Mega Maxx Omega 3 เมก้าวีแคร์ เเม็กซ์ โอเมก้า 3 60 แคปซูล [1 ขวด]EXP28/05/2024
เก็บเงินปลายทาง
ค่าจัดส่ง:
฿27
คุณลักษณะ
แบรนด์,หน้าที่ของอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ
รายละเอียด

น้ำมันปลา...แหล่งธรรมชาติที่เข้มข้นด้วยโอเมก้า-3 สิ่งมหัศจรรย์....เพื่อหัวใจ สมอง และข้อ กรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว ถือว่าเป็นสารอาหารที่สำคัญยิ่งต่อร่างกาย โดยเฉพาะกรดไขมันชนิดโอเมก้า-3 ซึ่ง ส่วนใหญ่กรดไขมันชนิดนี้พบได้ในไขมันจากสัตว์ เช่น น้ำมันปลา ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งจากธรรมชาติที่พบมากและมีคุณภาพดี ปัจจุบันความสนใจทางการแพทย์เกี่ยวกับกรดไขมันโอเมก้า-3 จากน้ำมันปลาเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเริ่มจากข้อมูลที่ว่า ชาวเอสกิโมมีเปอร์เซ็นต์ของผู้ที่เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดอุดตันต่ำ เมื่อศึกษาถึงโภชนาการ จึงพบว่าอาหารที่ชาวเอสกิโมรับประทานในชีวิตประจำวัน คือ ปลาและแมวน้ำ ซึ่งเป็นแหล่งที่มีโอเมก้า-3 ปริมาณสูง ปัจจุบันจึงมีการยืนยันทางการแพทย์ถึงประโยชน์ที่สำคัญของกรดไขมันโอเมก้า-3 ต่อร่างกายในการลดความเสี่ยงหรือป้องกันการเกิดโรคต่างๆ เช่น 1. โรคหัวใจและสมองขาดเลือด 2. ช่วยลดระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด ลดความดันโลหิต 3. ช่วยบรรเทาอาการอักเสบของข้อเสื่อม ข้อรูมาตอยด์ 4. ช่วยบำรุงสมอง ป้องกันความเสื่อมของสมอง โรคซึมเศร้า และบำรุงสายตา 5. บรรเทาอาการของโรคผิวหนังบางชนิด เช่น สะเก็ดเงิน โรคเรื้อนกวาง6. ป้องกันหรือบรรเทาโรคหอบหืด 7. ปวดไมเกรน 8. เบาหวาน น้ำมันปลาเป็นสารอาหารประเภทไขมัน ซึ่งประกอบด้วยกรดไขมันในกลุ่ม Omega-3 (Polyunsaturated Fatty Acid) ซึ่งมีกรดไขมันที่สำคัญอยู่ 2 ชนิด คือ 1. EPA (Eicosapentaenoic Acid) กรดไขมัน EPA มีส่วนช่วยลดระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด ป้องกันไขมันอุดตันหลอดเลือด ป้องกันการเกาะตัวของเกล็ดเลือด ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุในการเกิดโรคหัวใจและสมองอุดตัน นอกจากนั้นยังมีส่วนช่วยบรรเทาอาการข้อเสื่อม ข้อรูมาตอยด์ได้เช่นกัน 2. DHA (Docosahexaenoic Acid) กรดไขมัน DHA มีบทบาทที่สำคัญและจำเป็นต่อการพัฒนาสมองและสายตา ช่วยเสริมสร้างและป้องกันความเสื่อมของสมอง การเรียนรู้ และความจำ รวมถึงระบบสายตา ให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ น้ำมันปลา.....สำคัญต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด 1. ป้องกันโรคหัวใจและสมองขาดเลือด กรดไขมันโอเมก้า-3 ในน้ำมันปลาจะช่วยยับยั้งการเกาะตัวของเกล็ดเลือดและลดไขมันในเลือด จึงช่วยป้องกันการอุดตันของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงส่วนต่างๆ โดยเฉพาะหัวใจและสมอง ซึ่งจากผลการวิจัยพบว่ากลุ่มผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย ที่รับประทานกรดไขมันโอเมก้า -3 วันละ 850 มิลลิกรัม / วัน (ปริมาณ EPA+DHA) ร่วมกับวิตามินอีธรรมชาติ 300 มิลลิกรัม / วัน สามารถลดอัตราการตายเนื่องจากโรคกล้าม เนื้อหัวใจขาดเลือด รวมถึงโรคหลอดเลือดสมอง ลงได้ถึง 15% เมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่ไม่ได้รับประทานน้ำมันปลา ทางสมาคมโรคหัวใจของสหรัฐอเมริกา (American Heart Association; AHA) ได้แนะนำการรับประทาน กรดไขมันโอเมก้า-3 เพื่อการป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน ตามตารางดังนี้ 2. ป้องกันโรคหลอดเลือดอุดตัน กรดไขมันโอเมก้า-3 ในน้ำมันปลา เป็นสารตั้งต้นของสารกลุ่มไอโคซานอยด์ (Eicosanoids) ได้แก่ พรอสตาแกลนดิน-3 (Prostaglandins-3) และทรอมบอกแซน-3 (Thromboxan-3) ซึ่งสารกลุ่มนี้จะช่วยยับยั้งการเกาะตัวของเกล็ดเลือด จึงมีส่วนช่วยป้องกันการอุดตันของหลอดเลือด และช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว ทำให้ระบบการไหลเวียนของเลือดในร่างกายดีขึ้น ลดการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ 3. ช่วยลดระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด ไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือดสูง ถือเป็นสาเหตุหนึ่งที่สำคัญของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ที่ได้คร่าชีวิตประชากรโลกปีละหลายแสนคน หรือปีละหลายพันคนสำหรับประชากรไทย ซึ่งจากผลการศึกษาทางการแพทย์เกี่ยวกับภาวะไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือดสูงและการช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดของน้ำมันปลา ซึ่งได้มีการรวบรวมผลการวิจัยตั้งแต่ปี 1990-2006 ดังนี้ ผลการวิจัยพบว่ากรดไขมันโอเมก้า – 3 ในน้ำมันปลาจะมีประสิทธิภาพที่ดีในการลดระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด สามารถช่วยลดระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือดได้ประมาณ 20%-50% ซึ่งประสิทธิภาพเทียบเท่ากับยาที่ใช้ในการลดระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ และถึงแม้ว่าผู้ป่วยที่มีระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์สูงถึง 500 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร น้ำมันปลาก็ยังเป็นทางเลือกที่เหมาะสม เพื่อช่วยลดระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือดได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญ คือ ความปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียงต่อร่างกายสามารถใช้ร่วมกับยา หรือสารสกัดจากธรรมชาติโพลีโคซานอลในการลดระดับไขมันโคเลสเตอรอล สำหรับผู้ที่มีไขมันในเลือดสูงทั้ง 2 ชนิด 4. ลดความดันโลหิต จากผลการวิจัยของ John Hopkins Medical School ได้สรุปรวบรวมผลการศึกษาจาก 17 รายงานการศึกษาทางคลีนิค พบว่าการรับประทานกรดไขมันโอเมก้า -3 วันละ 3,000 มิลลิกรัม (ปริมาณ EPA+DHA) สามารถช่วยลดความดันล่าง (Diastolic Pressure) ได้ 3.5 มิลลิเมตรปรอท และความดันบน (Systolic pressure) ได้ถึง 5.5 มิลลิเมตรปรอท เนื่องจากกรดไขมันโอเมก้า -3 ในน้ำมันปลา จะช่วยทำให้หลอดเลือดขยายตัว และป้องกันการอุดตันของหลอดเลือด ทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น จึงมีผลให้ความดันโลหิตลดลง โดยน้ำมันปลาจะไม่มีผลต่อความดันในผู้ที่มีความดันโลหิตปกติ น้ำมันปลา.....เพิ่มคุณภาพชีวิต ลดอาการข้อเสื่อม ข้อรูมาตอยด์ กรดไขมันโอเมก้า-3 ในน้ำมันปลา สามารถบรรเทาอาการข้อเสื่อม (Osteoarthritis) และข้อรูมาตอย์ (Rheumatoid arthritis) เนื่องจากมีผลลดการสร้างสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบของข้อ เช่น Interleukin-1, Tumor necrosis factor และกรดไขมัน EPA (Eicosapentaenoic Acid) ในน้ำมันปลา ยังเป็นสารตั้งต้นในการสร้างสาร PGE 3 ซึ่งช่วยลดอาการอักเสบของข้อ โดยรายงานการวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Surgical Neurology ระบุว่าน้ำมันปลาสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดคอ หรือปวดหลังเรื้อรัง โดยทำการศึกษากับผู้ป่วย 250 คน ได้รับประทานกรดไขมันโอเมก้า - 3 วันละ 2,600 มิลลิกรัม (ปริมาณ EPA+DHA) ในช่วง 2 สัปดาห์แรก หลังจากนั้นลดปริมาณลงเหลือวันละ 1,200 มิลลิกรัม (ปริมาณ EP

แชทเลย
เพิ่มไปยังรถเข็น
ซื้อสินค้า