หากพูดถึงเทรนด์ Cruelty free คงจะมีหลาย ๆ คนที่ได้ศึกษาเรื่องนี้มาประมาณนึงแล้ว เพราะมีช่วงนึงที่กระแสมาแรงจนขึ้นเทรนด์ในทวิตมาแล้ว! แถมแบรนด์เครื่องสำอางหลาย ๆ แบรนด์ก็เริ่ม take action หันมาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นก้าวที่สำคัญมากต่อวงการเครื่องสำอางและสกินแคร์ แต่สำหรับคนที่ไม่รู้ว่า Cruelty free คืออะไร วันนี้เราจะพาทุกคนไปหาคำตอบ บอกเลยว่า ตอบ จบ ครบทุกข้อสงสัยในที่เดียว!
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
ทำความรู้จัก Cruelty free คืออะไร ?
Cruelty free คือ สัญลักษณ์สำคัญที่บ่งบอกว่าแบรนด์เครื่องสำอางและสกินแคร์เหล่านั้นไม่ได้มีการทดลองกับสัตว์แต่อย่างใด (Not Tested in Animal) อีกทั้งยังโฟกัสไปที่ส่วนผสมที่ปราศจากสารเคมี โดยมีกระบวนการผลิตที่ใส่ใจโลกมาก ๆ ภาพรวมคือมาในคอนเซ็ปต์ ‘สวยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม’


กระแสนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ? เครื่องสำอาง cruelty free เป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นจากภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่อง Save Ralph ของผู้กับกับชื่อดัง Spencer Susser โดยร่วมมือกับ HIS หรือ Humane Society International องค์กรพิทักษ์สัตว์ระดับโลก จนเกิดเป็นแฮชแท็ก #SaveRalph โดยวัตุประสงค์ของการสร้างหนังเรื่องนี้คือการรณรงค์ให้ทุกคนเห็นถึงปัญหาในการนำเอาสัตว์มาทดลอง หากผิวหนังของเราไวต่อสิ่งแปลกปลอมและสารเคมี แล้วผิวหนังของสัตว์ล่ะ เมื่อสัตว์เหล่านั้นถูกนำมาเป็นหนูทดลอง ถูกฉีดสารเคมีชนิดต่าง ๆ จนร่างกายได้รับผลกระทบจนถึงแก่ชีวิต หลาย ๆ คนที่รักสัตว์คงทำใจรับเรื่องนี้ไม่ไหวแน่นอน การเลือกใช้เครื่องสำอาง cruelty free จึงถือเป็นอีกหนึ่งเสียงสำคัญต่อการช่วยรณรงค์เรื่องนี้
ดูอย่างไรว่าเป็นเครื่องสำอาง Cruelty free
สำหรับผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับความงาม สัญลักษณ์รูป ‘กระต่าย’ จะอยู่ที่ฉลากที่หน้าหรือหลังผลิตภัณฑ์ พร้อมกับข้อความ “Cruelty-Free” หรือ “Not Tested in Animal” ที่บ่งบอกว่าเป็นเครื่องสำอางไม่ทดลองกับสัตว์ ทั้งนี้เครื่องสำอาง cruelty free นั้นก็มีความหลากหลายและแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเทศที่ผลิตด้วย เช่น จีนที่มีกฎหมายบังคับว่าผลิตภัณฑ์ต้องผ่านการทดสอบกับสัตว์ก่อนปล่อยสู่ออกตลาด ฉะนั้นฉลาก Cruelty Free จากจีนอาจจะไม่ได้เข้าค่ายว่าเป็นเครื่องสำอาง Cruelty Free 100% แต่สำหรับประเทศอื่น ๆ ถ้ามีสัญลักษณ์ Cruelty Free ก็สามารถเชื่อถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผ่านการทดลองกับสัตว์แต่อย่างใด ว่าแต่ทุกคนรู้หรือไม่ว่า ทำไมต้องเป็นกระต่าย ? นั่นก็เพราะว่ากระต่ายเป็นสัตว์ขนาดเล็กที่มีผิวค่อนข้างตอบสนองไว และมีความใกล้เคียงกับผิวของมนุษย์มากที่สุด หลาย ๆ บริษัทจึงมักเลือกใช้สัตว์ชนิดนี้มาทดลอง
สัญลักษณ์ Cruelty Free คืออะไร แต่ละชนิดต่างกันอย่างไร ?


