โพรไบโอติก จุลินทรีย์ขนาดเล็ก ประโยชน์มีมากกว่าที่คิด | Shopee Thailand
webp_image

โพรไบโอติก ลดอาการท้องผูก ดูแลลำไส้ให้สมดุลยิ่งขึ้น

รู้หรือไม่ว่า “โพรไบโอติก” (Probiotic) มีประโยชน์ต่อร่างกายของเรา หลายคนน่าจะพอรู้จักมาบ้างโดยเฉพาะคนรักสุขภาพก็รู้จักเป็นอย่างดี แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีอีกหลายคนอาจจะทำหน้างง ๆ ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แล้วมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร สามารถช่วยป้องกันโรคภัยต่าง ๆ ได้อย่างไร และประโยคที่ว่าเด็ดเปรียบเสมือนตัวแทนความเป็นโพรไบโอติกได้ดีที่สุดนั่นก็คือ “สุขภาพดีจะต้องเริ่มต้นจากภายในสู่ภายนอก” ใครอยากมีสุขภาพดีควรใส่ใจดูแลตัวเอง โดยการเริ่มต้นจากภายในด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ สารอาหารครบถ้วนเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ซึ่งในวงการแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ก็มีความเชื่อมาตั้งสมัยอดีตจนถึงปัจจุบัน การรับประทาน Probiotic จะช่วยเสริมสร้างสุขภาพให้ร่างกายแข็งแรงจากภายในสู่ภายนอก โดย Probiotic ถือเป็นจุลินทรีย์ที่ดีมีประโยชน์ต่อลำไส้ที่มีผลต่อการขับถ่าย อีกทั้งยังช่วยสร้างระบบภูมิคุ้มให้กับร่างกายอีกด้วย จึงทำให้หลายคนรับประทาน โยเกิร์ตและนมเปรี้ยวมากขึ้น และด้วยไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ อาจส่งผลให้จุลินทรีย์ในร่างกายอยู่ในภาวะไม่สมดุล จนทำให้นำไปสู่ปัญหาสุขภาพต่าง ๆ โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับลำไส้และระบบภูมิคุ้มกันนั่นเอง จึงทำให้อาหารเสริมพวกวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ได้รับความนิยมรับประทานมากขึ้น ใครที่สนใจสามารถเลือกช้อปออนไลน์ได้ง่าย ๆ Shopee พร้อมโปโมชั่นส่วนลดมากมาย

webp_image

โพรไบโอติก (Probiotic) คืออะไร

โพรไบโอติก คือ จุลินทรีย์ขนาดเล็กอยู่ในกลุ่มของจุลินทรีย์ชนิดดี อาศัยอยู่ในระบบการทำงานของร่างกาย เช่น ระบบทางเดินอาหาร ระบบทางเดินหายใจ เป็นต้น ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นตัวช่วยในการย่อยสลาย เสริมสร้างการปกป้องให้กับลำไส้ และยังคอยทำหน้าที่อื่น ๆ อีกมากมาย โดยโพรไบโอติกนั้นมีคุณสมบัติทนต่อกรดและด่างได้ สามารถจับที่บริเวณผิวของเยื่อบุลำไส้ แล้วก็ผลิตสารต่อต้านหรือกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ชนิดอื่น ๆ ที่อาจจะก่อให้เกิดโรคภัย อาทิเช่น ท้องเสีย ท้องอืด แน่นท้อง อาหารไม่ย่อย ป้องกันการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ ช่วยส่งเสริมการดูดซึมสารอาหาร และเสริมภูมิต้านทานให้ร่างกาย เป็นต้น การที่ร่างกายมีโพรไบโอติกอยู่ในระดับสมดุล จะช่วยให้ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรง ทั้งนี้ อาหารโพรไบโอติกส่วนใหญ่จะพบมาก ในอาหารที่เกิดจากกระบวนการหมัก เช่น นมเปรี้ยว โยเกิร์ต น้ำผลไม้ ผักดอง กิมจิ แตงกวาดอง มิโซะ ชีส และ Dark Chocolate ฯลฯ

webp_image

โพรไบโอติก (Probiotics) VS พรีไบโอติก (Prebiotics) ต่างกันยังไง?

โดยทั่วไปแล้วในร่างกายของเราทุกคนนั้น จะมีจุลินทรีย์อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และมีด้วยกันหลากหลายสายพันธุ์ ซึ่งจะมีทั้งจุลินทรีย์ดีที่เป็นประโยชน์ จุลินทรีย์ที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรเลย และจุลินทรีย์ไม่ดีที่ก่อให้เกิดโรคภัยต่าง ๆ ให้กับร่างกาย เมื่อไหร่ก็ตามที่ร่างกายเริ่มความผิดปกติ อาจส่งผลต่อความสมดุลของโพรไบโอติกที่อาศัยอยู่ในระบบทางเดินอาหารได้เช่นกัน และจุลินทรีย์ที่หลายคนรู้จักหรือคุ้นชื่อได้ยินกันบ่อย ๆ คือโพรไบโอติกและพรีไบโอติก ซึ่งจุลินทรีย์ทั้งสองนี้มีความแตกต่างกัน ดังนี้

  • โพรไบโอติก คือ จุลินทรีย์ที่ดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย ที่คอยช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์อื่น ๆ ทีก่อให้เกิดโรคภัยต่าง ๆ ให้กับระบบทางเดินอาหารโดยเฉพาะในลำไส้ เพื่อลกการเกิดท้องเสีย อาหารเป็นพิษ รวมไปถึงอาการอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับความผิดปกติของลำไส้ เมื่อร่างกายได้รับโพรไบโอติกจะทำให้มีสุขภาพที่ดีและแข็งแรง
  • พรีไบโอติก คือ สารอาหารประเภทหนึ่ง ที่ร่างกายคนเราไม่สามารถย่อยหรือดูดซึมในระบบทางเดินอาหารเองได้ ทั้งในส่วนของกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก แต่จะถูกย่อยได้ด้วยแบคทีเรียบริเวณของลำไส้ใหญ่ โดยพรีไบโอติกนี้ถือว่าเป็นแหล่งอาหารสำคัญของโพรไบโอติก ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตและกระตุ้นการทำงานของโพรไบโอติกนั้น ให้ดีและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยพรีไบโอติกจะพบมากในอาหารประเภท น้ำนมแม่ พืช ผัก ผลไม้ ที่มีใยอาหารมาก เป็นต้น

ดังนั้น สรุปได้ง่าย ๆ ว่าพรีไบโอติกถือเป็นแหล่งอาหารสำคัญของโพรไบโอติก และเมื่อเราได้รับประทานอาหารที่มีพรีไบโอติกเข้าไปมากเท่าไหร่ ก็จะช่วยส่งเสริมการทำงานของโพรไบโอติกให้ดียิ่งขึ้น

webp_image

ประโยชน์ของโพรไบโอติก

โพรไบโอติกประโยชน์มากมายที่หลายคนอาจยังไม่รู้ เนื่องจาก โพรไบโอติก จัดอยู่ในกลุ่มของจุลินทรีย์ดีมีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในระบบทางเดินอาหาร นอกเหนือจากนี้ประโยชน์ของโพรไบโอติกมีอีกมากมาย โดยได้สรุปภาพรวมของโพรไบโอติกธรรมชาติว่ามีประโยชน์ในการช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงได้อย่างไร ดังนี้

  • โรคระบบทางเดินอาหาร เช่น อาการท้องร่วงจากการติดเชื้อหรืออาหารเป็นพิษ อาการลำไส้แปรปรวน ลำไส้อักเสบ กรดไหลย้อน ท้องผูก แน่นท้อง และการขับถ่ายผิดปกติเรื้อรัง
  • ช่วยเสริมสร้างเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกายและรักษาโรคภูมิแพ้ ทำให้ลดอาการแพ้ ผื่นตามผิวหนัง และหอบหืด
  • โรคทางระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น การติดเชื้อราในระบบทางเดินปัสสาวะ
  • โรคฟันผุและโรคเหงือก หรือปัญหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับสุขภาพช่องปาก
  • ช่วยบรรเทาอาการข้างเคียงที่มีผลมาจากยาปฏิชีวนะวะนะ
  • โรคระบบหัวใจและหลอดเลือด โรคอ้วน โรคมะเร็ง
  • ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
  • บรรเทาอาการกล้ามเนื้ออักเสบและเพลียเรื้อรัง
  • ระบบประสาทและภาวะทางจิตเวช
  • อาการโคลิคในเด็กเล็ก
  • ช่วยควบคุมน้ำหนัก
webp_image

วิธีการกิน Probiotic ให้เห็นผลดีที่สุด

โพรไบโอติกนอกจากจะพบได้ในอาหารแล้ว ปัจจุบันมาในรูปแบบของอาหารเสริมและผลิตภัณฑ์สุขภาพ ซึ่งมีให้เลือกด้วยกันหลากหลายแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นแบบชงหรือแบบเม็ดก็สามารถเลือกรับประทานกันได้ ซึ่งปัญหาไม่ได้อยู่ตรงที่ว่าจะเลือกแบบไหนมารับประทาน แต่จะอยู่ตรงที่ว่าโพรไบโอติก กินตอนไหน กินยังไง ปริมาณเท่าไหร่ถึงจะพอดี ซึ่ง Probiotic กินตอนไหน ที่จะเห็นผลดีที่สุด

