ในสมัยที่เราเป็นเด็กก็มักจะเติบโตมาด้วยเรื่องเล่าหรือนิทานที่หลากหลาย เป็นเรื่องจริงบ้าง เป็นความเชื่อจากคนสมัยก่อนที่เล่าสืบทอดกันมา แต่ก็ต้องยอมรับว่านิทานนั้นเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เรามีจิตนาการ จนในบางครั้งเราก็มีความผูกพันกับเรื่องเล่านั้น ถึงขนาดที่บางเรื่องอาจเปลี่ยนพฤติกรรมของเราไปตลอดเลยทีเดียว นิทานหรือตำนานในแต่ละพื้นที่นั้นก็มีความเชื่อและเรื่องเล่าที่แตกต่างกันออกไป วันนี้ เรามี 3 นิทานยอดฮิตของชาวตะวันตกที่คุณสามารถนำไปเล่าให้ลูกๆฟังต่อได้ในช่วงวันหยุดคริสมาสต์นี้ จะมีเรื่องอะไรบ้างไปติดตามกันได้เลย
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
1
ซานตาคลอส (Santa Claus)
แน่นอนว่าคงไม่มีใครไม่เคยเห็น หรือไม่เคยได้ยินนิทานเกี่ยวกับ คุณลุงหนวดขาวใจดีกับชุดสีแดง นามว่า “ซานตา คลอส” ที่จะคอยแจกของขวัญวันคริสต์มาสให้กับเหล่าเด็กน้อย แต่ทว่าต้นกำเนิดของนิทานเรื่อง ซานตาคลอส นั้นเริ่มต้นจากนักบุญผู้หนึ่งที่ชื่อ เซนต์ นิโคลัส ที่ชอบให้ของขวัญแก่คนทั่วไป แต่ด้วยการเขียนและการออกเสียงในแต่ละภาษาที่แตกต่างกันทำให้เกิดความผิดเพี้ยน เมื่อการบอกเล่าถูกส่งไปยังฝั่งอเมริกาจึงกลายเป็นชื่อ ซานตาคลอส อย่างที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน
ตามนิทานเรื่องเล่าที่สืบทอดกันมานั้น ซานตาคลอส อาศัยอยู่ในแถบขั้วโลกเหนือกับภูตตัวน้อยจำนวนมากที่เรียกว่า เอลฟ์ (Elf) ที่คอยช่วยผลิตขนมเพื่อไปแจกเด็ก ๆ ในคืนวันที่ คริสต์มาสอีฟ และมียานพาหนะเป็นเลื่อนเทียมที่มาพร้อมกับกวางเรนเดียร์ ที่มาการแขวนถุงเท้านั้นมาจากการที่ ซานตาคลอส พยายามจะปีนเข้าบ้านของเด็กหญิงยากจนคนหนึ่งเพื่อนำถุงเงินไปให้ แต่บังเอิญถุงเงินเกิดหล่นไปยังถุงเท้าที่ตากไว้ข้างเตาผิงพอดิบพอดี
จากตำนานที่ถูกเล่าต่อกันมา ทำให้หลายครอบครัวนำเรื่องซานตาคลอสขึ้นมาเป็นกลอุบายเพื่อให้เด็กๆในบ้านนั้นว่านอนสอนง่าย ถ้าหากเชื่อฟังซานตาคลอสจะให้ของขวัญในวันคริสต์มาส และหากเป็นเด็กดื้อก็จะได้เพียงแค่ถ่านไม้แทนของขวัญวันคริสต์มาสเท่านั้น
2
นางฟ้าฟันน้ำนม (Tooth Fairy)
สำหรับชาวไทยอย่างเรา เชื่อว่าหลายคนเคยโดนกลอุบายเกี่ยวกับฟันน้ำนมในสมัยเด็กที่ว่า หากฟันบนหลุดให้นำไปฝังดินเพื่อให้ฟันงอกขึ้นมาใหม่หมือนต้นไม้ และหากฟันล่างหลุดโยนขึ้นบนหลังคา ในฝั่งของชาวตะวันตกเองก็มีความเชื่อเรื่องฟันเช่นเดียวกัน โดยเด็กๆในฝั่งตะวันตกนั้นหากฟันน้ำนมหลุดนั้นให้ซ่อนไว้ใต้หมอน ในช่วงเวลากลางคืนจะมี “นางฟ้าฟันน้ำนม” ที่จะมาเก็บฟันซี่นั้นไป และมอบเงินจำนวนหนึ่งให้
