆ หน้าต่าง ประตู และเคาน์เตอร์เป็นประจำ เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นสะสมในบริเวณเหล่านี้
  3. ปิดผนึกสิ่งของในตู้เก็บเสบียงของคุณ: เก็บสินค้าแห้ง เช่น แป้ง ข้าว และซีเรียลไว้ในภาชนะสุญญากาศเพื่อป้องกันการสะสมของฝุ่นและทำให้อาหารสดยิ่งขึ้น ภาชนะใสช่วยให้คุณระบุสิ่งที่อยู่ภายในได้อย่างง่ายดาย
  4. ลดการใช้ชั้นวางแบบเปิดให้น้อยที่สุด: หากเป็นไปได้ ให้ลดการใช้ชั้นวางแบบเปิดในห้องครัวให้เหลือน้อยที่สุด เนื่องจากมีแนวโน้มที่จะเก็บฝุ่นได้ง่ายกว่าตู้แบบปิด ใช้ตู้ปิดที่มีประตูเพื่อเก็บจาน เครื่องครัว และอุปกรณ์ครัว
  5. ทำความสะอาดเป็นประจำ: ใช้กิจวัตรการทำความสะอาดเป็นประจำสำหรับห้องครัวของคุณ รวมถึงการเช็ดเคาน์เตอร์ ตู้ และเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วยผ้าชุบน้ำหมาดหรือผ้าไมโครไฟเบอร์เพื่อขจัดฝุ่นและเศษซาก
  6. ใช้พัดลมดูดอากาศ: ใช้พัดลมดูดอากาศขณะปรุงอาหารเพื่อกำจัดอนุภาคในอากาศและความชื้นออกจากอากาศ ซึ่งสามารถช่วยป้องกันการสะสมของฝุ่นบนพื้นผิวได้
  7. ทำความสะอาดระบบระบายอากาศในห้องครัว: ทำความสะอาดและบำรุงรักษาระบบระบายอากาศในห้องครัวเป็นประจำ รวมถึงเครื่องดูดควันและท่อระบายอากาศ เพื่อป้องกันการสะสมของไขมันและฝุ่น
  8. ซักผ้าในครัวบ่อยๆ: ซักผ้าในครัว เช่น ผ้าเช็ดจาน ถุงมือเตาอบ และผ้ากันเปื้อนบ่อยๆ เพื่อป้องกันการสะสมของฝุ่นและเศษอาหาร

จัดบ้านให้ลดฝุ่นใน “ห้องกินข้าว”

  1. เลือกใช้วัสดุที่ทำความสะอาดง่ายสำหรับเก้าอี้ทานอาหาร เช่น เซรามิค หรือ โลหะ
  2. ใช้ผ้าปูโต๊ะที่สามารถซักหรือเช็ดทำความสะอาดได้ง่ายหลังรับประทานอาหารทุกครั้ง
  3. เก็บผ้าและกระดาษสำหรับรับประทาน เช่น ผ้ารองจาน หรือ กระดาษทิชชู่เช็ดปาก ไว้ในภาชนะที่ปิดสนิทวเวลาไม่ใช้งานเพื่อป้องกันการสะสมของฝุ่น
  4. ปิดหน้าต่างห้องรับประทานอาหารในช่วงเวลาที่มีมลพิษสูงสุด และใช้เครื่องฟอกอากาศเพื่อรักษาคุณภาพอากาศที่ดีในห้องทานข้าว

จัดบ้านให้ลดฝุ่นในห้องน้ำ

  1. เลือกวัสดุกันความชื้นสำหรับเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ในห้องน้ำ เพื่อป้องกันเชื้อราและโรคราน้ำค้าง ซึ่งอาจทำให้ปัญหาระบบทางเดินหายใจรุนแรงขึ้น
  2. ใช้ม่านอาบน้ำที่สามารถล้างหรือเปลี่ยนได้ง่ายเพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อราบนม่าน
  3. รักษาพื้นผิวห้องน้ำให้แห้งและสะอาดเพื่อป้องกันไรฝุ่นและเชื้อรา
  4. ติดตั้งพัดลมระบายอากาศเพื่อลดความชื้นและเพิ่มการไหลเวียนของอากาศ

ของชิ้นไหนต้องมี ทำยังไงให้ห้องไม่มีฝุ่น ?

บ้านฝุ่นเยอะ ทำไงดี ? นี่เลย รายการสิ่งของหรือผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นในการจัดบ้านเพื่อลดฝุ่นในบ้านสะสมมีดังนี้

1. เครื่องฟอกอากาศ HEPA

ช่วยกำจัดฝุ่น ละอองเกสร และอนุภาคในอากาศอื่นๆ ออกจากอากาศภายในอาคาร ส่งเสริมคุณภาพอากาศที่สะอาดและดีต่อสุขภาพยิ่งขึ้น ถ้าอยากรู้ว่าเครื่องฟอกอากาศยี่ห้อไหนดี ก็ไปอ่านที่นี่ได้เลย

2. ผ้าทำความสะอาดไมโครไฟเบอร์

เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการปัดฝุ่นพื้นผิวเนื่องจากดักจับและกักเก็บอนุภาคฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่กระจายไปทั่ว

3. เครื่องดูดฝุ่นพร้อมแผ่นกรอง HEPA

จำเป็นสำหรับการทำความสะอาดพื้น พรม เบาะ และพื้นผิวอื่นๆ เป็นประจำ เพื่อขจัดฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. ผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนกันไรฝุ่น

ปกป้องผ้าปูที่นอนจากไรฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ โดยเป็นเกราะกั้นระหว่างคุณกับสิ่งที่อาจระคายเคืองขณะนอนหลับ

5. ผ้าม่านแบบไหนดีไม่อมฝุ่น ?

เลือกม่านที่ทำความสะอาดง่าย ลดการสะสมของฝุ่นเมื่อเทียบกับผ้าม่านเนื้อหนา ม่านที่น่าจะดีต่อชาวภูมิแพ้และเป็นผ้าม่านแบบไหนดีไม่อมฝุ่นที่สุดน่าจะเป็น ม่านม้วนทึบแสง แบบเคลือบผิวมัน” เพราะนอกจากจะมีพื้นผิวให้ฝุ่นเกาะได้น้อยกว่าผ้าหรือมูลี่เป็นซี่ๆแล้ว ยังลื่นทำให้ฝุ่นเกาะยาก และทำความสะอาดง่ายที่สุดอีกด้วย

6. เฟอร์นิเจอร์พื้นผิวเรียบ

เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีพื้นผิวไม่สาก ไม่มีรูพรุน เช่น หนัง ไวนิล หรือไม้เรียบ เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นสะสมตามซอกมุม

7. พรมซักได้

เลือกพรมที่สามารถซักหรือซักได้ง่ายเพื่อป้องกันการสะสมของฝุ่น หยิบพรมไปซักบ่อยๆโดยเฉพาะในบริเวณที่มีมีการเดินผ่านไปผ่านมาบ่อย

8. ต้นไม้ฟอกอากาศ

พืชบางชนิด เช่น ต้นเฟิร์น ต้นยางอินเดีย หรือต้นลิ้นมังกร สามารถช่วยปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในอาคารได้โดยการดูดซับสารมลพิษ

9. ตู้แบบมีบานประตู

ใช้ตัวเลือกการจัดเก็บแบบปิด เช่น ตู้ที่มีบานปิด จะเป็นบานกระจกใสหรือบานทึบก็ได้ เพื่อลดการสะสมฝุ่นบนสิ่งของที่จัดเก็บ

10. ของในห้องน้ำที่กันความชื้น

เลือกใช้วัสดุ เช่น สแตนเลสหรืออะคริลิกสำหรับเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ติดตั้งในห้องน้ำ เพื่อป้องกันเชื้อราและแบคทีเรียเจริญเติบโต ซึ่งอาจทำให้ปัญหาฝุ่นรุนแรงขึ้นตามมา

11. ผ้าคลุมโซฟาแบบซักได้

ปกป้องเฟอร์นิเจอร์จากฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ด้วยผ้าคลุมที่ถอดออกได้และซักได้ซึ่งควรซักเป็นประจำ

12. ภาชนะจัดเก็บแบบปิดมิดชิด

จัดเก็บสิ่งของต่างๆ เช่น ผ้าปูที่นอน เสื้อผ้า และของตกแต่งตามฤดูกาลในภาชนะที่ปิดสนิทเพื่อป้องกันการสะสมของฝุ่นในขณะที่ไม่ได้ใช้งาน

13. อุปกรณ์ควบคุมความชื้น

รักษาระดับความชื้นที่เหมาะสมที่สุดในบ้านของคุณด้วยเครื่องลดความชื้นหรือเครื่องตรวจสอบความชื้น เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อราและลดจำนวนไรฝุ่น

14. ถังขยะแบบปิดสนิท

ใช้ถังขยะแบบมีฝาปิดเพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นและกลิ่นเล็ดลอดออกไป โดยเฉพาะในห้องครัว เลือกเป็นถังขยะอัจฉริยะก็จะสะดวกต่อการใช้งานมาก

15. ชั้นวางรองเท้าหรือตู้รองเท้าแบบปิด

ป้องกันไม่ให้สิ่งปนเปื้อนกลางแจ้ง เช่น ฝุ่น สิ่งสกปรก และละอองเกสรดอกไม้เข้ามาในบ้าน โดยจัดพื้นที่จัดเก็บรองเท้าใกล้ทางเข้าโดยเฉพาะ ไม่ใส่รองเท้าเข้าไปถอดในบริเวณบ้านที่อาศัยอยู่บ่อยๆไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่นหรือตู้เก็บเสื้อผ้าในห้องนอน


ฝุ่นในบ้าน มลพิษตัวจิ๋วที่จ้องทำร้าย และคุณป้องกันได้

ด้วยการนำกลยุทธ์การออกแบบเหล่านี้ไปใช้ และนำไอเท็มเหล่านี้ไปลดฝุ่นในบ้าน คุณจะสามารถสร้างสภาพแวดล้อมภายในบ้านที่ลดการสะสมของฝุ่นได้มากขึ้น ช่วยบรรเทาอาการแพ้ฝุ่นในห้องสำหรับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้และผู้ที่ไวต่อมลภาวะในอากาศ ด้วยความใส่ใจในรายละเอียดอย่างเหมาะสม บ้านของคุณจะกลายเป็นสถานที่ปลอดภัยจากมลภาวะ PM 2.5 สุขภาพดีขึ้นและห่างไกลจากโรคมะเร็งปอดมากขึ้นแน่นอน!

Cr. The best dust-resistant blinds – FactoryDirectBlinds

Shopee TH

Share
Published by
Shopee TH

Recent Posts

แนะนำ 15 รองเท้า Mary Jane ยี่ห้อไหนดี พร้อมเทคนิคเลือก

รองเท้า Mary Jane เป็นหนึ่งในสไตล์รองเท้าตามฉบับผู้ดีอังกฤษ ด้วยสายคาดที่เป็นเอกลักษณ์ รูปทรงคล้ายรองเท้านักเรียนผู้หญิง สวมสะดวก ใส่สบาย ลงตัวเป็นคัทชูที่โดดเด่น เต็มไปด้วยเสน่ห์ จนกลายเป็นรองเท้าแฟชั่นที่อยู่เหนือกาลเวลา ไม่ว่าผ่านเวลาไปนานสักแค่ไหน ‘รองเท้า Mary Jane’…

7 days ago

เคล็ดลับ วิธีทากันแดดที่ถูกต้องเพื่อการปกป้องผิวที่แท้จริงและสูงสุด

ครีมกันแดดคือเครื่องมือปกป้องผิวของคุณจากอันตรายจากรังสียูวีได้ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม คุณคิดว่าที่ทาอยู่คือทาถูกหรือยัง? ที่ทาครีมกันแดดอยู่เพียงพอหรือไม่? รู้หรือไม่ว่าผลการวิจัยบอกว่าคนส่วนใหญ่ทาครีมกันแดดไม่พอ? การทาครีมกันแดดอย่างถูกต้องเป็นกุญแจสำคัญสู่ประสิทธิภาพการปกป้องผิวที่แท้จริงจากแสงแดด ในบทความนี้ เราจะแชร์เคล็ดลับวิธีทากันแดดที่ถูกต้องแบบครอบคลุมทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้ เช่น เวลาที่ควรทากันแดด ปริมาณครีมกันแดด ทาครีมกันแดดก่อนหรือหลังครีมบํารุง หรือ ควรทากันแดดทุกกี่ชั่วโมง เพื่อให้ได้การทาครีมกันแดดที่ถูกต้องและเหมาะสม…

1 week ago

รวมลิสต์เบอร์ฉุกเฉิน ควรเซฟติดมือถือให้อุ่นใจทุกสถานการณ์

ใครที่มีแผนกำลังเดินทางไปต่างจังหวัด หรือใช้ชีวิตประจำวันบนท้องถนน อยากจะแนะนำให้เซฟเบอร์โทรฉุกเฉินต่างๆ ไว้ติดมือถือเพราะสถานการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ การเตรียมตัวรับมือไว้ก่อนจะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ต่าง ๆ จากหนักกลายเป็นเบาได้ หากได้รับการช่วยเหลือที่รวดเร็วทำให้มีความปลอดภัยทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินมากขึ้นซึ่งวันนี้ช้อปปี้ได้รวบรวมลิสต์เบอร์มือถือสำคัญ ๆ ไว้ให้ชาวแอพส้มของเราได้เซฟเก็บไว้อุ่นใจทุกการเดินทางซึ่งจะมีเบอร์ฉุกเฉินไหนบ้าง ไปเริ่มกันเลย!  Cr: freepik ทำไมถึงควรมีเบอร์ฉุกเฉินติดมือถือ  เบอร์ฉุกเฉิน…

1 week ago

ทําความสะอาดเบาะรถยนต์ด้วยตัวเอง ทำอย่างไร ทำตามได้เลยไม่ยาก

การดูแลเบาะรถยนต์ถือเป็นสิ่งสำคัญในการรักษารูปลักษณ์และยืดอายุการใช้งานของรถ เบาะรถยนต์มีหลายประเภท แต่ละประเภทต้องมีวิธีการดูแลรักษาที่แตกต่างกัน คำแนะนำในการทําความสะอาดเบาะรถยนต์และดูแลรถของคุณให้สะอาดและน่านั่งตามวัสดุ และ ตามคราบที่เกิดขึ้น มีดังนี้ เปิดวิธีทําความสะอาดเบาะรถยนต์ เบาะแบบต่างๆ Cr. Unsplash ### 1. วิธีทําความสะอาดเบาะผ้า รถยนต์…

1 week ago

เปิดแหล่งและวิธีทำ QR Code ร้านค้า ฟรี ทำที่ไหนอย่างไร

ทุกวันนี้ทุกคนคงเคยเห็น QR Code มาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง QR Code ร้านค้าที่เราเห็นและแสกนจ่ายกันอยู่ทุกวัน แต่ความจริงแล้ว QR Code มาจากไหน มีประวัติอย่างไร ทำงานยังไง และถ้าเราเป็นร้านค้า…

1 week ago

รวมฤกษ์บวช 2567 สำหรับเตรียมตัวบวชเพื่อพ่อแม่ และตนเอง

Credit : Freepik การบวชนั้น ถือเป็นธรรมเนียมและข้อปฏิบัติอย่างหนึ่งของพุทธศาสนิกชนในประเทศไทย ที่มีความเชื่อกันว่า ครั้งหนึ่งลูกผู้ชายควรที่จะบวชเพื่อทดแทนบุญคุณของบุพการีที่เลี้ยงดูเรามาตั้งแต่เด็ก จึงกลายมาเป็นธรรมเนียมที่ผู้ชายนั้นจะบวชในช่วงอายุ 20-25 ปีเพื่อทดแทนบุญคุณให้กับพ่อแม่หรือผู้ปกครองนั่นเอง โดยการบวชนั้น ก็มีการยกเอาเรื่องของฤกษ์ยามมาเป็นสิ่งสำคัญด้วยเช่นกัน ดังนั้น ในบทความนี้ Shopee…

1 week ago