ปลั๊กไฟ อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ทุกบ้านจะต้องมีอย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้อุปกรณ์ไฟ้ฟ้าต่าง ๆ ภายในบ้านของคุณสามารถใช้งานได้ โดยส่วนมากแล้วปลั๊กไฟตามบ้านจะอยู่ติดผนัง ทำให้ไม่ค่อยสะดวกในการใช้งาน เนื่องจากอุปกรณ์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ๆ เดี๋ยวนี้มักทำออกมาเป็นหัวปลั๊ก 3 ขา ซึ่งอาจไม่เข้ากับเต้ารับติดผนัง หรือสายไฟมีความยาวไม่เพียงพอต่อพื้นที่ที่จะใช้งาน และเพื่ออำนวยความสะดวกสบายในการใช้งานให้มากขึ้น คนส่วนใหญ่จึงนิยมเลือกใช้ “ปลั๊กพ่วง” หรือเรียกติดปากว่า “ปลั๊กสามตา” ใครที่เคยซื้อปลั๊กพ่วงมาใช้แล้วมักเกิดปัญหาฟิวส์ขาดหรือไฟช็อตบ้าง แสดงว่าปลั๊กไฟที่ซื้อมาอาจไม่ได้มาตรฐาน ฉะนั้น วันนี้เราจึงได้รวบรวมข้อมูลควรเลือกซื้อ ปลั๊กไฟยี่ห้อไหนดี มีคุณภาพ เน้นความปลอดภัยสูง พร้อมทั้งเกร็ดความรู้เกี่ยวกับปลั๊กไฟนำมาฝาก ก่อนตัดสินใจซื้อปลั๊กพ่วงยี่ห้อไหนดีเข้าบ้าน
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
ลิสต์ 10 ปลั๊กไฟยี่ห้อไหนดี คุณภาพเยี่ยม ได้มาตรฐาน ปลอดภัยชัวร์!
ใครกำลังหาซื้อปลั๊กพ่วงหรือปลั๊กสามตามาใช้งานนั้น แต่เลือกซื้อไม่ถูกว่าปลั๊กยี่ห้อไหนดี อาจเป็นเพราะเราจะเห็นว่ามีปลั๊กพ่วงวางขายตามท้องตลาดเยอะมาก ๆ หลากหลายยี่ห้อ ราคามีตั้งแต่หลักสิบไปจนถึงหลักร้อยขึ้นไป เราจึงไปลิสต์ 10 ปลั๊กพ่วงยี่ห้อไหนดี มาแนะนำให้กับทุกคน แต่ละรุ่นมีฟังก์ชันการใช้งาน สามารถเสียบได้กี่ปลั๊ก ผ่านมาตรฐานอะไรบ้าง เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน เตรียมจดลิสต์แล้วหาไปซื้อตามมาใช้กันได้เลยจ้าาาาา
1. ปลั๊กไฟ Panasonic 3 ช่อง 3 สวิตซ์
เริ่มต้นกันด้วย ปลั๊กไฟ Panasonic มาพร้อมขนาดที่เล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบา พกพาสะดวก ฝาครอบผลิตจากพลาสติกเกรดดีอย่าง ABS มีคุณสมบัติทนความร้อนได้ดี สามารถรองรับกำลังไฟได้ถึง 16 แอมแปร์/250 โวลต์ สูงสุด 3500 วัตต์ ใช้งานได้อย่างปลอดภัย รุ่นนี้ผ่านการรับรองตามมาตรฐานมอก. 166-2549 และ 824-2551 อีกทั้งยังมีฟังก์ชันความปลอดภัยมาให้ด้วย ซึ่งตรงปลั๊กไฟจะมีม่านนิรภัยป้องกันฝุ่นผงเข้าและนิ้วมือสัมผัส ช่วยป้องกันไฟฟ้าดูด ส่วนสายไฟและขั้วต่อหุ้มฉนวนอย่างดี เพื่อป้องกันกระแสไฟฟ้ารั่ว และยังมีสวิตช์ควบคุมการจ่ายกระแสไฟฟ้า ทำให้ใช้งานได้สะดวก
