เคยไหมเวลานั่งดูอนิเมะกีฬาอย่าง ไฮคิว!! แล้วรู้สึกตื่นเต้นกับจังหวะ “รับ – เซต – ตบ” ของทีมวอลเลย์บอล ที่เคลื่อนที่กันอย่างเป็นระบบ จนอยากลองเล่นหรืออย่างน้อยก็อยากดูให้เข้าใจมากขึ้น วอลเลย์บอลไม่ใช่แค่เกมตีลูกข้ามเน็ตเท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยเทคนิค กติกา และตำแหน่งผู้เล่นที่ซับซ้อนกว่าที่คิด บทความนี้จะพาเพื่อน ๆ ไปรู้จัก กติกาวอลเลย์บอล ตั้งแต่ประวัติ จุดเริ่มต้น วิธีการเล่น ตําแหน่งวอลเลย์บอล แต่ละตำแหน่ง ไปจนถึง กฎกติกาวอลเลย์บอล ที่ควรรู้ เพื่อให้ทั้ง “เล่น” และ “ดู” กีฬาโปรดชนิดนี้ได้สนุกยิ่งกว่าเดิม
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
วอลเลย์บอลถูกคิดค้นโดย วิลเลียม จี. มอร์แกน (William G. Morgan) ครูฝึกของสมาคม YMCA ในรัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา เขาต้องการสร้างกีฬาที่ผสมผสานระหว่างความเคลื่อนไหวของบาสเกตบอล ความสง่างามของเทนนิส และความยืดหยุ่นของแฮนด์บอล แต่ไม่ต้องใช้แรงปะทะสูง จึงเกิดแนวคิดให้ “ตีลูกบอลข้ามตาข่าย” แทนการปะทะกันโดยตรง เดิมทีใช้ลูกบาสเกตบอลหุ้มหนัง แต่ภายหลังได้ออกแบบลูกเฉพาะสำหรับกีฬานี้โดยบริษัท Spalding ในปี 1900 ซึ่งกลายเป็นต้นแบบของลูกวอลเลย์บอลในปัจจุบัน
กีฬานี้เริ่มได้รับความนิยมใน YMCA ทั่วสหรัฐฯ ก่อนจะแพร่หลายไปยังประเทศอื่นผ่านทหารอเมริกันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ต่อมาในปี 1947 ได้มีการก่อตั้งองค์กร FIVB (Fédération Internationale de Volleyball) เพื่อกำหนดมาตรฐานสากลทั้งในด้านกติกา สนาม และการแข่งขันอย่างเป็นทางการ
จากนั้นในปี 1964 วอลเลย์บอลได้ถูกบรรจุในโอลิมปิกเป็นครั้งแรกที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้กีฬานี้กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และต่อมาในปี 1996 ยังมีการเพิ่มประเภท “วอลเลย์บอลชายหาด” เข้าสู่การแข่งขันโอลิมปิกอีกด้วย
ปัจจุบันวอลเลย์บอลถือเป็นหนึ่งในกีฬาที่มีผู้เล่นและแฟนคลับมากที่สุดในโลก ทั้งในระดับสมัครเล่น โรงเรียน มหาวิทยาลัย ไปจนถึงลีกอาชีพทั่วทุกทวีป
ก่อนที่เพื่อน ๆ จะลงสนามจริง สิ่งสำคัญที่สุดคือการเข้าใจ “กติกาการเล่นวอลเลย์บอลพื้นฐาน” เพราะนี่คือหัวใจของเกมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการเสิร์ฟ การรับลูก หรือแม้แต่การยืนตำแหน่ง ทุกอย่างล้วนมีกฎระเบียบที่ชัดเจน ซึ่งถูกกำหนดโดยสมาพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ (FIVB) เพื่อให้การแข่งขันเป็นธรรมและสนุกเท่าเทียมกันทั้งสองฝ่าย นอกจากจะรู้วิธีเล่นแล้ว การเข้าใจเรื่อง ขนาดสนามวอลเลย์บอล และ ลูกวอลเลย์บอล ที่ใช้ในการแข่งขันก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะทั้งสองอย่างนี้ส่งผลต่อการควบคุมลูกและจังหวะเกมโดยตรง หากเพื่อน ๆ เข้าใจพื้นฐานเหล่านี้ได้ จะสามารถดูและเล่นวอลเลย์บอลได้อย่างเข้าใจเหมือนนักกีฬาอาชีพเลยทีเดียว
โดยภาพรวมแล้ว กติกาพื้นฐานของวอลเลย์บอลมีดังนี้:
การเข้าใจเรื่องสนามและอุปกรณ์ รวมถึงกฎการเล่นพื้นฐานเหล่านี้ จะช่วยให้เพื่อน ๆ มองเห็นภาพรวมของเกมวอลเลย์บอลได้ชัดเจนขึ้น ก่อนจะไปต่อในรายละเอียดของ “วิธีนับคะแนน” และ “บทบาทของผู้เล่นในสนาม” ที่เราจะพูดถึงต่อไป
ก่อนจะเริ่มแข่งขันหรือแม้แต่ดูเกมให้เข้าใจ หนึ่งในสิ่งที่เพื่อน ๆ ควรรู้คือ “วิธีนับคะแนนในวอลเลย์บอล” เพราะนี่คือหัวใจสำคัญของทุกแมตช์ หลายคนอาจเคยสงสัยว่าทำไมบางทีมไม่ได้เสิร์ฟแต่กลับได้คะแนน หรือทำไมบางแมตช์เล่นยาวกว่าปกติ ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้ระบบคะแนนที่เรียกว่า “Rally Point System” ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ใช้ทั่วโลกในปัจจุบัน ระบบนี้ทำให้เกมเร็วขึ้น สนุกขึ้น และลุ้นได้ทุกแต้ม แม้แต่จังหวะเล็ก ๆ ก็สามารถเปลี่ยนผลการแข่งขันได้ทันที
โดยสรุปหลักของการนับคะแนนใน กติกาวอลเลย์บอล มีดังนี้:
ระบบนับคะแนนแบบนี้ทำให้ทุกแต้มในเกมมีความหมาย และเปิดโอกาสให้ทีมที่เป็นรองสามารถพลิกกลับมาชนะได้ตลอดเวลา
ก่อนที่เพื่อน ๆ จะเริ่มเล่นวอลเลย์บอลจริง สิ่งสำคัญที่ควรรู้คือ “จำนวนผู้เล่นในแต่ละทีม” และลำดับการหมุนเวียนตำแหน่ง เพราะวอลเลย์บอลเป็นกีฬาที่ต้องอาศัยทั้งทีมเวิร์กและความเข้าใจในตำแหน่งของตนเอง ไม่ใช่เพียงแค่ตีลูกให้ข้ามเน็ตเท่านั้น แต่ทุกตำแหน่งมีหน้าที่เฉพาะและมีผลโดยตรงต่อจังหวะเกม การรู้ว่ามีผู้เล่นกี่คน อยู่ตรงไหน และต้องขยับเมื่อใด จะช่วยให้การเล่นของทีมเป็นระบบและลดข้อผิดพลาดได้มาก
โดยกติกามาตรฐานของ กติกาวอลเลย์บอลในร่ม (Indoor Volleyball) มีรายละเอียดดังนี้:
การเข้าใจระบบผู้เล่นและตำแหน่งเหล่านี้ จะช่วยให้เพื่อน ๆ มองเห็นว่าเหตุใดการสื่อสารในทีมวอลเลย์บอลถึงสำคัญมาก และทำไมทุกคนถึงต้องเคลื่อนที่พร้อมกันอย่างมีแบบแผนในทุกจังหวะของเกม
