Categories: Cars

น้ำมันเกียร์ เปลี่ยนตอนไหน และวิธีการเลือกที่เหมาะสม

น้ำมันเกียร์เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ระบบเกียร์ของรถยนต์ทำงานได้อย่างราบรื่น การดูแลและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ตามระยะเวลาที่เหมาะสมจะช่วยยืดอายุการใช้งานของเกียร์และป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต บทความนี้จะตอบคำถามเกี่ยวกับน้ำมันเกียร์ เช่น น้ำมันเกียร์ เปลี่ยนตอนไหน คืออะไร ควรเปลี่ยนเมื่อไหร่ น้ำมันเกียร์ เปลี่ยนทุกกี่โล ใช้เบอร์อะไร และวิธีการเลือกน้ำมันเกียร์ที่เหมาะสม

หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้

น้ำมันเกียร์ คือของเหลวที่ใช้ในการหล่อลื่นชิ้นส่วนภายในระบบเกียร์ของรถยนต์ หน้าที่หลักของน้ำมันเกียร์คือช่วยลดแรงเสียดทานและการสึกหรอของชิ้นส่วนเกียร์ นอกจากนี้ยังช่วยระบายความร้อนและป้องกันการกัดกร่อนของชิ้นส่วนโลหะภายในเกียร์อีกด้วย


น้ำมันเกียร์แบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ๆ ดังนี้

  1. น้ำมันเกียร์สำหรับเกียร์ธรรมดา (Manual Transmission Fluid – MTF)

ใช้สำหรับระบบเกียร์ธรรมดา มีคุณสมบัติในการหล่อลื่นและป้องกันการสึกหรอของชิ้นส่วนเกียร์

  1. น้ำมันเกียร์สำหรับเกียร์อัตโนมัติ (Automatic Transmission Fluid – ATF)

ใช้สำหรับระบบเกียร์อัตโนมัติ นอกจากการหล่อลื่นแล้วยังทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการส่งกำลังและควบคุมการทำงานของระบบเกียร์

ปัจจัยเปรียบเทียบน้ำมันเกียร์ธรรมดา (MTF)น้ำมันเกียร์อัตโนมัติ (ATF)
การใช้งานใช้กับระบบเกียร์ธรรมดาที่ต้องอาศัยการเปลี่ยนเกียร์ด้วยตนเองใช้กับระบบเกียร์อัตโนมัติที่เปลี่ยนเกียร์ได้เองตามรอบเครื่อง
หน้าที่หลักหล่อลื่นฟันเฟืองและลดแรงเสียดทานระหว่างเกียร์นอกจากหล่อลื่นแล้ว ยังเป็นตัวกลางในการส่งกำลังและควบคุมแรงดันไฮดรอลิก
ความหนืดมีความหนืดสูงกว่า ATF มักอยู่ในช่วง 75W-80, 75W-90มีความหนืดต่ำกว่า MTF เพื่อให้ไหลเวียนได้ง่าย มักมีค่าประมาณ 20-40 cSt
สีของน้ำมันสีเหลืองอำพันหรือน้ำตาลสีแดงเพื่อแยกความแตกต่างจากของเหลวอื่นในรถยนต์
อายุการใช้งานเปลี่ยนถ่ายทุก 40,000 – 60,000 กม.เปลี่ยนถ่ายทุก 30,000 – 50,000 กม. หรืออาจเร็วกว่านี้หากใช้งานหนัก
การรองรับอุณหภูมิทนต่อแรงกดสูง แต่ไม่มีคุณสมบัติป้องกันความร้อนมากเท่ากับ ATFมีสารเติมแต่งช่วยทนความร้อนและช่วยป้องกันการเกิดฟองอากาศ

เลือกใช้น้ำมันเกียร์ให้เหมาะสม

📌 น้ำมันเกียร์ทั้งสองประเภทไม่สามารถใช้แทนกันได้ เนื่องจากระบบเกียร์มีการทำงานที่แตกต่างกัน
📌 ควรเลือกใช้น้ำมันเกียร์ที่มีค่าความหนืดและมาตรฐานตรงตามที่ผู้ผลิตรถยนต์แนะนำ
📌 ตรวจสอบและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ตามระยะเวลาที่กำหนดเพื่อป้องกันความเสียหายของระบบเกียร์ 


การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ควรทำตามระยะทางหรือระยะเวลาที่กำหนดในคู่มือรถยนต์ของคุณ โดยทั่วไปแล้ว ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ทุก ๆ 30,000-40,000 กิโลเมตร หรือประมาณทุก ๆ 2-3 ปี ในบางเจ้า ถ้าถามว่า น้ำมันเกียร์ เปลี่ยนตอนไหน เมื่อไหร่ดี หรือ น้ำมันเกียร์ เปลี่ยนทุกกี่โล ก็ระบุว่าเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุกการขับขี่ประมาณ 50,000-160,000 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม หากรถยนต์ของคุณใช้งานหนัก เช่น ขับในสภาพการจราจรติดขัดหรือบรรทุกหนัก ควรพิจารณาเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์บ่อยขึ้น


นอกจากการเปลี่ยนถ่ายตามระยะทางหรือระยะเวลาที่กำหนดแล้ว คุณยังสามารถสังเกตอาการผิดปกติของระบบเกียร์ที่อาจบ่งบอกถึงความจำเป็นในการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ หรือ ตรวจสอบด้วยตัวเองง่ายๆที่บ้าน รวมแล้วสองวิธีด้วยกัน คือ

1. สังเกตอาการผิดปกติของเกียร์หรือการใช้รถ

  • เกียร์เปลี่ยนยากหรือมีอาการกระตุก
  • มีเสียงดังผิดปกติขณะเปลี่ยนเกียร์
  • ได้กลิ่นไหม้ขณะใช้รถซึ่งอาจมาจากน้ำมันเกียร์

หากพบอาการเหล่านี้ ควรนำรถเข้าตรวจสอบและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ทันที

2. ตรวจสอบสภาพน้ำมันเกียร์ด้วยตัวเองง่ายๆที่บ้าน

✅ อุปกรณ์ที่ต้องใช้

🛠 ขั้นตอนการตรวจสอบสีของน้ำมันเกียร์

1️⃣ หาตำแหน่งก้านวัดน้ำมันเกียร์

  • สำหรับ เกียร์อัตโนมัติ (AT): รถส่วนใหญ่มีก้านวัดน้ำมันเกียร์ (มักอยู่ใกล้เครื่องยนต์)
  • สำหรับ เกียร์ธรรมดา (MT): ไม่มีก้านวัด ต้องเปิดฝาปิดน้ำมันเกียร์ที่เกียร์โดยตรง

2️⃣ ดึงก้านวัดน้ำมันเกียร์ออก แล้วเช็ดด้วยกระดาษทิชชู่สีขาว

3️⃣ สังเกตสีของน้ำมันเกียร์ แล้วเปรียบเทียบกับตารางด้านล่าง

🎨 ตารางเปรียบเทียบสีของน้ำมันเกียร์และสภาพ

สีของน้ำมันเกียร์สภาพของน้ำมันเกียร์ควรเปลี่ยนหรือไม่?
สีแดงสด หรือชมพูใสใหม่ สะอาด พร้อมใช้งาน❌ ยังไม่ต้องเปลี่ยน
สีแดงเข้ม หรือสีส้มใช้งานไปแล้ว เริ่มเสื่อมสภาพ⚠️ ใกล้ถึงเวลาตรวจเช็คและเปลี่ยน
สีน้ำตาลอ่อนน้ำมันเริ่มเก่า มีการเสื่อมสภาพ✅ ควรเปลี่ยนเร็วๆ นี้
สีน้ำตาลเข้ม หรือดำเสื่อมสภาพ มีคราบเขม่า✅ เปลี่ยนทันที!
สีดำและมีกลิ่นไหม้เกียร์อาจมีปัญหา น้ำมันเกียร์อาจมีการเผาไหม้🚨 เปลี่ยนทันที และตรวจสอบระบบเกียร์

💡 หมายเหตุ:

  • หากน้ำมันเกียร์ ขุ่นหรือมีฟอง อาจมีปัญหาความชื้นหรืออากาศเข้าไปในระบบเกียร์
  • หากพบ เศษโลหะปะปน ควรรีบเข้าศูนย์เพื่อตรวจสอบเกียร์

🔧 วิธีดูแลน้ำมันเกียร์ให้ใช้งานได้นานขึ้น

✅ หมั่นตรวจเช็คทุก 10,000 – 20,000 กม. หรือทุก 6 เดือน
✅ ใช้ น้ำมันเกียร์ตามมาตรฐานที่ผู้ผลิตรถยนต์แนะนำ
✅ หลีกเลี่ยงการขับรถลากรอบสูงหรือบรรทุกหนักเกินไป เพราะจะทำให้เกียร์เสื่อมเร็ว
✅ หากเริ่มมีอาการ เกียร์กระตุก, เปลี่ยนเกียร์ยาก, หรือมีเสียงดัง ควรตรวจเช็คทันที

🛠 สรุป: วิธีเช็คสีน้ำมันเกียร์ได้เองที่บ้าน

  1. ดึงก้านวัดน้ำมันเกียร์ออกมา
  2. หยดน้ำมันเกียร์ลงบนกระดาษทิชชู่สีขาว
  3. สังเกตสีตามตารางเปรียบเทียบ
  4. หากสี น้ำตาลเข้มหรือดำ + มีกลิ่นไหม้ ควรรีบเปลี่ยนทันที!

🔴 อย่ารอจนเกียร์พัง! เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตามระยะที่เหมาะสมเพื่อยืดอายุการใช้งานของเกียร์และขับขี่อย่างปลอดภัย 🚗💨


การเลือกน้ำมันเกียร์ที่เหมาะสมควรพิจารณาจากปัจจัยดังต่อไปนี้:

  • ประเภทของเกียร์: เลือกน้ำมันเกียร์ที่เหมาะสมกับประเภทของเกียร์รถยนต์ของคุณ เช่น เกียร์ธรรมดาหรือเกียร์อัตโนมัติ
  • ความหนืด: ตรวจสอบค่าเบอร์ความหนืดที่ผู้ผลิตรถยนต์แนะนำ
  • มาตรฐานและคุณสมบัติพิเศษ: เลือกน้ำมันเกียร์ที่มีมาตรฐานและคุณสมบัติที่ตรงตามความต้องการของรถยนต์ เช่น ทนต่อความร้อนสูง หรือมีสารป้องกันการสึกหรอ

การเลือกเบอร์หรือความหนืดของน้ำมันเกียร์ควรอ้างอิงตามคู่มือรถยนต์ของแต่ละรุ่น เนื่องจากผู้ผลิตจะระบุสเปกที่เหมาะสมไว้แล้ว อย่างไรก็ตาม น้ำมันเกียร์มักจะมีการระบุค่าเบอร์ความหนืด เช่น SAE 75W-90, 80W-90 เป็นต้น ซึ่งตัวเลขเหล่านี้บ่งบอกถึงความหนืดของน้ำมันเกียร์ในสภาวะอุณหภูมิต่าง ๆ แต่ถ้าสงสัยว่าเบอร์ของน้ำมันเกียร์บอกอะไร ก็ไปทำความเข้าใจรายละเอียดกันได้ดังนี้

น้ำมันเกียร์ที่มีเบอร์ระบุ เบอร์คืออะไร และบอกอะไรได้บ้าง?

“เบอร์” ของน้ำมันเกียร์ หมายถึงค่าความหนืด (Viscosity) ของน้ำมันเกียร์ ซึ่งกำหนดโดยมาตรฐานของ SAE (Society of Automotive Engineers) เพื่อช่วยให้ผู้ใช้เลือกน้ำมันเกียร์ที่เหมาะสมกับสภาพอากาศและการใช้งานของรถยนต์แต่ละประเภท

1. ความหมายของเบอร์น้ำมันเกียร์

เบอร์น้ำมันเกียร์ที่พบบ่อยจะอยู่ในรูปแบบ ตัวเลข + ตัวอักษร “W” หรือไม่มี W เช่น 75W-90, 80W-90, 85W-140 เป็นต้น โดยมีความหมายดังนี้:

  • ตัวเลขก่อน “W” → บอกค่าความหนืดของน้ำมันเกียร์ที่อุณหภูมิต่ำ (Winter)
  • ตัวเลขหลัง “W” → บอกค่าความหนืดของน้ำมันเกียร์ที่อุณหภูมิสูง (ที่อุณหภูมิ 100°C)

ตัวอย่างเช่น:

  • 75W-90 → สามารถใช้ในอุณหภูมิต่ำได้ดี และมีค่าความหนืดที่อุณหภูมิสูงเท่ากับเบอร์ 90
  • 85W-140 → ทนต่อความร้อนและแรงกดสูงกว่า 75W-90 เหมาะสำหรับงานหนัก

2. ประเภทของน้ำมันเกียร์ตามเบอร์ SAE

น้ำมันเกียร์แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักตามความหนืด ได้แก่:

ประเภทตัวอย่างเบอร์น้ำมันเกียร์ลักษณะการใช้งาน
น้ำมันเกียร์เบอร์เบา (ความหนืดต่ำ)75W-80, 75W-90เหมาะสำหรับเกียร์ธรรมดาและรถยนต์ทั่วไป ช่วยให้เปลี่ยนเกียร์ลื่นไหลในสภาพอากาศเย็น
น้ำมันเกียร์เบอร์หนัก (ความหนืดสูง)80W-90, 85W-140เหมาะสำหรับรถบรรทุก, รถที่บรรทุกหนัก หรือใช้งานในอุณหภูมิสูง ช่วยป้องกันการสึกหรอของเกียร์

3. วิธีเลือกเบอร์น้ำมันเกียร์ให้เหมาะสม

📌 ตรวจสอบคู่มือรถยนต์ เพื่อดูว่าแนะนำให้ใช้น้ำมันเกียร์เบอร์ไหน
📌 หากขับขี่ในพื้นที่อากาศเย็น ควรเลือกเบอร์ที่มีตัวเลข W ต่ำ เช่น 75W-90
📌 หากใช้งานหนัก หรือขับขี่ในพื้นที่อากาศร้อนอย่างเมืองไทย ควรเลือกเบอร์ที่มีค่าความหนืดสูงขึ้น เช่น 85W-140

สรุปคือ เบอร์น้ำมันเกียร์เป็นตัวบ่งบอกค่าความหนืดของน้ำมันเกียร์ที่อุณหภูมิต่างๆ การเลือกใช้เบอร์น้ำมันเกียร์ที่เหมาะสมช่วยให้เกียร์ทำงานได้ราบรื่น ลดการสึกหรอ และยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ 🚗


หากไม่เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตามระยะเวลาที่เหมาะสม อาจส่งผลเสียต่อระบบเกียร์ของรถยนต์ในหลายด้าน ดังนี้

1. เกียร์เสื่อมสภาพเร็วขึ้น

น้ำมันเกียร์ทำหน้าที่หล่อลื่นและลดการเสียดสีของชิ้นส่วนภายในเกียร์ เมื่อใช้งานเป็นเวลานาน น้ำมันเกียร์จะเสื่อมสภาพ สูญเสียความหนืดและประสิทธิภาพในการปกป้อง ส่งผลให้ชิ้นส่วนเกียร์เกิดการสึกหรอเร็วกว่าปกติ

2. เกียร์เปลี่ยนยาก หรือกระตุก

เมื่อน้ำมันเกียร์เสื่อมคุณภาพ อาจทำให้การเปลี่ยนเกียร์ไม่ราบรื่น เช่น เกียร์กระตุก หน่วง หรือมีอาการกระชากขณะขับขี่ ซึ่งอาจทำให้รถยนต์เกิดอาการสะดุดและลดประสิทธิภาพในการขับขี่

3. เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้น

น้ำมันเกียร์ที่สกปรกและเสื่อมสภาพจะทำให้เกียร์ทำงานผิดปกติ ส่งผลให้เครื่องยนต์ต้องใช้แรงมากขึ้นเพื่อส่งกำลังไปยังล้อ ทำให้กินน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้นและสิ้นเปลืองพลังงาน

4. เกิดความร้อนสะสมในระบบเกียร์

น้ำมันเกียร์ช่วยระบายความร้อนภายในระบบเกียร์ หากน้ำมันหมดสภาพ จะทำให้ความร้อนสะสมมากขึ้น ส่งผลให้เกียร์ร้อนจัดและอาจเกิดความเสียหายร้ายแรง

5. อายุการใช้งานของเกียร์ลดลง

หากปล่อยให้น้ำมันเกียร์เสื่อมสภาพโดยไม่เปลี่ยนถ่าย อาจทำให้เกียร์สึกหรอจนเสียหายรุนแรง และอาจต้องซ่อมหรือเปลี่ยนทั้งระบบเกียร์ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง

6. เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ

เกียร์ที่ทำงานผิดปกติอาจส่งผลต่อการควบคุมรถ เช่น เกียร์ลื่น หรือเกียร์ไม่เปลี่ยนตามต้องการ ซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ โดยเฉพาะเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง

💡 สรุปก็คือการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตามระยะเวลาที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสภาพรถยนต์ ช่วยให้เกียร์ทำงานราบรื่น ประหยัดน้ำมัน และลดความเสี่ยงต่อความเสียหายร้ายแรง ควรตรวจสอบและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ตามคำแนะนำของผู้ผลิตเพื่อยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ของคุณ


สำหรับการเลือกน้ำมันเกียร์ที่เหมาะสมกับรถยนต์ของคุณ นี่คือสามแบรนด์และรุ่นที่ได้รับความนิยมและมีคุณภาพ:

  1. Castrol Transmax Dex/Merc ATF
    • คุณสมบัติ: เหมาะสำหรับเกียร์ออโต้ที่ต้องการสเปก Dexron III หรือ Mercon ให้การปกป้องและประสิทธิภาพการทำงานที่ดี
    • ราคา: ประมาณ 250 – 300 บาท ต่อลิตร
  2. Mobil ATF 3309
    • คุณสมบัติ: ออกแบบมาสำหรับเกียร์อัตโนมัติที่ต้องการสเปก JWS 3309 มีความเสถียรทางความร้อนและป้องกันการสึกหรอ
    • ราคา: ประมาณ 375 บาท ต่อลิตร
  3. Valvoline MaxLife ATF
    • คุณสมบัติ: เหมาะสำหรับเกียร์อัตโนมัติที่มีอายุมากกว่า 120,000 กิโลเมตร มีสารเพิ่มความหนืดเพื่อป้องกันการรั่วซึม
    • ราคา: ประมาณ 250 – 450 บาท ต่อลิตร

ควรตรวจสอบความเข้ากันได้ของน้ำมันเกียร์กับรถยนต์ของคุณก่อนการใช้งานเสมอ

ที่มา: Cockpit, Totalenergies

Nin ST

Joined SEO team in 2023, Nin enjoyed creating lifestyle, home & living, and pets-related articles for share as she has furbabies herself - 4 fluffy British short-hair cats :)

Share
Published by
Nin ST

Recent Posts

อัปเดต! ไม้แบดมินตัน ยี่ห้อไหนดี ทน เบา สเปคดี ที่นักแบดมือใหม่ มือโปรไม่ควรพลาด

ช้อปไม้แบดมินตัน ยี่ห้อไหนดี? พบกับ 10 ไม้แบด ที่คัดสรรเพื่อคุณ! พร้อม 5 ทริคเลือกไม้แบดที่ใช่ ในสไตล์ที่ชอบ และตารางเปรียบเทียบสเปค ราคา คุ้มค่าแน่นอน!

2 days ago

ไพรเมอร์ ยี่ห้อไหนดี? รวม 15 ยี่ห้อติดทน ผิวโกลว์ สวยจึ้ง

รู้หรือไม่ ไพรเมอร์เปรียบเสมือนการใส่ฟิลเตอร์บนใบหน้าของสาว ๆ ที่มาช่วยปรับผิวให้ดูเรียบเนียน เตรียมผิวก่อนแต่งหน้าที่ช่วยเติมเต็มร่องผิว เบลอรูขุมขน ให้ติดทน สวยจึ้งได้ตลอดทั้งวันซึ่งควรเลือกซื้อ ไพรเมอร์ ยี่ห้อไหนดี? เราคัดสรรจัดเต็มมาฝากถึง 15 แบรนด์ดัง พร้อมบอกเล่าที่มาของไพรเมอร์ว่าคืออะไร ควรใช้เวลาไหน…

2 days ago

10 กล้องวงจรปิดไร้สาย ยี่ห้อไหนดี เปรียบเทียบทุกฟีเจอร์ ราคา ตัวไหนคุ้มไม่คุ้ม?

รีวิวกล้องวงจรปิดไร้สายแบบเรียล ๆ กับ 10 กล้องวงจรปิดไร้สาย ยี่ห้อไหนดีที่เป็น The Best ตัวจริง! รุ่นขายดีที่ผู้ใช้จริงแนะนำ

2 days ago

เทียบให้ชัด! 10 SSD ยี่ห้อไหนดี ความจุเยอะ อ่าน-เขียนข้อมูลเร็ว ใช้งานได้หลากหลาย ราคาไม่แพง

ในยุคที่การทำงานออนไลน์ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันใครหลายคน การมีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพราะการเขียนไฟล์งานหรือโอนข้อมูลเรื่องความเร็วเป็นสิ่งสำคัญ และหนึ่งในอุปกรณ์ที่ช่วยให้คอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊คของเรา ทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้นก็คือ SSD (Solid State Drive) ใครที่ทำงานแล้วรู้สึกว่าคอมดูอืดมากใช้เวลาโหลดไฟล์นานมากกว่าจะสำเร็จ อยากจะหาซื้อ SSD มาใช้งานบ้าง แต่ไม่รู้ว่าจะเลือก SSD…

2 days ago

รีวิว 10 ปลั๊กสามตา ยี่ห้อไหนดี ป้องกันไฟกระชาก ได้มาตรฐาน มอก. ปลอดภัย ใช้งานคุ้ม

ปลั๊กสามตา หรือ ปลั๊กพ่วง เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีความจำเป็นและเกือบทุกบ้านต้องมี! เนื่องจากปลั๊กสามตาจะช่วยเพิ่มจำนวนเต้ารับไฟฟ้า ทำให้สามารถเสียบปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลากหลายชนิดได้พร้อมกัน โดยที่ไม่ต้องถอดเสียบปลั๊กสลับไปมาเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน ยิ่งถ้าบ้านไหนที่มีเต้ารับไฟฟ้าไม่เพียงพอต่อการใช้งานของเครื่องไฟฟ้า ยิ่งต้องหาซื้อติดบ้านไว้เลย! ปัจจุบันปลั๊กสามตามีให้เลือกหลากหลายประเภท จากยี่ห้อต่าง ๆ มากมาย มีทั้งปลั๊กสามตาที่มีคุณภาพ และปลั๊กที่ไม่ได้มาตรฐาน…

2 days ago

รวม 7 ไอเทมของเด็ด ไอเดีย แต่งมอเตอร์ไซค์ เท่อย่างมีสไตล์ และไม่ผิดกฎหมาย

มอเตอร์ไซค์ ไม่ได้มีไว้ขับขี่เพียงแค่อย่างเดียว แต่มอเตอร์ไซค์ก็ยังสามารถบ่งบอกถึงบุคลิก ความชอบ ความเท่ และไลฟ์สไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้ขับขี่ได้ด้วยว่าคนขับขี่คนนั้นเป็นสายซิ่ง สายชิล สายคลาสสิก หรือสายลุย จึงทำให้เกิดเป็นกระแส ไอเดีย แต่งรถมอเตอร์ไซค์ ให้สวยและเท่มากยิ่งขึ้น ซึ่งได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง แต่รู้หรือไม่ว่าการแต่งมอเตอร์ไซค์ให้สวยนั้นมีแค่เงินเพียงอย่างเดียวไม่ได้…

2 days ago