อย่างที่เราทุกคนรู้กันดีว่า คนไทยทุกคนมีหน้าที่ในการที่จะต้องจ่ายภาษี และต้องทำการยื่นภาษีประจำปี เพื่อแสดงรายได้และทำการจ่ายภาษีให้องค์กรส่วนกลางนำภาษีไปพัฒนาประเทศ ซึ่งเมื่อถึงช่วงเวลาต้นปีก็จะต้องมาคํานวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดากัน วันนี้เราจะมาอัปเดตข้อมูลวิธีคิดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2567 แบบที่เข้าใจง่าย มือใหม่ไม่งง พร้อมตอบคำถามที่ว่ารายได้เท่าไหร่เสียภาษี พร้อมแนะนำโปรแกรมคํานวณภาษีแบบง่าย ๆ กัน
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
Credit : freepik.com
ก่อนจะไปรู้ถึงอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2567 และโปรแกรมคํานวณภาษีนั้น เราต้องรู้ก่อนว่ารายได้เท่าไหร่เสียภาษี และใครบ้างที่ต้องคํานวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับคนที่ต้องเสียภาษีนั้น คือผู้ที่มีรายได้ต่อปีภาษีถึงเกณฑ์ที่กำหนด จำเป็นต้องยื่นแบบภาษี ไม่ว่าผลสุดท้ายเมื่อคํานวณภาษีออกมาแล้วจะต้องเสียภาษีหรือไม่ก็ตาม ซึ่งการยื่นแบบแสดงรายการภาษีนั้น จะแบ่งเป็นคนโสดและคนที่สมรสแล้ว ดังนี้
ประเภทเงินได้ (บาท ต่อปี) | โสด | สมรส |
เงินเดือนเพียงอย่างเดียว | 120,000 | 220,000 |
เงินได้ประเภทอื่น | 60,000 | 120,000 |
หลังจากที่เรารู้แล้วว่ารายได้เท่าไหร่เสียภาษี ก็มารู้กันต่อเลยว่าแล้วเงินได้ที่ต้องเสียภาษีนั้นมีอะไรบ้าง สำหรับเงินได้ที่ต้องเสียภาษีนั้น คือเงินได้หรือรายได้ที่เราได้รับจากการทำงาน ไม่ว่าจะเป็น เงินเดือน ค่าจ้าง เบี้ยเลี้ยง เบี้ยหวัด โบนัส รวมถึงบำเหน็จ และบำนาญ
อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2567 จะเป็นเท่าไหร่บ้างนั้น เราควรรู้ถึงสิ่งที่นำมาคํานวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดากันก่อน แล้วถึงจะนำไปคิดภาษีจากโปรแกรมคํานวณภาษี ดังนี้
เงินได้ หรือเงินได้พึงประเมิน หมายถึงรายได้หรือเงินที่ผู้มีหน้าที่ยื่นภาษีได้รับมาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 31 ธันวาคมของปีภาษีนั้น ๆ ซึ่งนับรายได้จากงานประจำและรายได้เสริมอื่น ๆ ซึ่งรายได้เท่าไหร่เสียภาษีก็อย่างที่เราได้แจงไปข้างต้นแล้ว
ค่าใช้จ่ายเป็นส่วนหนึ่งในการนำมาคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และเป็นสิทธิประโยชน์ที่ผู้ยื่นภาษีจะได้รับ เพื่อนำไปหักลบจากเงินได้ ซึ่งรวมถึงต้นทุนในการทำธุรกิจด้วย และหากรับเป็นเงินเดือน (เงินได้ประเภทที่ 1) และโบนัส (เงินได้ประเภทที่ 2) สามารถนำสองก้อนมารวมกันและหักค่าใช่จ่ายแบบเหมา 50% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด โดยอัตราสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
สำหรับการคิดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2567 นั้น จะต้องมีค่าลดหย่อนภาษี ซึ่งสิทธิขอลดหย่อนภาษีนั้น มีทั้งค่าลดหย่อนพื้นฐาน ค่าลดหย่อนครอบครัว รวมถึงการลงทุน กองทุน หรือประกันด้วย ซึ่งจะสามารถนำไปคำนวณผ่านโปรแกรมคํานวณภาษีได้เลย
เงินได้สุทธิ คือเงินได้พึงประเมินที่ได้ทำการหักค่าใช้จ่าย และค่าลดหย่อนภาษีแล้ว เพื่อเป็นฐานภาษีที่จะต้องนำไปคํานวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาโดยการคูณอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2567 เพื่อหาเงินภาษีที่ต้องชำระในแต่ละปีนั่นเอง
Credit : freepik.com
สำหรับบุคคลธรรมดา นอกจากได้รู้แล้วว่ารายได้เท่าไหร่เสียภาษี ยังสามารถขอลดหย่อนภาษีได้ตามรายการ ดังนี้
*กองทุนทั้งหมด ยกเว้นกองทุน ThaiESG รวมกันแล้วจะลดหย่อนได้ไม่เกิน 500,000 บาท
การคํานวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจะคิดอัตราภาษีก้าวหน้าแบบขั้นบันได หรือแบบเหมาจ่ายในกรณีที่มีรายได้ทางอื่นนอกเหนือจากเงินได้ประเภทที่ 1 หรือเงินเดือน เมื่อเรารู้รายได้สุทธิแล้วให้นำรายได้สุทธิมาเทียบกับอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2567 แบบขั้นบันได โดยนำรายได้สุทธิ x อัตราภาษีแต่ละขั้น ก็จะรู้ว่าเราต้องจ่ายภาษีเท่าไหร่ ซึ่งอัตราภาษีจะเพิ่มขึ้นตามเงินได้สุทธิที่มากขึ้น และอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2567 มีดังนี้
ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อนภาษี = เงินได้สุทธิเงินได้สุทธิ x อัตราภาษี = เงินภาษีที่ต้องชำระ
หลังจากที่รู้อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2567 แล้วว่ารายได้เท่าไหร่ คิดภาษีที่อัตราเท่าไหร่แล้วนั้น มาดูกันว่าเราจะสามารถคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้อย่างไร
รายได้ก็คือเงินได้ตลอดทั้งปีที่ได้รับ ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน ค่าจ้าง โบนัส หรือรายได้จากงานอิสระ ให้นำมาบวกกันทั้งหมด ก็จะได้จำนวนรายได้ตลอดทั้งปี ตัวอย่างเช่น
เงินเดือนทั้งปี + รายได้อิสระทั้งปี + โบนัส = รายได้ต่อปี
(30,000 x 12) + 50,000 + 45,000 = 455,000 บาท
จากนั้นนำมาคำนวณภาษีขั้นที่ 1 ด้วยการหักค่าใช้จ่ายแบบเหมา 50% ของเงินได้พึงประเมินแต่ไม่เกิน 100,000 บาท
รายได้รวมต่อปี x 50% = รายได้หลังหักค่าใช้จ่าย
455,000 x 50% = 227,500 บาท
แต่ข้อจำกัดในการหักค่าใช้จ่ายจะต้องไม่เกิน 100,000 บาทตามกำหนด ทำให้สามารถหักค่าใช้จ่ายได้เพียง 100,000 บาทเท่านั้น คือ 455,000 – 100,000 = 355,000 บาท
ดังนั้น รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจริงก็จะเท่ากับ 355,000 บาท
สำหรับรายได้สุทธิจะนำมาคำนวณฐานภาษีว่าต้องจ่ายเท่าไหร่ และต้องจ่ายภาษีในอัตรากี่เปอร์เซ็นต์ โดยคิดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2567 เป็นขั้นบันได ยิ่งมีรายได้สุทธิมาก ก็ต้องเสียภาษีในอัตราที่สูงขึ้น โดยสามารถคำนวณรายได้สุทธิได้จากสูตรโปรแกรมคํานวณภาษี ดังนี้
เงินได้ – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน = รายได้สุทธิ
เมื่อเราได้รายได้สุทธิมาแล้ว ก็จะมาถึงขั้นตอนการคำนวณอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2567 ดังนี้
รายได้สุทธิ x อัตราภาษีแบบขั้นบันได = จำนวนภาษีที่ต้องจ่าย
Credit : freepik.com
เมื่อเราคำนวณหารายได้สุทธิ และค่าลดหย่อนต่าง ๆ ของเราได้แล้ว หากไม่มั่นใจการคำนวณหาอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2567 ของตนเอง ก็สามารถนำข้อมูลที่ได้ไปใส่ในโปรแกรมคํานวณภาษี เพื่อคํานวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาออกมา ก็จะได้รู้ว่าเราต้องเสียภาษีเท่าไหร่ ซึ่งโปรแกรมคํานวณภาษี มีดังนี้
เรื่องภาษีเป็นเรื่องใกล้ตัวและไม่ยากอย่างที่คิด หากใครเป็นมือใหม่เพิ่งยื่นภาษีปีแรก และยังไม่รู้ว่ารายได้เท่าไหร่เสียภาษี ต้องคํานวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดายังไง และอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2567 เท่าไหร่นั้น สามารถอ่านจากบทความนี้ได้เลย และอย่าลืมว่าระยะเวลาในการยื่นภาษีนั้น สามารถยื่นได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 มีนาคม 2568 และหากยื่นแบบออนไลน์จะยื่นได้ถึงวันที่ 8 เมษายน 2568 หากคุณเป็นบุคคลที่มีรายได้และต้องทำการเสียภาษี ก็อย่าลืมว่าต้นปีมีนัดส่งแบบภาษี ซึ่งตอนนี้ก็ยังมีเวลาในการรวบรวมเอกสาร ข้อมูล และคํานวณภาษีรอล่วงหน้า เพื่อที่เมื่อถึงเวลายื่นจริง ๆ แล้วนั้น จะได้ไม่ทำผิดพลาดนั่นเอง และหากต้องการบริจาคเงินเพื่อนำมาลดหย่อนภาษี สามารถอ่านบทความรวมมูลนิธิบริจาคเงิน ลดหย่อนภาษี จาก Shopee Blog ของเราได้เลย
ใครที่ใช้รถเป็นประจำไม่ว่าจะขับไปทำงาน ไปส่งเด็ก ๆ ที่โรงเรียน ขับไปช้อปปิ้งซื้อของต่าง ๆ หรือจะขับไปท่องเที่ยวช่วงวันหยุด แล้ววันดีคืนดีรถคันโปรดดันงอแง สตาร์ทไม่ติด แต่ไม่รู้จะแก้ยังไง วันนี้จะพาไปหาสาเหตุ พร้อมวิธีการแก้ไขเบื้องต้นและทริคการดูแลรักษารถยนต์เพื่อให้คุณใช้รถต่อได้อย่างยาวนาน เข้าใจรถของคุณมากขึ้นและสามารถรับมือได้หากเกิดเหตุการณ์ซ้ำเดิมอีกครั้ง Cr: freepik …