ก่อนที่เพื่อน ๆ จะเริ่มฝึกเล่นหรือชมการแข่งขันวอลเลย์บอลอย่างเข้าใจ สิ่งสำคัญที่ควรรู้คือ “ทักษะหลักของเกม” ซึ่งเป็นพื้นฐานของการเล่นทั้งหมด ไม่ว่าทีมจะเก่งแค่ไหน หากขาดทักษะเหล่านี้ก็ยากที่จะรักษาเกมหรือทำแต้มได้ วอลเลย์บอลเป็นกีฬาที่ต้องใช้ทั้งพลัง ความแม่นยำ และการประสานงานระหว่างผู้เล่นในทุกจังหวะ โดยเฉพาะ 3 ทักษะสำคัญ ได้แก่ การเสิร์ฟ (Serve), การรับลูก (Receive/Dig/Pass) และ การบล็อกหรือการตบ (Block/Spike) ที่ทำให้เกมสมบูรณ์แบบทั้งรุกและรับ การเข้าใจรายละเอียดของแต่ละทักษะจะช่วยให้เพื่อน ๆ เล่นได้ถูกต้องและมองเห็นความงามของเกมมากขึ้น
โดยใน กฎกติกาการเล่นวอลเลย์บอล ทักษะทั้งสามมีรายละเอียดดังนี้:
เป็นจังหวะเริ่มเกมทุกครั้ง และถือว่าเป็นการเปิดโอกาสทำแต้มก่อนฝ่ายตรงข้าม ผู้เล่นที่ได้สิทธิ์เสิร์ฟจะยืนหลังเส้นหลังสนาม โยนหรือตีลูกด้วยมือข้ามเน็ตไปยังฝั่งคู่แข่ง เป้าหมายคือให้ลูกพุ่งแรงหรือหมุนจนอีกฝ่ายรับยาก ถ้าเสิร์ฟแล้วลูกตกในสนามโดยตรงโดยที่คู่แข่งรับไม่ได้ จะเรียกว่า “เอซ (Ace)” ซึ่งได้คะแนนทันที นอกจากนี้ยังมีหลายรูปแบบ เช่น เสิร์ฟลอย (Float Serve) และเสิร์ฟกระโดด (Jump Serve) ซึ่งต้องอาศัยแรงและความแม่นยำสูง
เป็นทักษะสำคัญในเกมรับ ที่ช่วยให้ทีมยังคงควบคุมบอลและเปลี่ยนจากรับเป็นรุกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้เล่นต้องใช้แขนทั้งสองข้างรับแรงปะทะของลูกที่มาด้วยความเร็ว แล้วส่งต่อให้เซตเตอร์เพื่อเริ่มเกมรุก ท่ารับที่ถูกต้องต้องรักษาท่าทางต่ำ มีสมดุล และมองลูกตลอดเวลา หากทีมมีผู้เล่นที่รับลูกดี เกมรุกจะไหลลื่นขึ้นทันที
เป็นจังหวะที่ตื่นเต้นที่สุดในเกมและมักเป็นตัวชี้ขาดคะแนน การบล็อกคือการกระโดดขึ้นหน้าเน็ตเพื่อป้องกันการตบของคู่แข่ง โดยพยายามให้ลูกเด้งกลับไปฝั่งตรงข้าม ส่วนการตบคือการโจมตีโดยใช้มือกระแทกลูกลงในสนามฝ่ายตรงข้ามอย่างรุนแรงและแม่นยำ การจะทำได้ดีต้องอาศัยการกระโดดสูง จังหวะที่ถูกต้อง และการประสานงานกับเซตเตอร์
เมื่อเพื่อน ๆ เข้าใจพื้นฐานของการเสิร์ฟ รับลูก และบล็อก/ตบแล้ว จะมองเห็นเกมได้ลึกขึ้นกว่าเดิม รู้ว่าทำไมจังหวะหนึ่งถึงได้คะแนน หรือเหตุใดจังหวะหนึ่งถึงพลาด ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการ “อ่านเกมวอลเลย์บอล” อย่างแท้จริง
ก่อนจะไปทำความรู้จักแต่ละตำแหน่งอย่างละเอียด เพื่อน ๆ ควรรู้ก่อนว่า “ตำแหน่งผู้เล่นในสนามวอลเลย์บอล” ไม่ได้ถูกจัดแบบสุ่ม แต่เป็นระบบที่ออกแบบมาเพื่อให้การเล่นมีประสิทธิภาพสูงสุด แต่ละตำแหน่งมีบทบาทเฉพาะที่ส่งผลโดยตรงต่อการรุก รับ และจังหวะของเกม ทั้งสามตำแหน่งหลักที่สำคัญที่สุดในทีมคือ ตัวเซต (Setter), ตัวตบ (Spiker) และ ลิเบอโร่ (Libero) ซึ่งทำหน้าที่ต่างกันแต่ต้องประสานกันอย่างลงตัว เพื่อให้ทีมสามารถหมุนเวียนเกมได้อย่างลื่นไหล การเข้าใจตำแหน่งเหล่านี้จะช่วยให้เพื่อน ๆ ดูเกมสนุกขึ้น และเล่นได้อย่างเข้าใจโครงสร้างของทีมมากขึ้น
ตำแหน่ง เซตเตอร์ (Setter) คือผู้ควบคุมจังหวะเกม เปรียบเสมือน “มันสมองของทีม” ที่คอยจัดลูกให้ผู้เล่นคนอื่นทำแต้ม โดยมักจะอยู่ใกล้เน็ตและเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วตลอดเกม
หน้าที่หลัก:
เพิ่มเติม: เซตเตอร์มักเป็นผู้เล่นที่มีความเป็นผู้นำ เพราะทุกการโจมตีเริ่มจากการตัดสินใจของพวกเขา
ตัวอย่างนักกีฬาทีมชาติไทยที่เป็นตำแหน่งนี้ : นุศรา ต้อมคำ, นัทธณิชา ใจแสน, พรพรรณ เกิดปราชญ์
ตำแหน่ง ตัวตบ หรือที่เรียกอีกอย่างว่า ฮิตเตอร์ (Hitter) คือผู้เล่นที่มีหน้าที่โจมตีเพื่อทำคะแนนโดยตรงจากการตบลูกบอลลงฝั่งคู่แข่ง พลังและความแม่นยำคือหัวใจของตำแหน่งนี้
หน้าที่หลัก:
เพิ่มเติม: ตัวตบที่ดีจะไม่พึ่งพาแค่พลัง แต่ยังต้องอ่านเกมได้รวดเร็ว และรู้วิธีใช้ลูกหลอกหรือเปลี่ยนจังหวะเพื่อหลอกคู่แข่ง
ตัวอย่างนักกีฬาทีมชาติไทยที่เป็นตำแหน่งนี้ : ชัชชุอร โมกศรี, อัจฉราพร คงยศ,พิมพิชยา ก๊กรัมย์, วิภาวี ศรีทอง
ตำแหน่ง ลิเบอโร่ (Libero) เป็นผู้เล่นพิเศษที่สวมเสื้อคนละสีกับเพื่อนร่วมทีม เพื่อให้ผู้ตัดสินสังเกตได้ง่าย ลิเบอโร่จะเล่นเฉพาะแนวหลังเท่านั้น และมีหน้าที่หลักในการป้องกันและควบคุมเกมรับของทีม
ข้อควรรู้:
เพิ่มเติม: แม้จะไม่ได้มีบทบาทในการทำคะแนนโดยตรง แต่ลิเบอโร่ถือเป็น “ผู้กู้ชีวิตของทีม” เพราะสามารถพลิกสถานการณ์จากการป้องกันที่ยอดเยี่ยมให้กลายเป็นเกมรุกได้ภายในพริบตา
ตัวอย่างนักกีฬาทีมชาติไทยที่เป็นตำแหน่งนี้ : ปิยะนุช แป้นน้อย, สุพัตรา ไพโรจน์, ทอง บุญเกื้อ
เมื่อเข้าใจภาพรวมเกมและตำแหน่งผู้เล่นแล้ว ต่อไปคือ “กฎกติกาที่ควรรู้” ซึ่งเป็นพื้นฐานของ กติกาการเล่นวอลเลย์บอล โดยไม่ได้พูดถึงแค่การเล่นพื้นฐานเท่านั้น แต่รวมถึง การฟาวล์ การเปลี่ยนตัว และกฎเฉพาะของการแข่งขัน
ในสนามแข่งขันจริง นอกจากต้องรู้ กติกาการเล่นพื้นฐานแล้ว ยังมี “กฎเฉพาะ” ที่หากละเมิดอาจเสียคะแนนทันที เช่น การเสิร์ฟผิด, การสัมผัสเน็ต, การขึ้นบล็อกในตำแหน่งไม่ถูกต้อง ฯลฯ การเข้าใจจุดนี้จะช่วยให้เพื่อน ๆ ไม่ถูกเสียเปรียบหรือเข้าใจผิดเมื่อดูการแข่งขัน
การฟาวล์ถือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยในเกม โดยอาจมาจากการเคลื่อนไหวผิดตำแหน่ง หรือเล่นบอลผิดวิธี ซึ่งจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามได้คะแนนทันที
ตัวอย่างกฎที่ถือว่าฟาวล์ ได้แก่:
เพิ่มเติม: ผู้เล่นควรฝึกจังหวะและการสื่อสารในทีมให้ดี เพื่อหลีกเลี่ยงฟาวล์ที่เกิดจากความสับสนระหว่างตำแหน่ง
ในการแข่งขันวอลเลย์บอลสมัยใหม่ การเปลี่ยนตัวถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่โค้ชใช้ปรับสมดุลของทีม ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนผู้เล่นสายรุก สายรับ หรือปรับตามแท็กติกของคู่แข่ง
หลักการทั่วไป:
เพิ่มเติม: การเปลี่ยนตัวให้ถูกจังหวะช่วยเพิ่มความได้เปรียบ และรักษาความต่อเนื่องของเกมโดยไม่เสียสมาธิของทีม
นอกจากกฎทั่วไปแล้ว ยังมีกฎเฉพาะที่ใช้ในแต่ละลีกหรือระดับการแข่งขัน ซึ่งมักถูกปรับเพื่อให้เกมมีมาตรฐานและความยุติธรรมมากที่สุด
ตัวอย่างกฎเฉพาะที่ควรรู้:
เพิ่มเติม: กฎเฉพาะเหล่านี้อาจแตกต่างเล็กน้อยในบางลีกหรือการแข่งขันท้องถิ่น เช่น การจำกัดเวลาเสิร์ฟ หรือการนับเวลา Time-out ซึ่งควรศึกษาก่อนเข้าร่วมแข่งขัน
ก่อนที่เพื่อน ๆ จะก้าวเข้าสู่โลกของวอลเลย์บอลอย่างจริงจัง สิ่งสำคัญคือการเริ่มต้นอย่างถูกวิธี หลายคนมักรีบร้อนอยาก “ตบลูกแรง ๆ” หรือ “บล็อกให้สวย ๆ” แต่ในความเป็นจริง การเล่นวอลเลย์บอลที่ดีเริ่มจากพื้นฐานเล็ก ๆ เช่น การยืน การส่ง การสื่อสารในทีม และการเข้าใจตำแหน่งของตัวเอง การฝึกฝนอย่างต่อเนื่องและใส่ใจในรายละเอียดเล็กน้อยเหล่านี้จะช่วยให้เพื่อน ๆ พัฒนาได้เร็วกว่าที่คิด อีกทั้งยังช่วยป้องกันการบาดเจ็บและเพิ่มความมั่นใจเมื่อลงสนาม
ต่อไปนี้คือ เคล็ดลับสำหรับผู้เริ่มเล่นวอลเลย์บอล ที่จะช่วยให้เพื่อน ๆ พัฒนาทักษะได้อย่างมั่นคงและสนุกไปพร้อมกัน
ทักษะสำคัญสามอย่างที่ผู้เริ่มต้นต้องฝึกคือ การรับลูก (Pass), การตั้งลูก (Set) และการตบ (Attack) เพราะเป็นพื้นฐานของทุกจังหวะในเกม การฝึกแต่ละทักษะอย่างเป็นขั้นตอนจะช่วยให้ร่างกายจดจำการเคลื่อนไหวได้ถูกต้อง และเพิ่มความแม่นยำในการเล่นมากขึ้น
วอลเลย์บอลไม่ใช่แค่เรื่องของแรง แต่คือเกมของการยืนตำแหน่งและการเคลื่อนไหวอย่างมีระบบ การรู้ว่าแต่ละตำแหน่งอยู่ตรงไหน เช่น ตัวเซตอยู่หน้า ตัวตบอยู่ข้าง และลิเบอโร่อยู่หลัง จะช่วยให้เพื่อน ๆ เข้าใจ “ตำแหน่งวอลเลย์บอล” ของตนเองและสามารถหมุนตำแหน่งได้ถูกต้องเมื่อทีมได้สิทธิ์เสิร์ฟ
การเรียนรู้จากคลิปการสอนใน YouTube หรือเข้าคอร์สคลินิกวอลเลย์บอลในโรงเรียน/ชมรม จะช่วยให้เห็นภาพเทคนิคจริงจากผู้เล่นมืออาชีพ เพื่อน ๆ สามารถฝึกตามได้จากบ้าน โดยไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์มากมาย แต่อุปกรณ์ที่ดี เช่น ลูกวอลเลย์บอลมาตรฐาน หรือแผ่นกันเข่า จะช่วยลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บได้มาก