จำนวนช่องเสียบ: 3 ช่อง
ความยาวสายไฟ: 5 เมตร
รองรับกำลังไฟสูงสุด: 3,500 วัตต์
2. ปลั๊กไฟ Panasonic 6 ช่อง
ใครอยากได้ปลั๊กพ่วง เน้นช่องเสียบเยอะ ๆ แนะนำเป็น ปลั๊กไฟ Panasonic 6 ช่อง รุ่นสายยาว 3 เมตร ดีไซน์สวยงาม ตัวเครื่องสีขาว ระบบความปลอดภัยดีเยี่ยม ด้วยเบรคเกอร์ตัดกระแสไฟเกิน 16A มีม่านนิรภัยป้องกันการถูกไฟดูด ส่วนขั้วต่อสายถูกออกแบบมาให้มีความทนทาน รางปลั๊กผลิตจากพลาสติกคุณภาพดี จึงค่อนข้างแข็งแรงทนทานต่อการใช้งาน ส่วนเต้ารับมีมาก 6 ช่อง จึงจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าได้หลายประเภท ด้วยกำลังไฟสูงสุด 3,500 วัตต์ รุ่นนี้ยังผ่านการรับรองมาตรฐาน มอก. จึงมั่นใจความปลอดภัยได้ และยังใช้งานได้ทั้งปลั๊กไฟ 2 ขา และ 3 ขา คุ้มค่าน่าซื้อใช้จริง ๆ
จำนวนช่องเสียบ: 6 ช่อง
ความยาวสายไฟ: 3 เมตร
รองรับกำลังไฟสูงสุด: 3,500 วัตต์
3. ปลั๊กไฟ Anitech รุ่น 123
ต่อด้วยปลั๊กไฟ Anitech รุ่น 123 จัดว่าเป็นรุ่นยอดนิยมของยี่ห้อนี้ที่ควรมีติดบ้าน ราคาแต่ร้อยกว่าบาทเท่านั้น เสียบปลั๊กไฟได้มาก 3 ช่อง สามารถรองรับกำลังไฟสูงสุด 2,200 วัตต์ มีสวิตช์เปิด-ปิด มีไฟแสดงสถานะการใช้งาน เพิ่มความปลอดภัยด้วยตัวโอเวอร์โหลดในตัว ตัดไฟให้อัตโนมัติหากมีการใช้ไฟเกินขนาด ตัวปลั๊กผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง มีความแข็งแรง ทนทานได้เป็นอย่างดี ส่วนประกอบอื่น ๆ ของปลั๊กไฟตรงตามมาตรฐาน มอก.ที่กำหนด จึงมั่นใจคุณภาพและความปลอดภัยการใช้งานได้ ด้วยรางวัลการันตีคุณภาพ พร้อมรับประกันความเสียหายสูงสุด 100,000 บาท และปลั๊กไฟ Anitech รุ่นนี้มีให้เลือกหลายสี ชอบสีไหนเข้ามาช้อปได้เลย
จำนวนช่องเสียบ: 3 ช่อง
ความยาวสายไฟ: 2 เมตร
รองรับกำลังไฟสูงสุด: 2,200 วัตต์
4. ปลั๊กไฟ Gongniu รุ่น T1030
ปลั๊กไฟยี่ห้อไหนดี ราคาหลักร้อย คุณภาพจัดเต็ม ต้องยกให้ยี่ห้อ Gongniu ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายรุ่นมาก ๆ แต่รุ่นอยากแนะนำให้กับใครที่มองหาปลั๊กไฟไว้ใช้งานภายในบ้าน เลือกเป็นรุ่น T1030 จะเป็นปลั๊กไฟที่มีมากถึง 3 ช่อง พร้อมสวิตช์เปิด-ปิดให้ 1 ตัว ความยาวสายอยู่ที่ 3 เมตร ความยาวกำลังดี ไม่ยาวจนเกินไป เหมาะกับการใช้งานภายในบ้าน จัดเก็บสายไฟได้สะดวก ส่วนตัวปลั๊กผลิตจากทองเหลืองแท้ 100% ทำให้มีอายุการใช้งานอยู่ที่ 5,000 รอบ เปิด/ปิด 10,000 รอบ รองรับกำลังไฟสูงสุด 2,300W แรงดันไฟฟ้าสูงสุด 250V ยังทนความร้อนได้สูงถึง 750 องศาเซลเซียส เพิ่มความปลอดภัยการใช้งานด้วยม่านนิรภัยป้องกันไฟดูด ยิ่งบ้านใครมีเด็กแนะนำให้ซื้อปลั๊กแบบนี้ อีกทั้งยังตัวปลั๊กไฟมีเบรคเกอร์ มีวงจรตัดไฟ ถ้าใช้ไฟเกินระบบตัดไฟทันที และยังได้รับมาตรฐานจาก มอก. อีกด้วย
จำนวนช่องเสียบ: 3 ช่อง
ความยาวสายไฟ: 3 เมตร
รองรับกำลังไฟสูงสุด: 2,300 วัตต์
5. ปลั๊กไฟ Toshino รุ่น ET-915
ปลั๊กไฟ Toshino รุ่น ET-915 อีกหนึ่งยี่ห้ออยากแนะนำ เผื่อว่าใครกำลังมองหาปลั๊กพ่วงคุณภาพดี แนะนำให้ซื้อรุ่นนี้ ผ่านการรับรองตามมาตรฐาน มอก. 2432-2555 มีระบบป้องกันกระแสไฟเกินอัตโนมัติ ถ้าใช้ไฟเกินก็จะตัดไฟให้ทันที ระบบป้องกันไฟกระชากทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ได้รับความเสียหาย นอกจากนี้แล้วตัวปลั๊กไฟผลิตจากวัสดุไม่ลามไฟ ซึ่งเป็นพลาสติกคุณภาพดี ยังมีม่านนิรภัยป้องกันไฟดูดให้ด้วย ข้อดีอีกอย่างของปลั๊กไฟ Toshinoรุ่นนี้ มีตัวสวิตช์เปิด-ปิด การใช้งานให้แบบแยกเต้าเสียบ ใช้เสียบช่องไหนก็เปิดสวิตช์ช่องนั้น และยังสามารถใช้งานเสียบได้ทั้งแบบ 2 ขา และ 3 ขา ใช้ได้ทั้งในบ้านและนอกสถานที่
จำนวนช่องเสียบ: 5 ช่อง
ความยาวสายไฟ: 3 เมตร
รองรับกำลังไฟสูงสุด: 2,300 วัตต์
6. ปลั๊กไฟ Toshino รุ่น TIS515USB
หากคุณกำลังมองหาปลั๊กพ่วงที่สามารถเสียบสายชาร์จ USB ได้ แนะนำเป็นปลั๊กไฟ Toshino รุ่น TIS515USB ตอบโจทย์การใช้งานคุณได้เป็นอย่างดี รุ่นนี้ผ่านการรับรองมาตรฐาน มอก. ทั้งตัวเต้ารับ เต้าเสียบ และสายไฟ รองรับกำลังไฟได้ 3,600 W มาพร้อมเต้ารับ 5 ช่อง และมีช่องเสียบ USB ให้อีก 2 ช่อง สามารถใช้เสียบชาร์จสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตได้ ทำให้สะดวกสบายในการใช้งาน วางไว้ในห้องทำงานหรือห้องนอน พอแบตมือถือหมดเมื่อไหร่ก็เสียบชาร์จได้ทันที เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน ด้วยสวิตช์ควบคุมการเปิด – ปิด แบบแยกเต้าใครเต้ามัน และเพิ่มความปลอดภัยการใช้งาน มีระบบป้องกันกระแสไฟเกินให้แบบอัตโนมัติ ม่านนิรภัยป้องกันไฟดูดได้ เหมาะสำหรับใช้งานในบ้าน หรือพกพาเวลาไปเที่ยวต่างจังหวัดก็สะดวกมาก ๆ