เชื่อว่าหลายคน คงจะคุ้นเคยกับ “แฟรี่” หรือ “ภูตนางฟ้าตัวน้อย” ที่ปรากฏให้เห็นกันอยู่ในละครหรือภาพยนตร์ของชาวตะวันตกกันอยู่หลายเรื่อง ว่ากันว่าหน้าตาของนางฟ้าฟันน้ำนมนั้นน่าจะมีลักษณะที่คล้ายกัน คือเป็นหญิงสาว ร่างเล็กหน้าตาน่ารัก บุคลิกใจดีและมีปีกลักษณะใสที่แอบบินเข้าห้องนอนในยามวิกาล
เรื่องเล่าของนางฟ้าฟันน้ำนมถูกดัดแปลงให้กลายเป็นกลอุบายในการจูงใจให้เด็กดูแลรักษาสุขภาพฟันมากขึ้นว่าถ้าหากเด็กฟันที่แข็งแรง นางฟ้าก็จะมอบเหรียญให้กับเด็กคนนั้นเยอะกว่า เด็กที่ไม่ยอมดูรักษาสุขภาพฟันนั่นเอง
3
แจ็ก โอแลนเทิร์น (Jack O Lantern)
Credit : Colton Sturgeon / Unsplash
มาถึงคนรักเรื่องสยองขวัญกันบ้าง กับตำนานของ “แจ็กโอแลนเทิร์น” ที่เป็นจุดเริ่มต้นของตะเกียงฟักทองในวันฮาโลวีน นั่นเอง เรื่องเล่าโบราณของชาวไอร์แลนด์ที่กล่าวชาวนาจอมจ้าเล่ห์คนหนึ่ง นามว่า แจ็คจอมตืด เพราะครั้งหนึ่งที่แจ็กเคยดื่มเหล่าสังสรรค์กับเหล่าซาตาน แต่ว่าตนเองนั้นไม่อยากจ่ายเงินก็เลยหลอกล่อให่ ซาตานนั้นแปลงร่างเป็นเหรียญเพื่อที่จะนำเงินนี้ไปจ่ายค่าสุรา แต่สุดท้าย แจ็กกลับคว้าร่างของซาตานขณะที่แปลงเป็นเหรียญแล้วผูกติดกับไม้กางเขนไว้ เพื่อไม่ให้ซาตานสามารถกลับคืนยังร่างเดิมได้
และอีกหนึ่งครั้งที่ทำให้เรื่องราวของ แจ็ก กลายเป็น นิทานแจ็คโอแลนเทิร์นที่อยู่คู่กับวันฮาโลวีนจนถึงทุกวันนี้ เกิดจากครั้งหนึ่งที่ แจ็กได้ท้าทายซาตานให้ปีนขึ้นไปเก็บผลแอปเปิ้ล และเมื่อซาตานหลงกลและยอมทำตามคำท้าทาย แจ็กก็ได้นำสร้อยกางเขนพันรอบต้นแอปเปิ้ล ทำให้ซาตานนั้นไม่สามารถลงจากต้นแอปเปิ้ลได้ เพื่อให้ซาตานยอมรับข้อเสนอว่า เมื่อเขาตายจะต้องไม่นำวิญญาณของเขาลงนรกเด็ดขาด
และเมื่อแจ็กเสียชีวิตลง ทำให้วิญญาณของเขาต้องเร่ร่อนและไม่มีที่ไป ซาตานจึงได้ส่องไฟนำทางให้กับเขา และเมื่อถึงวันฮาโลวีนที่เป็นความเชื่อว่าเป็นวันที่ประตูนรกเปิดชาวบ้านจึงส่องไฟแล้วครอบด้วยหัวผักกาดเพื่อนำทางให้กับดวงวิญญาณเร่ร่อน ภายหลังเปลี่ยนมาใช้ฟักทองเนื่องจาก สามารถหาได้ง่ายกว่าและแกะสลักได้ง่ายกว่า
ก็จบกันไปแล้วกับ 3 นิทานที่เป็นเรื่องเล่าสุดฮิตของชาวตะวันตกที่เหล่าคุณพ่อคุณแม่มักจะหยิบขึ้นมาเล่าให้เด็กๆฟัง การเล่านิทานให้เด็กฟังนอกจากจะเป็นกลอุบายให้เด็กว่านอนสอนง่ายแล้ว ยังเป็นการเสริมสร้างพัฒนาการให้ลูกน้อย คุณสามารถเลือกหนังสือนิทานแบบมีเสียง หรือ หนังสือนิทานแบบผ้าที่จะทำให้เขามีจินตนาการร่วมไปกับเล่านิทานของคุณมากขึ้น นอกจากนี้คุณพ่อคุณแม่ยังสามารถเลือกเล่าได้ทั้ง นิทานภาษาไทย หรือจะเล่านิทานภาษาอังกฤษเพื่อเป็นการฝึกทักษะภาษาของลูกให้แข็งแรงได้อีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก