สำหรับผู้ขับขี่ยานพาหนะบนท้องถนนไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ก็ตาม จำเป็นต้องมีใบอนุญาตขับขี่ หรือเรียกสั้น ๆ ว่า ใบขับขี่ เป็นเอกสารทางราชการที่ใช้ยืนยืนยันตัวตนว่าบุคคลนี้ มีความสามารถรวมถึงความรู้ในการขับขี่ยานพาหนะแต่ละประเภท และเมื่อขับขี่ยานพาหนะไปบนท้องถนน จำเป็นต้องพกใบขับขี่ตัวจริงติดตัวไปด้วยทุกครั้ง แต่เมื่อไม่นานมานี้ กฎหมายบ้านเราก็มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ทันตามยุคสมัย โดยมีกฎหมายให้สามารถพกใบขับขี่รถยนต์เป็นรูปแบบของสำเนาภาพถ่ายแทนใบขับขี่รถยนต์ตัวจริงได้ มีผลบังคับใช้ 19 กันยายน 2562 เป็นต้นไป
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
รายละเอียดการพกใบขับขี่รถยนต์แบบสำเนาภาพถ่าย
ในราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศพ.ร.บ.ฉบับใหม่เกี่ยวกับกฎหมายจราจรทางบก ฉบับที่ 12 พ.ศ. 2562 มาตรา 31/1 มีรายละเอียดสำคัญว่า
ในขณะขับรถในทางเดินรถ ผู้ขับขี่ต้องมีใบอนุญาตขับขี่อยู่กับตัวและต้องแสดงต่อเจ้าพนักงานจราจรเมื่อขอตรวจ ในกรณีที่ผู้ขับขี่แสดงใบอนุญาตขับขี่ด้วยวิธีการทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือสำเนาภาพถ่ายใบอนุญาตขับขี่ตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด ให้ถือว่าผู้ขับขี่มีใบอนุญาตขับขี่อยู่กับตัวแล้ว
ซึ่งกฎหมายการจราจรเรื่องใบขับขี่ฉบับนี้ จะมีผลบังคับใช้จริงคือ วันที่ 19 กันยายน 2562 ในระหว่างนี้ไม่สามารถใช้ได้ อีกทั้งต้องรอการกำหนดเงื่อนไขโดยประกาศอย่างเป็นทางการจากทางกรมขนส่งทางบกก่อน ว่าใบขับขี่รถยนต์ในรูปแบบภาพถ่ายนี้ มีเงื่อนไขแบบใด แบบไหนใช้ได้บ้าง
รูปแบบใบขับขี่รถยนต์ที่สามารถพกไปบนท้องถนน
หากมีการประกาศอย่างเป็นทางการเรื่องการอนุญาตให้พกใบขับขี่แบบสำเนาภาพถ่ายจากกรมขนส่งทางบก และถึงกำหนดวันบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้แล้ว ผู้ขับขี่ยานพาหนะบนท้องถนนจะสามารถพกใบขับขี่ได้ทั้งสิ้น 3 รูปแบบ คือ ใบขับขี่ตัวจริง ใบขับขี่อิเล็กทรอนิกส์ และใบขับขี่ในรูปแบบสำเนาภาพถ่าย
ใบขับขี่รถยนต์อิเล็กทรอนิกส์ คืออะไร
ผู้ขับขี่รถยนต์ทุกคนคงรู้จักกันดีอยู่แล้ว ว่าใบขับขี่รถยนต์ตัวจริงมีหน้าตาแบบไหน ส่วนสำเนาภาพถ่ายใบขับขี่ก็กำลังอยู่ในขั้นตอนรอเงื่อนไขจากทางกรมขนส่งทางบก ดังนั้นจะอธิบายในส่วนของใบขับขี่รถยนต์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ขับขี่รถยนต์ในการพกพา
สำหรับใบขับขี่รถยนต์อิเล็กทรอนิกส์ เริ่มใช้ได้จริงเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2562 เป็นต้นมา เป็นการพกใบขับขี่ที่ทำการลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน แอปพลิเคชั่นที่ว่ามานี้ มีชื่อว่า DLT QR LICENCE สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ iOS และ Android
เมื่อดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นมาแล้ว สามารถลงทะเบียนด้วยอีเมล์และเบอร์โทรศัพท์ 1 เบอร์โทรฯ ต่อหนึ่งใบขับขี่รถยนต์ หลังจากนั้นก็สแกน QR Code ด้านหลังใบขับขี่ตัวจริงเพื่อเชื่อมต่อข้อมูลบัตร นอกจากในแอปพลิเคชั่นจะระบุข้อมูลใบขับขี่รถยนต์ทั้งด้านหน้าและด้านหลังบัตรแล้ว ยังมีฟีเจอร์ในการแจ้งขอความช่วยเหลือกรณีฉุกเฉิน ดูข้อมูลข่าวสาร และอื่น ๆ ได้อีก เรียกได้ว่าเหมาะกับไลฟ์สไตล์ในยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก
ทำไมต้องพกใบขับขี่รถยนต์
1.ประโยชน์หรือเหตุผลข้อแรกในการพกใบขับขี่รถยนต์คือ การยืนยันตัวตนของผู้ขับขี่ยานพาหนะประเภทต่าง ๆ และเพื่อยืนยันว่าผู้ขับขี่มีความรู้ความสามารถในการใช้งานยานพาหนะ รวมถึงได้ผ่านการทดสอบจากกรมการขนส่งทางบกมาแล้ว
2.เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการเรียกตรวจใบขับขี่รถยนต์สำหรับผู้ใช้งานยานพาหนะบนท้องถนน ดังนั้นเมื่อถูกเรียกตรวจและผู้ขับขี่ไม่มีใบขับขี่เพื่อยืนยันตัวตน หรือใบขับขี่รถยนต์หมดอายุก็ตาม จะต้องถูกเทียบปรับตามกฎหมาย
3.เชื่อว่าหลายคนเมื่อซื้อรถยนต์ มักทำประกันภัยรถยนต์ไว้ด้วย เมื่อใดที่เกิดอุบัติเหตุแล้วผู้ขับขี่รถยนต์ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ทำให้ทางบริษัทประกันสามารถอ้างได้ว่า ผู้ขับขี่เป็นผู้ไม่มีใบอนุญาต และไม่ได้รับการคุ้มครองตามที่ตกลงไว้
4.เป็นเอกสารหลักฐานราชการแทนบัตรประตัวประชาชนในบางกรณีได้
5.เพิ่มโอกาสในการหางาน เนื่องจากงานในบางตำแหน่งต้องการผู้ที่มีความสามารถในการขับขี่รถยนต์ ที่มีใบขับขี่รถยนต์ หากมีความสามารถแต่ไม่มีใบอนุญาต ก็ไม่สามารถได้งานนั้นนั่นเอง
ด้วยเหตุผลต่าง ๆ ที่ว่ามาทำให้ผู้ขับขี่จำเป็นต้องมีใบขับขี่รถยนต์ติดตัว และการที่กฎหมายมีการเพิ่มวิธีการในการพกใบขับขี่ก็เป็นผลดีต่อผู้ขับขี่เอง ทำให้เกิดความสะดวกมากยิ่งขึ้น
บทลงโทษทางกฎหมายหากไม่พก “ใบขับขี่รถยนต์”
แน่นอนว่านอกจากจำเป็นต้องพกใบขับขี่เพื่อยืนยันตัวตนแล้ว เพื่อเป็นการควบคุมพฤติกรรมของผู้ใช้งานยานพาหนะบนท้องถนน เมื่อถูกเรียกตรวจแล้วพบว่าผู้ขับขี่ไม่พกหรือไม่มีใบขับขี่รถยนต์ติดตัวมาด้วย จะมีความผิด ปรับสูงสุดไม่เกิน 1,000 บาท จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่เมื่อไม่นานมานี้ กรมการขนส่งทางบกได้ออกมาแจ้งเรื่องการพิจารณาปรับเพิ่มโทษ แต่ก็ต้องดูกันต่อไปว่าจะมีผลบังคบใช้เมื่อไหร่
จะเห็นได้ว่าโลกเปลี่ยนไป พฤติกรรมคนก็เปลี่ยน กฎหมายการจราจรก็มีการแก้ไขปรับปรุงอยู่ตลอด โดยเฉพาะกฎหมายการพกใบขับขี่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ในรูปแบบของสำเนาภาพถ่ายในสมาร์ทโฟน ที่กำลังจอโรงจะมีผลบังคับใช้ในเร็ววัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นนอกจากการพกใบขับขี่แล้ว ยังต้องปฏิบัติตามกฎจราจร สำหรับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ก็ควรสวมหมวกกันน็อคเพื่อความปลอดภัยของตนเองด้วย
อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม: หลากหลายเรื่องราวของ เครื่องเสียงรถยนต์ ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน
อ้างอิงจาก: thematter.co, thairath.co.th