จำนวนช่องเสียบ: 5 ช่อง USB 2 ช่อง
ความยาวสายไฟ: 5 เมตร
รองรับกำลังไฟสูงสุด: 3,600 วัตต์
7. ปลั๊กไฟ Anitech รุ่น H5154
ปลั๊กไฟ Anitech รุ่น H5154 มาพร้อมเต้ารับ 4 ช่อง และมีช่องเสียบ USB ให้อีก 2 ช่อง สายไฟมีความยาวถึง 5 เมตร เหมาะสำหรับใช้งานภายในบ้าน หรือนำออกเที่ยวได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตัวปลั๊กไฟทันสมัย เสียบชาร์จด้วย USB แบบ 5VDC 2.4A Share รองรับกำลังไฟสูงสุดถึง 2,200 วัตต์ ผลิตจากวัสดุคุณภาพดี มีความแข็งแรง และทนทานต่อการใช้งานสุด ๆ จัดเต็มด้วยคุณภาพ พร้อมรับประกันตัวปลั๊กไฟให้นานถึง 10 ปี ซื้อครั้งเดียวใช้งานแบบยาว ๆ ไปเลย และเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน ด้วยสวิตช์ควบคุมการเปิด – ปิด แบบแยกเต้าเสียบให้ จึงช่วยประหยัดไฟฟ้า แถมยังป้องกันไฟดูดด้วยม่านนิรภัยป้องกัน เสียบไฟได้ทั้งแบบ 2 ขา และ 3 ขา อีกทั้งผ่านการรับรองมาตรฐาน มอก. มั่นใจความปลอดภัยการใช้งานได้
จำนวนช่องเสียบ: 4 ช่อง USB 2 ช่อง
ความยาวสายไฟ: 5 เมตร
รองรับกำลังไฟสูงสุด: 2,200 วัตต์
8. ปลั๊กไฟ Anitech รุ่น H622
ถ้าคุณกำลังตามหาปลั๊กไฟขนาดเล็กกะทัดรัด พกพาได้สะดวก สามารถเสียบสายชาร์จ USB ได้ ห้ามพลาดเลยกับ ปลั๊กไฟ Anitech รุ่น H622 มาพร้อมดีไซน์สวยงาม สีสันสดใส มีให้เลือกด้วยกันหลายสี ขนาดเล็กจิ๋วสุด ๆ พกใส่กระเป๋าไปไหนมาไหนได้สบาย ตัวปลั๊กผลิตจากวัสดุคุณภาพอย่างดี ผ่านมาตรฐานกระทรวงอุตสาหกรรม มอก. มั่นใจความปลอดภัยการใช้งานได้ มีระบบในการป้องกันอย่างดี ส่วนเต้าเสียบปลั๊กไฟให้ 2 ช่อง และช่องเสียบ USB แบบ 5VDC 2.4A ให้อีก 2 ช่องด้วยกัน สามารถเสียบชาร์จอุปกรณ์ที่เป็น USB ได้สบาย ตัวสายไฟมีความยาวประมาณ 2 เมตร กำลังพอดี ไม่สั้นหรือยาวจนเกินไป รองรับกระแสไฟได้สูงสุด 3500 วัตต์ พร้อมรับประกันตัวเครื่องให้นานถึง 5 ปี ถ้าถามว่าซื้อปลั๊กยี่ห้อไหนดีที่มีช่อง USB แนะนำรุ่นนี้ ตอบโจทย์ได้ดี
จำนวนช่องเสียบ: 2 ช่อง USB 2 ช่อง
ความยาวสายไฟ: 2 เมตร
รองรับกำลังไฟสูงสุด: 3,500 วัตต์
9. ปลั๊กไฟ Randy USB