วอลเลย์บอลเป็นกีฬาที่ต้องพึ่งพา “ทีม” มากกว่าความสามารถเฉพาะตัว การสื่อสารระหว่างผู้เล่น เช่น การเรียกลูก การให้สัญญาณ หรือแม้แต่การให้กำลังใจกันในเกม จะช่วยให้ทีมเล่นได้มีจังหวะและพลังมากขึ้น การฝึกสมาธิและความอดทนจึงสำคัญพอ ๆ กับทักษะทางร่างกาย
การมีรองเท้าวอลเลย์บอลที่ดีจะช่วยซัพพอร์ตข้อเท้าและลดแรงกระแทกจากการกระโดด ซึ่งจำเป็นมากสำหรับผู้เริ่มต้น เพื่อน ๆ สามารถเลือกซื้อ รองเท้าวอลเลย์บอล ได้ง่าย ๆ บน Shopee โดยพิมพ์ค้นหาคำว่า “รองเท้าวอลเลย์บอล” เพื่อเลือกแบรนด์คุณภาพ เช่น Mizuno, Asics หรือ Li-Ning ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับสนามในร่ม
อุปกรณ์วอลเลย์บอล ที่เหมาะสมและได้มาตรฐาน เพราะนอกจากจะช่วยให้เล่นได้สะดวกและปลอดภัยแล้ว ยังส่งผลต่อประสิทธิภาพในการฝึกซ้อมและการแข่งขันด้วย ไม่ว่าจะเป็นลูกบอล สนาม หรืออุปกรณ์ป้องกันต่าง ๆ แต่ละชิ้นล้วนมีบทบาทสำคัญต่อเกม หากเลือกใช้อย่างถูกวิธี จะช่วยให้เพื่อน ๆ เล่นได้ดีขึ้น เหมือนนักกีฬามืออาชีพเลยทีเดียว อุปกรณ์วอลเลย์บอลที่ควรมีติดไว้ สำหรับทั้งมือใหม่และผู้เล่นที่อยากพัฒนาอย่างจริงจัง มีอะไรบ้างมาดูกัน
หัวใจหลักของเกมนี้คือ “ลูกบอล” ที่ใช้ในการแข่งขันมาตรฐานของ FIVB ลูกวอลเลย์บอลจะมีเส้นรอบวงประมาณ 65–67 เซนติเมตร น้ำหนักอยู่ที่ 260–280 กรัม และทำจากวัสดุหนังหรือหนังสังเคราะห์ที่นุ่มเพื่อให้ควบคุมทิศทางได้ง่าย ลูกที่ดีจะมีแรงกระเด้งพอดีและทนทาน เหมาะสำหรับทั้งในร่มและกลางแจ้ง
รองเท้าวอลเลย์บอลต่างจากรองเท้ากีฬาทั่วไปตรงที่พื้นจะถูกออกแบบให้ “ยึดเกาะพื้นสนามในร่มได้ดี” และช่วยซับแรงกระแทกจากการกระโดดบ่อย ๆ มีน้ำหนักเบา เพื่อช่วยให้เคลื่อนไหวได้คล่องตัว โดยเฉพาะตำแหน่งตัวตบและตัวเซตควรเลือกรุ่นที่มีการซัพพอร์ตข้อเท้าอย่างดี เช่น Mizuno Wave, Asics Sky Elite หรือ Li-Ning Hero ที่หาได้ง่ายบน Shopee
หนึ่งในอุปกรณ์ที่จำเป็นที่สุดสำหรับผู้เล่นทุกระดับ เพราะในเกมวอลเลย์บอล ผู้เล่นต้องล้มตัวรับลูก (Dig) หรือสไลด์ตัวไปกับพื้นบ่อยครั้ง สนับเข่าช่วยลดแรงกระแทกและป้องกันการถลอกหรือบาดเจ็บบริเวณหัวเข่า รุ่นที่ดีควรมีฟองน้ำหนา ยืดหยุ่น และระบายอากาศได้ดี เช่น สนับเข่า Nike Essentials หรือ Mizuno LR6
เสื้อผ้าที่เหมาะกับการเล่นวอลเลย์บอลควรเป็นผ้าระบายอากาศดี แห้งไว และไม่อึดอัด เพื่อให้เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ เสื้อของผู้เล่นแต่ละตำแหน่งอาจแตกต่างกัน เช่น ลิเบอโร่ (Libero) จะสวมเสื้อคนละสีเพื่อให้ผู้ตัดสินสังเกตได้ง่าย ส่วนกางเกงควรเป็นแบบขาสั้นพอดีตัวเพื่อไม่เกะกะเวลาเคลื่อนที่