เคยรู้สึกไหมว่าทำไมรถรกจังเลย! ข้าวของในรถก็มีมากมายทำให้วางอะไรก็ไม่เป็นระเบียบ เวลาจะหาของอะไรแต่ละอย่างก็ไม่ค่อยจะเจอ เวลาซื้อของมากินก็ไม่มีที่วาง ทำให้กินไม่ถนัดหกเลอะเทอะไปหมด ต้องบอกเลยว่าหลายคนใช้เวลาอยู่บนรถเป็นเวลานานจนรถยนต์แทบจะเป็นบ้านหลังที่สองเลย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่โยนสัมภาระข้าวของเพื่ออำนวยความสะดวกมากมายมาไว้ที่รถยนต์ จนทำให้รถดูรกไปหมดเลย วันนี้ Shopee จึงอยากจะมาแนะนำ 8 สุดยอดไอเทม จัดของในรถที่ช่วยให้จัดระเบียบสัมภาระภายในรถยนต์ให้หยิบใช้ง่ายและประหยัดพื้นที่ใช้สอยในรถยนต์ ไม่รอช้าตามเราไปดูกันเลย…
ปัญหามลพิษทางอากาศ อีกหนึ่งปัญหาที่หลายคนจะต้องพบเจอเป็นประจำทุกวันและเป็นปัญหาที่หลีกเลี่ยงได้ยาก ไม่ว่าจะฝุ่น PM 2.5 ควันรถ ควันพิษ หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ เมื่อสูดดมเข้าสู่ร่างกายทุกวันก็อาจจะส่งผลต่อสุขภาพได้ โดยเฉพาะใครที่ต้องอยู่บนรถยนต์นานวันละหลายชั่วโมง หากภายในรถยนต์สกปรกหรือว่ามีอากาศไม่สะอาดบริสุทธ์ย่อมจะส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ในระยะยาวและยังทำให้ความสุขในการขับขี่ลดลงด้วย ดังนั้นจึงควรมีเครื่องฟอกอากาศในรถ ช่วยกรองอากาศ ดักจับฝุ่น…
เมื่อพูดถึงอุปกรณ์ฉุกเฉินที่รถยนต์ทุกคันควรจะต้องมี หลายคนอาจนึกถึงอุปกรณ์ กล้องติดรถยนต์ ยางอะไหล่สำรอง ปั๊มลมพกพา สายพ่วงแบตเตอรี่ ไฟฉาย และอุปกรณ์อื่น ๆ แต่อีกอุปกรณ์หนึ่งที่สำคัญและควรต้องมีติดรถยนต์ไว้เลยอีกอย่างนั่นก็คือ ค้อนทุบกระจก เป็นอุปกรณ์ฉุกเฉินติดรถยนต์ที่ไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน เช่น เมื่อรถประตูรถล็อกไม่สามารถเปิดออกได้ หรือรถยนต์เกิดอุบัติเหตุจมน้ำ…
พรมปูพื้นรถยนต์ อีกหนึ่งอุปกรณ์จำเป็นรถยนต์ทุกคันควรต้องมี! เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มความสวยงามและความหรูหราให้กับรถยนต์แล้ว ก็สามารถช่วยดักจับฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกที่ติดมากับรองเท้า เพื่อช่วยให้การขับขี่รถยนต์เป็นไปอย่างปลอดมากยิ่งขึ้น รวมถึงป้องกันการลื่นเวลาก้าวเท้าเข้าสู่ตัวรถยนต์ หากไม่มีผ้ายางรองพื้นรถยนต์หรือพรมรถยนต์ก็จะทำให้ในรถมีฝุ่นและสิ่งสกปรกต่าง ๆ นอกจากนี้ยังช่วยถนอมพื้นรถด้านในให้ดูสะอาดอีกด้วย ซึ่งปัจจุบันพรมปูพื้นรถยนต์มีด้วยกันหลากหลายรูปแบบ ทำให้ผู้ใช้งานรถยนต์มีตัวเลือกมากขึ้น และบทความนี้ Shopee อยากมาจะบอกถึงความสำคัญและประโยชน์ของพรมรถยนต์ วิธีการเลือก…
ใครบอกว่าไปสวนสัตว์ต้องแต่งตัวธรรมดา เตรียมตะลุยสวนสัตว์กับ 7 ลุคสุดปังที่จะทำให้คุณกลายเป็นแฟชั่นนิสต้าตัวแม่! พร้อมบอกเคล็ดลับการแต่งตัวไปสวนสัตว์ให้เหมาะกับกิจกรรมต่าง ๆ ในสวนสัตว์ เพื่อการเคลื่อนไหวได้คล่องตัวในทุกโซน พร้อมสนุกไปกับการผจญภัยในโลกของสัตว์แบบไม่มีอะไรมาขวางกั้น! คู่มือแต่งตัวไปสวนสัตว์อย่างไรให้คล่องตัว 1. หลีกเลี่ยงสีสันฉูดฉาด: เช่น สีแดง เนื่องจากสีที่สดใสฉูดฉาดอาจดึงดูดความสนใจของสัตว์…