ปลั๊กไฟยี่ห้อไหนดี เหมาะสำหรับเสียบชาร์จ USB โดยเฉพาะ ต้องยี่ห้อนี้เลย Randy จัดเต็มช่องเสียบ USB ให้มาแบบจุก ๆ มากถึง 5 ช่อง โดยจะมีช่อง USB 3.1A ให้ 1 ช่อง และช่อง USB 2.4A ให้อีก 4 ช่อง รองรับการชาร์จเร็วได้ ทำให้ไม่เสียเวลาชาร์จเลย ราคาเพียงแค่หลักร้อย แต่คุณภาพบอกเลยว่าเกินร้อยแน่นอน ตัวเครื่องทำจากวัสดุคุณภาพอย่างดี ทนความร้อนได้ดี ขนาดเล็กกะทัดรัด พกพาง่าย น้ำหนักเบา และใช้ชาร์จกับมือถือได้เกือบทุกรุ่น ใครเดินทางบ่อย ๆ แนะนำให้หาซื้อปลั๊กไฟรุ่นติดกระเป๋าไว้เลย สามารถใช้งานได้ทั่วโลกรวมถึงประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ มั่นใจความปลอดภัยการใช้งานได้ เพราะปลั๊กไฟรุ่นนี้ผ่านการรับรองตามมาตรฐานของ มอก. เป็นอีกหนึ่งที่ควรซื้อติดไว้ใช้งาน
จำนวนช่องเสียบ: USB 5 ช่อง
ความยาวสายไฟ: 1.5 เมตร
รองรับกำลังไฟสูงสุด: 2,300 วัตต์
10. ปลั๊กพ่วงไร้สาย Randy รุ่น X33U
สุดท้ายกับปลั๊กพ่วงไร้สายจากยี่ห้อ Randy มาพร้อมปลั๊กเสียบ 2 ช่อง และช่องเสียบ USB ให้อีก 2 ช่อง ซึ่งรุ่นนี้ใช้งานกับเสียบผนังบ้านช่วยทำให้ประหยัดพื้นที่ ไม่มีสายให้เกะกะ ป้องกันการสะดุดล้มได้ ดีไซน์สวยทันสมัย ปลั๊กพ่วงไร้สายรุ่นนี้ ผลิตจากทองแดงบริสุทธิ์ 100% ทนต่อความร้อนได้ดี ควบคุมการใช้งานด้วยสวิตช์แยกในแต่ละเต้า พร้อมไฟที่แสดงสถานะการใช้งาน สามารถรองรับกำลังไฟสูงสุดถึง 4,000 วัตต์ ถือว่าเป็นกำลังไฟสูงมาก จึงใช้เสียบอุปกรณ์ช่างต่าง ๆ รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟสูงอย่าง เตาบาร์บีคิว เตารีดไอน้ำ เตาอบ หม้อสุกี้ไฟฟ้า เครื่องปั่นกำลังแรงสูง ฯลฯ ยังมั่นใจความปลอดภัยในการใช้งานได้ เพราะรุ่นนี้ผ่านการรับรับรองตามมาตรฐานของ มอก. มีระบบป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและไฟไหม้ได้อีกด้วย
จำนวนช่องเสียบ: 2 ช่อง USB 2 ช่อง
รองรับกำลังไฟสูงสุด: 4,000 วัตต์
ประเภทของปลั๊กพ่วง
เบื้องต้นมาทำความรู้จักกับปลั๊กไฟให้มากขึ้น ก่อนที่จะไปเลือกซื้อ ปลั๊กไฟยี่ห้อไหนดี ซึ่งปัจจุบันปลั๊กพ่วงนั้นมีให้เลือกหลากหลายประเภท โดยแบ่งออกเป็น 5 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
- ปลั๊กพ่วง 2 ขา นิยมใช้กันมากตามบ้าน ด้วยขนาดกะทัดรัดกำลังดี ไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป น้ำหนักเบา พกพาสะดวก ส่วนใหญ่จะมีเต้าเสียบให้ประมาณ 3 – 5 ช่อง หลายคนนิยมซื้อมาเสียบกับโคมไฟ หม้อหุงข้าว กระติกน้ำร้อน หรือใช้ชาร์จมือถือ แท็บเล็ต เป็นต้น และเดี๋ยวนี้ปลั๊กไฟรุ่นใหม่ ๆ มักจะมีช่องเสียบ USB มาให้ในตัวด้วย เช่น ปลั๊กไฟ Panasonic หรือ ปลั๊กไฟ Anitech เป็นต้น