นักวอลเลย์บอลมืออาชีพมักใช้ เทปพันนิ้ว เพื่อช่วยป้องกันข้อนิ้วจากแรงกระแทกขณะตบหรือบล็อกลูก โดยเฉพาะผู้เล่นตำแหน่งตัวตบและเซตเตอร์ ส่วน อุปกรณ์พยุงข้อมือ (Wrist Support) จะช่วยลดแรงกดและเพิ่มความมั่นคงขณะตีลูก เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่ยังไม่ชินกับแรงปะทะของบอล
อุปกรณ์สำคัญที่ขาดไม่ได้ในทุกสนามแข่งขัน มาตรฐานความสูงของตาข่ายคือ 2.43 เมตรสำหรับผู้ชาย และ 2.24 เมตรสำหรับผู้หญิง ตัวตาข่ายที่ดีควรมีความตึงพอดี ไม่หย่อน และมีเส้นขอบบน–ล่างที่แข็งแรง เพื่อให้การเล่นและบล็อกมีความแม่นยำ สามารถติดตั้งได้ทั้งแบบสนามในร่มและกลางแจ้ง
วอลเลย์บอลไม่ใช่แค่เกมที่ต้องตีลูกข้ามตาข่ายเท่านั้น แต่เป็นกีฬาที่รวมทั้งพละกำลัง ความแม่นยำ และการทำงานเป็นทีมเข้าไว้ด้วยกัน การเข้าใจ กติกาวอลเลย์บอล อย่างถูกต้อง ตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงตำแหน่งของผู้เล่น จะช่วยให้เพื่อน ๆ มองเกมได้ลึกขึ้น สนุกยิ่งขึ้น และเล่นได้อย่างมั่นใจมากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการชมแมตช์ระดับโลก การฝึกซ้อมกับเพื่อน หรือแม้แต่การเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะกับตัวเอง การรู้กติกาที่ดี คือจุดเริ่มต้นของการเล่นที่ยอดเยี่ยม และเป็นก้าวแรกสู่การพัฒนาฝีมือในสนามอย่างมืออาชีพ
บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง:
ทำความเข้าใจ รถฮาลาล คืออะไร ทำไมคนภาคใต้ถึงเรียกแบบนี้ พร้อมอัปเดตราคาและรุ่นย่อยล่าสุดจาก Yamaha อย่างละเอียด
สรุปทุกสาเหตุของอาการรถสั่น ไม่ว่าจะตอนจอด ออกตัว หรือขณะขับ พร้อมวิธีตรวจเช็กเบื้องต้นและคำแนะนำดูแลรถให้หายสั่นถาวร
มัดรวมแคปชั่นน่ารัก น่าเอ็นดู แบบปล่อยพลังสดใส ร่าเริงในทุกๆ วัน เพื่อเพิ่มหลังให้ตัวเอง หรือส่งพลังงานดีๆ ในกับคนอื่นก็ได้เช่นกัน
รวมรีวิวเครื่องดักยุงไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี ทั้งแบบดูดยุงและช็อตยุง เลือกได้ตามขนาดห้องและการใช้งานจริง ปลอดภัย ใช้งานง่าย เหมาะกับทุกบ้าน
รวมลิสต์ของฝากสิงคโปร์ ยอดนิยม ทั้งของกิน ของใช้ และของที่ระลึกน่ารัก ราคาย่อมเยา เหมาะซื้อฝากเพื่อน ครอบครัว หรือที่ทำงาน
รวมวิธีชวนคุยแบบไม่ฝืน ทั้งในชีวิตจริงและแชท ใช้ได้ทั้งที่โรงเรียนหรือที่ทำงาน ให้คุณดูเป็นคนมีเสน่ห์จนใคร ๆ ก็อยากคุยด้วย แบบไม่แ้ก ไม่ฝืน เป็นธรรมชาติ