  • โพรไบโอติก กินอย่างไรให้ได้ผลดีสุด : ควรกินโพรไบโอติกคู่กับพรีไบโอติกทุกครั้ง เพื่อจะช่วยส่งเสริมให้โพรไบโอติกทำงานได้ดีเยี่ยมและเต็มประสิทธิภาพ โดยสารอาหารเหล่าจะพบมากในอาหารจำพวกกากใย และในรูปแบบอาหารเสริม ซึ่งถ้าซื้อเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ควรเลือกแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ มีเลข อย. กำกับไว้อย่างชัดเจน พร้อมบอกถึงแหล่งที่มาเพื่อความปลอดภัย
  • ควรกินโพรไบโอติกในประมาณเท่าไหร่ : แนะนำให้กินโพรไบโอติกที่มีอยู่ในอาหารหรืออาหารเสริม ที่มีปริมาณและเชื้อของโพรไบโอติกมากเพียงพอต่อความต้องการ โดยปกติทั่วไปควรเริ่มต้นด้วย 30,000-50,000 ล้านตัว CFU ต่อวัน สิ่งสำคัญคือไม่ควรกินในปริมาณที่มากจนเกินไป อาจจะส่งผลให้เกิดภาวะลมในท้องเพิ่มขึ้น และอาการท้องอืดหรืออาการแน่นท้องได้นั่นเอง
  • โพรไบโอติก กินตอนไหน ให้ได้ผลที่ดี : ควรกินก่อนอาหาร หรือ ระหว่างมื้ออาหาร เลือกเวลาไหนเวลาหนึ่งได้ตามที่สะดวก แต่ขอแนะนำให้กินก่อนอาหารเช้าช่วงตอนที่ท้องกำลังว่าง เพื่อให้ร่างกายดูดซึมสารอาหาร และช่วยกระตุ้นให้แบคทีเรียในร่างกายทำงานได้ดีมีประสิทธิภาพ จากนั้นให้รอสักประมาณ 10 - 15 นาที จึงค่อยทานอาหารเช้า
webp_image

แนะนำโพรไบโอติก ยี่ห้อไหนดีที่สุด

วิตามินและอาหารเสริมเป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ด้วยไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตประจำวัน รวมไปถึงอาหารการกินในแต่ละวันนั้น มักจะได้รับสารอาหารไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทำให้ร่างกายขาดสารอาหารที่จำเป็น จนนำไปสู่โรคภัยต่าง ๆ และแน่นอนว่าวิตามินและอาหารเสริมจึงกลายเป็นตัวช่วยที่ดี ในการเติมเต็มสารอาหารที่ขาดในแต่ละวันนั้นเอง อย่างใครที่รู้ตัวว่ามีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารบ่อย ๆ ควรที่จะทานโพรไบโอติกให้อยู่ในปริมาณที่เพียงพอ แต่เชื่อว่าด้วยไลฟ์สไตล์การทำงานหรือการใช้ชีวิตนั้น คงไม่มีเวลามากพอที่จะไปสรรหาอาหารต่าง ๆ ที่มีโพรไบโอติกในปริมาณที่ต้องการได้ จึงต้องหันไปพึงอาหารเสริม สำหรับใครสนใจอยากจะซื้อมาทานบ้างนั้น แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อ Probiotic ยี่ห้อไหนดี 2021 มาดูกัน

webp_image
webp_image

นิวทริไลท์ โพรไบโอติก

นิวทริไลท์ โพรไบโอติก Amway ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีจุลินทรีย์โพรไบโอติกจากแบรนด์ Amway เป็นอีกแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจเลือกมาทานกันมาก ด้วยส่วนประกอบที่บอกเลยว่าเด็ดดวงจริง ๆ จะประกอบตัวจุลินทรีย์โพรไบโอติกมากถึง 5 สายพันธุ์ที่มีประโยชน์มากที่สุด ได้แก่ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส, แล็กโทบาซิลลัส แอซิโดฟิลัส, แล็กโทบาซิลลัส แอซิโดฟิลัส, บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส และแล็กโทบาซิลลัส พาราคาเซอิ ทำให้เมื่อทานเข้าไปแล้วจะช่วยรักษาสมดุลของระบบลำไส้ และยังช่วยส่งเสริมให้ระบบทางเดินอาหารเกิดการย่อยได้ดี และมีการขับถ่ายได้เป็นปกติเพื่อสุขภาพที่ดี ซึ่งวิธีทานก็ง่ายมาก ๆ แค่ฉีกซองแล้วผสมในน้ำอุณหภูมิห้องปริมาณ 150 มิลลิลิตร จากนั้นชงให้เข้ากันแล้วดื่มภายใน 5 นาที

webp_image
webp_image