- ปลั๊กโรล จะเป็นปลั๊กพ่วงที่มีเตาเสียบและสายไฟม้วนเก็บในตัว ส่วนใหญ่แล้วจะรองรับการใช้งานด้วยไฟที่กำลังแรงสูง 2500W-3500W สายไฟค่อนข้างยาวตั้งแต่ 10 เมตรขึ้นไป จึงนิยมใช้เวลาต้องต่อเข้ากับปลั๊กไฟระยะไกล ๆ ตรงหัวเสียบมีให้เลือกทั้งแบบ 2 ขา และแบบ 3 ขา และเหมาะกับเน้นใช้ไฟที่มีกำลังแรงสูง ๆ
- ปลั๊กพ่วงแบบบล็อกยางสนาม ไม่ค่อยนิยมใช้ในบ้านเรือนสักเท่าไหร่ ส่วนมากแล้วจะใช้กับงานช่างกันมากกว่า หรือใช้งาน Outdoor รองรับกำลังไฟได้มากถึง 3500W ทั้งนี้ขึ้นอยู่แต่ละรุ่น ในส่วนของตัวบอดี้นั้นจะเป็นยาง เพื่อแรงกระแทก มีความแข็งแรง ทนทานต่อการใช้งานเป็นอย่างมาก และสายไฟมีขนาดที่ยาว
- ปลั๊กกรองไฟ ตัวนี้จะมีราคาค่อนข้างสูง ส่วนใหญ่จะนำมาเชื่อมต่อกับพวกอุปกรณ์ประเภทเครื่องเสียง โฮมเธียร์เตอร์ ทีวี หรืออุปกรณ์ภาพและเสียงที่มีราคาแพง (AV) ด้วยฟังก์ชันการใช้งานของปลั๊กไฟรุ่นนี้มีตัวกรองสัญญาณภาพและเสียง เพื่อไม่ให้มีสัญญาณมารบกวน จึงทำให้ปลั๊กไฟนี้มีประสิทธิภาพสูง ราคาเลยสูงตามไปด้วย
- ปลั๊กพ่วงกันไฟกระชาก ซึ่งเป็นปลั๊กไฟที่มีความปลอดภัยในการใช้งานสูงมาก ๆ เพราะมีระบบช่วยกันไฟกระชาก และการระเบิดที่หม้อแปลง ทำให้อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เสียบใช้งานอยู่นั้น ไม่เกิดความเสียหาย โดยปกติแล้วปลั๊กพ่วงกันไฟกระชากนี้ สามารถรองรับไฟได้ 10A 2500W หรือ 16A 3500W ขึ้นอยู่กับแต่ละยี่ห้อ
วิธีเลือกซื้อปลั๊กไฟอย่างไรให้คุ้มค่ามากที่สุด
เมื่อรู้กันไปแล้วว่าจะเลือกซื้อ ปลั๊กไฟยี่ห้อไหนดี เพื่อมาใช้งานให้เหมาะสม และตอบโจทย์การใช้งานได้มากสุด คราวนี้ถึงวิธีการเลือกซื้อปลั๊กไฟกันบ้าง ควรเลือกซื้ออย่างไร ต้องพิจารณาจากอะไร ถึงจะรู้ว่าเราได้ปลั๊กไฟที่ดีมีคุณภาพและปลอดภัยในการใช้งาน ลองมาเคล็ดลับวิธีการเลือกซื้อปลั๊กไฟ มีอะไรบ้างนั้น ตามมาดูกันเลย
- ควรคำนึงถึงความปลอดภัยในการใช้งาน ต้องเป็นสินค้าที่มาตรฐานและผ่านการทดสอบ
- เลือกขนาดความยาวสายไฟ ถ้าซื้อมาเพื่อเชื่อมต่อใช้งานภายในบ้าน อาจจะเลือกความยาวอยู่ที่ 2-3 เมตร แต่ถ้าต้องการซื้อมาใช้งานนอกบ้าน อาจจะเลือกความยาวสัก 5-10 เมตร ควรเลือกซื้อให้พอดีกับความต้องการ เพื่อสะดวกในการใช้งาน
- พิจารณาถึงจำนวนช่องเสียบต่อของปลั๊กไฟ เดี๋ยวนี้มีให้เลือกตั้งแต่ 2 ช่องขึ้นไป ดังนั้น ถ้าบริเวณนั้นต้องการต่อพ่วงปลั๊กไฟมาก แนะนำให้เลือกปลั๊กสามตาที่มีหลายช่อง เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ
- แนะนำให้เลือกปลั๊กพ่วงที่มีสวิตช์เปิด-ปิด และควรเลือกที่เป็นเต้าเสียบ 3 ขา เนื่องจากเครื่องใช้ไฟฟ้าส่วนใหญ่มักเป็นแบบ 3 ขาทั้งนั้น
- ควรพิจารณาระยะห่างระหว่างเต้ารับด้วย เพราะหัวปลั๊กของอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ จะมีขนาดที่แตกต่างกัน ถ้าเต้ารับอยู่ใกล้จนเกินไป แต่เราซื้อมาหลายช่อง อาจไม่มีประโยชน์ เพราะเวลาใช้งานจริงจะเสียบได้แค่ไม่กี่ช่อง
- ให้เลือกปลั๊กพ่วงที่มีช่องเสียบ USB ด้วยจะดีมาก ๆ เพราะเดี๋ยวนี้อุปกรณ์ไฟฟ้าไม่ได้มีเพียงแค่ปลั๊กเสียบแบบ 2 ขาหรือ 3 ขา เท่านั้น แต่ยังมีสายที่เป็น USB ด้วย
- ควรเลือกปลั๊กไฟที่มีฟังก์ชันเสริมความปลอดภัย เช่น มีระบบป้องกันไฟกระชาก มีระบบการตรวจจับความร้อน ปลั๊กไฟที่มีระบบล็อกอัตโนมัติ เปิดสวิตช์จึงมีกระแสไฟไหลผ่านเข้ามาเท่านั้น หรือมีการตัดไฟอัตโนมัติ เมื่อตรวจจับได้ว่าใช้ไฟเกิน ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน
ปลั๊กไฟยี่ห้อไหนดี ฟังก์ชันหลากหลาย ผ่านมาตรฐาน มอก. ราคาสุดคุ้ม คัดมาให้แล้ว!!
คราวนี้ก็คงหมดคำถามแล้วว่าจะเลือกซื้อ ปลั๊กไฟยี่ห้อไหนดี ในบทความนี้ Shopee ได้คัดมาให้แล้วว่าปลั๊กไฟยี่ห้อไหนมีจุดเด่น จุดด้อย คุณสมบัติการใช้งานมีอะไรบ้าง สามารถลองนำมาเปรียบเทียบ เพื่อช่วยให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น เพื่อให้คุ้มค่ากับการใช้งานมากที่สุด ซึ่งบางครั้งคิดว่าซื้อปลั๊กยี่ห้อไหนดีที่สุด แล้วต้องคุ้มค่าการใช้งานแน่นอน แต่พอถึงเวลาใช้จริงกลับไม่เป็นอย่างนั้น ดังนั้น สิ่งสำคัญก่อนตัดสินใจ นอกจากพิจารณายี่ห้อแล้ว ยังต้องเช็คดูคุณสมบัติ ฟังก์ชันการใช้งาน จำนวนช่องเสียบปลั๊กไฟ ความยาวสาย ประเภทของช่องเสียบต่อไฟ รวมถึงความสามารถในการส่งออกกระแสไฟฟ้าอีกด้วย และที่สำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเลยคือต้องเป็นปลั๊กไฟที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง อ่านจบเพื่อน ๆ คงสามารถไปหาซื้อปลั๊กไฟไว้ใช้งานกันได้แล้วหรือใครที่อยากจะใช้ไฟฟ้าจากธรรมชาติก็สามารถลองซื้อแผงโซล่าเซลล์มาใช้ก็ได้ เป็นการพลังงานไปในตัวอีกด้วย