องค์กรสำคัญที่ให้การรับรองสัญลักษณ์เครื่องสำอาง Cruelty Free ประกอบไปด้วย
- CCIC (Coalition for Consumer Information on Cosmetics)
- PETA (People for the Ethical Treatment on Animals)
- CCF (Choose Cruelty Free)
มีสัญลักษณ์ที่แตกต่างกัน ดังนี้
1. Leaping Bunny (CICC Rabbit)
สัญลักษณ์กระต่ายกำลังกระโจนไปข้างหน้าพร้อมดาวสองดวง (Leaping Bunny) เป็นตราสัญลักษณ์ที่ออกแบบโดยหน่วยงาน Coalition for Consumer Information on Cosmetics (CCIC) ในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา มีแบรนด์สมาชิกมากกว่า 2,000 แบรนด์
2. Cruelty-Free PETA Bunny
สัญลักษณ์กระต่ายที่ใบหูมีลักษณะคล้ายรูปหัวใจพร้อมข้อความ Cruelty-Free ที่ออกแบบและออกโดยองค์กร People for the Ethical Treatment of Animals (PETA) ที่ถือว่าเป็นองค์กรพิทักษ์สัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ให้การรับรองแบรนด์ที่จำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกา รวมไปถึงประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก มีแบรนด์สมาชิกมากกว่า 5,000 แบรนด์
3. Choose Cruelty-Free Bunny
สัญลักษณ์รูปกระต่ายพร้อมข้อความ “Not Tested on Animals” นี้ ออกโดยหน่วยงาน Choose Cruelty-Free หรือ CCF ซึ่งเป็นองค์การเอกชนที่ไม่แสวงหากำไรที่ประเทศออสเตรเลีย มีแบรนด์สมาชิกมากกว่า 250 แบรนด์
เหตุผลที่เราควรหันมาใช้เครื่องสำอาง Cruelty Free
1. เป็นหนึ่งเสียงสำคัญของการเปลี่ยนแปลง
จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากขนาดแรงสนับสนุนและความตระหนักรู้ของผู้บริโภค การหันมาใช้เครื่องสำอางไม่ทดลองกับสัตว์ในวงกว้าง จึงถือเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนให้หลาย ๆ แบรนด์หยุดทารุณกรรมสัตว์ และถือเป็นการยุติความทุกข์ทรมานของสัตว์ เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีความโปร่งใส ทุกคนสวยได้โดยไม่ต้องเบียดเบียนน้อง ๆ
2. ดีต่อผิวเรา และดีต่อสัตว์โลก
ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้ทดลองในสัตว์ส่วนใหญ่จะผ่านกระบวนการตรวจสอบหลายขั้นตอนกว่าจะไปถึงมือผู้บริโภค ทำให้ผู้ผลิตเล็งเห็นถึงการใช้ส่วนผสมที่เป็นธรรมชาติแทนการใช้สารเคมี นอกจากนี้ ก็ยังมีแบรนด์ที่เป็นผลิตภัณฑ์ Vegan ที่ไม่มีส่วนผสมจากสัตว์อีกด้วย
3. ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่โปร่งใส
หลายคนอาจจะคิดว่าแล้วถ้าไม่ทดสอบในสัตว์ก่อน ผู้ใช้อย่างเราจะรู้ได้อย่างไรว่าปลอดภัยจริง ๆ ต้องบอกอย่างงี้ว่า ปัจจุบันเป็นยุคของเทคโนโลยี ยังมีวิธีอื่น ๆ อีกมากมายที่สามารถทำได้โดยไม่ต้องไปเบียดเบียนสัตว์ เช่น การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ และนำอวัยวะมาฝังชิบ เพื่อศึกษากระบวนการทางชีวภาพ นอกจากนี้ ยังมีวิธีการใช้เนื้อเยื่อที่ได้รับการบริจาคจากอาสาสมัครได้ด้วย ความแม่นยำจะเท่ากับการทดลองในสัตว์เลย
เคลียรประเด็น! Cruelty Free ≠ Vegan


Cruelty Free คือ ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีการทดลองกับสัตว์
Vegan คือ ไม่มีส่วนผสม (Ingredients) จากสัตว์ เช่น ขี้ผึ้ง, คอลลาเจน เป็นต้น ทำให้ผลิตภัณฑ์วีแกนนั้นไม่เกี่ยวข้องกับสัตว์แม้แต่น้อย
ซึ่งส่วนใหญ่คนอาจจะคิดว่าผลิตภัณฑ์ ‘Cruetly Free’ เป็น ‘Vegan’ ทั้งหมด แต่ความจริงแล้วผลิตภัณฑ์ที่เป็น Cruelty Free ก็อาจจะไม่ได้เป็น Vegan เสมอไป เพราะบางแบรนด์มีอาจมีการสกัดส่วนผสมมาจากสัตว์บ้าง แต่ใดใดหากผลิตภัณฑ์นั้นเป็น Vegan ก็จะพ่วงความเป็น Cruelty Free มาด้วย เอาใจสายรักษ์โลกสุด ๆ แต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเป็นสาย Vegan หรือ Cruelty Free ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีและน่าสนับสนุน ซึ่งหากใครที่ไม่ได้มีข้อจำกัดในการใช้เครื่องสำอางมาก การเลือกใช้เครื่องสำอาง Cruelty Free และเครื่องสำอาง Vegan ก็ถือเป็นทางเลือกที่ดีต่อใจมาก ๆ
มาถึงกันตรงนี้หลาย ๆ คนคงเข้าใจและรู้แล้วว่า Cruelty free คืออะไรกันแน่ อีกท้ังในปัจจุบันกระแส Vegan และ Cruelty free ก็กำลังเป็นที่นิยม จนทำให้หลายแบรนด์ต้องปรับตัวให้เข้ากับกระแสสังคมไปตาม ๆ กัน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ ต่อไปใครที่จะซื้อเครื่องสำอางหรือสกินแคร์ ก็อย่าลืมสังเกตสัญลักษณ์เจ้ากระต่ายน้อยกัน นอกจากจะเป็นการเซฟเพื่อนร่วมโลกแล้ว ก็ยังจะทำให้ทุกคนได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพต่อผิวเราและต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย มาเป็นอีกหนึ่งเสียงสำคัญที่ผลักดันแคมเปญนี้กัน สำคัญใครที่อยากรู้ต่อว่าแล้วจะเลือกเครื่องสำอาง vegan ยี่ห้อไหนดี 2022 ก็สามารถไปตามต่อได้เลยที่ Shopee Blog และ ช้อปเครื่องสำอาง Cruelty free ได้ที่ Shopee!
อ้างอิง: