Categories: AutomotiveCars

สตาร์ทรถไม่ติดเกิดจากอะไร? พร้อมหาวิธีแก้ไขและทริคในการดูแลรักษารถยนต์

ใครที่ใช้รถเป็นประจำไม่ว่าจะขับไปทำงาน ไปส่งเด็ก ๆ ที่โรงเรียน ขับไปช้อปปิ้งซื้อของต่าง ๆ หรือจะขับไปท่องเที่ยวช่วงวันหยุด แล้ววันดีคืนดีรถคันโปรดดันงอแง สตาร์ทไม่ติด แต่ไม่รู้จะแก้ยังไง วันนี้จะพาไปหาสาเหตุ พร้อมวิธีการแก้ไขเบื้องต้นและทริคการดูแลรักษารถยนต์ง่าย ๆ การดูแลรักษารถยนต์อย่างถูกวิธีจะทำให้คุณใช้รถต่อได้อย่างยาวนาน เข้าใจรถของคุณมากขึ้นและสามารถรับมือได้หากเกิดเหตุการณ์ซ้ำเดิมอีกครั้ง 

Cr: freepik 

ส่องสาเหตุสตาร์ทรถไม่ติด พร้อมการวิธีการแก้ไขและการดูแลรักษารถยนต์

มาดูสาเหตุ 10 สาเหตุหลัก ๆ ที่ส่งผลให้สตาร์ทรถไม่ติด พร้อมวิธีการแก้ไขเบื้องต้นที่สามารถทำได้เอง 

  1. แบตเตอรี่เสื่อม อาการสุดคลาสสิกที่มักเกิดขึ้นได้บ่อย หากสตาร์ทรถไม่ติดให้ลองสังเกตที่หน้าปัดรถว่าพลังแบตเตอรี่ไม่ขึ้นหรือไม่เพราะโดยปกติอายุของแบตเตอรี่จะราว ๆ 2 ปี หรือน้อยกว่านั้นหากขับบ่อย รวมถึงการไม่ยอมเปลี่ยนแบตตามระยะเวลาที่กำหนดและจอดรถทิ้งไว้นาน ๆ ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสให้รถสตาร์ทไม่ติด
    วิธีแก้ไขเบื้องต้น: เมื่อสังเกตเห็นอาการดังกล่าวอาจจะหารถมาช่วงพ่วงแบตเตอรี่ แล้วรีบไปที่ร้านเพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่ทันที หรือติดต่อศูนย์เพื่อมาตรวจเช็คอาการ
  2. มอเตอร์สตาร์ทเสื่อม หากสตาร์ทรถไฟติดทุกอย่างแต่เครื่องยนต์ไม่ติด ลองสตาร์ทแล้วเป็นเสียงแชะ ๆ  หรือจั๊มแบตแล้วก็ยังสตาร์ทไม่ติดอาจเกิดจากมอเตอร์สตาร์ทเสื่อมที่มาได้จากหลายกรณี เช่น ฟิวส์มอเตอร์ขาด สายไฟชำรุด แปรงถ่านด้านในมอเตอร์สตาร์หมด เป็นต้น
    วิธีแก้ไขเบื้องต้น: ติดต่อร้านซ่อมรถยนต์ หรือศูนย์บริการที่ใกล้เคียงมาตรวจสอบ
  3. ไดชาร์จเสีย อาการคล้ายกับแบตเตอรี่เสื่อมซึ่งสตาร์ทติดยาก สตาร์ทไม่ติดเลย หรืออยู่ ๆ รถดับแบบกะทันหันทั้งที่พึ่งเปลี่ยนแบตมา รวมถึงสังเกตหน้าปัดรถแบตก็ยังทำงานได้ดี ถ้าเจอแบบนี้ให้สันนิษฐานเลยว่าไดชาร์จเสื่อม
    วิธีแก้ไขเบื้องต้น: โทรเรียกช่าง หรือติดต่อศูนย์ใกล้เคียง หรืออาจจะโทรเรียกรถลากไปยังอู่ หรือศูนย์บริการใกล้เคียงที่สุด
  4. ไดสตาร์ทเสีย หากสตาร์ทรถไม่ติด หรือมีเสียงแชะ ๆ แต่แผงหน้าปัดไฟแบตเตอรี่ขึ้นปกติมีความเป็นไปได้ว่าไดสตาร์ทน่าจะมีปัญหา
    วิธีแก้ไขเบื้องต้น: ให้ลองสตาร์ทรถแบบเร็ว ๆ แบบบิดกุญแจสตาร์ทรวดเดียว ถ้าหากติดให้รีบขับไปยังอู่ หรือศูนย์บริการใกล้เคียง แต่ถ้าไม่ติดให้โทรเรียกช่าง หรือศูนย์บริการ
  5. ระบบไฟฟ้ามีปัญหา หากสตาร์ทรถแล้วไฟหน้าปัดไม่ติด ทดลองพ่วงแบตแล้วก็ยังไม่ติดให้สันนิษฐานไว้ว่าระบบไฟฟ้าที่มีปัญหาไม่ว่าจะมาจากจอดรถทิ้งไว้นานแล้วหนูทำรังกัดสายไฟ หรือกล่องควบคุมเครื่องยนต์ขัดข้อง หรือมีปัญหา
    วิธีแก้ไขเบื้องต้น: ให้เรียกช่างมาตรวจสอบหาสาเหตุของระบบไฟฟ้าที่ผิดปกติและควรเปลี่ยนพื้นที่จอดรถ หรือหาวิธีป้องกันไม่ให้หนูเข้าไปกัดสายไฟ
  6. ขั้วแบตเตอรี่สกปรก อีกหนึ่งสาเหตุที่คุณอาจจะคิดไม่ถึงเสียด้วยซ้ำว่าการที่ขั้วแบตเตอรี่สกปรก มีคราบขี้เกลือจะส่งผลให้รถสตาร์ทไม่ติด หรือติด ๆ ดับ ๆ 
    วิธีแก้ไขเบื้องต้น: ก่อนออกเดินทางก็หมั่นสังเกตว่าบริเวณขั้วแบตเริ่มมีคราบสีขาวๆ ปนฟ้าปนเขียวเกาะอยู่หรือไม่ ถ้าเริ่มมีแล้วแนะนำให้รีบทำความสะอาด อย่าปล่อยทิ้งไว้
  7. ปั๊มติ๊กเสีย ปั๊มติ๊ก หรืออุปกรณ์ปั๊มเชื้อเพลิงที่หากเกิดความเสียหายจะไม่สามารถจุดระเบิดให้เครื่องยนต์ทำงานได้ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ มาจากพฤติกรรมการขับรถแบบน้ำมันใกล้หมดแล้วมีไฟเตือนบ่อย ๆ ทำให้ปั๊มติ๊กดึงอากาศเข้ามาแทนน้ำมันจนรถสตาร์ทไม่ติด 
    วิธีแก้ไขเบื้องต้น: เปลี่ยนพฤติกรรมการขับขี่ หากน้ำมันเหลือ 2 หรือ 1 ขีดก่อนไฟโชว์ให้หาปั๊มน้ำมันใกล้เคียงเติมเพื่อลดโอกาสปั๊มติ๊กเสีย
  8. น้ำมันหมด สายขับไปก่อน เดี่ยวค่อยเติมอาจจะต้องระวังเพราะอาจจะลืมไม่ทันดูแล้วน้ำมันหมดก็อาจส่งผลให้มีอาการสตาร์ทไม่ติด
    วิธีแก้ไขเบื้องต้น: ไม่ควรปล่อยให้น้ำมันเกลี้ยงถังอยู่บ่อย ๆ หากขีดน้ำมันใกล้หมดแนะนำให้หาปั๊มใกล้เคียงเติมทันที
  9. จอดรถทิ้งไว้ไม่ได้ใช้งาน อีกหนึ่งสาเหตุที่พบได้บ่อยคือ จอดรถนาน สตาร์ทไม่ติดที่อาจจะมาจากการจอดทิ้งไว้นาน ๆ จนทำให้แบตเตอรี่หมดและการจอดรถนาน ยางแบนได้อีกด้วย 
    วิธีแก้ไขเบื้องต้น: ถ้าจำเป็นต้องจอดรถทิ้งไว้นานให้ถอดสายพ่วงแบตเตอรี่ออกเลย หรือหมั่นสตาร์ทรถอาทิตย์ละ 2 ครั้ง โดยทิ้งไว้สัก 10 นาทีเพื่อป้องกันไม่ให้แบตเตอรี่เสื่อม
  10. อากาศที่เย็นจนเกินไป หลายคนอาจจะเคยประสบปัญหาช่วงเช้าที่อากาศเย็นมาก ๆ ทั้งคืน หรือขับรถขึ้นดอยมีสภาพอากาศเย็นจัดอาจจะส่งผลให้แบตเตอรี่คายประจุเร็วเกินไป น้ำมันเครื่องเหนียวขึ้นทำให้เครื่องยนต์ต้องใช้แรงหมุนมากกว่าปกติทำให้ต้องใช้เวลาในการสตาร์ทรถนานกว่าปกติ
    วิธีแก้ไขเบื้องต้น: ค่อย ๆ ลองสตาร์ททีละครั้ง หากไม่ติดให้เว้นระยะสักพักแล้วค่อยสตาร์ทใหม่ หากเครื่องยนต์ทำงานแล้ว ให้อุ่นเครื่องที่ทิ้งไว้ประมาณ 15 – 20 นาทีก่อนออกเดินทาง

Cr: freepik

ดูแลรถอย่างไร หากต้องจอดทิ้งไว้นาน

ทริคในการดูแลรักษารถยนต์หากจำเป็นต้องจอดทิ้งไว้เป็นระยะเวลานาน ๆ มากกว่า 1 สัปดาห์ขึ้นไป 

  • ทำความสะอาดรถยนต์ให้สะอาดและหาผ้าคลุมรถเพื่อป้องกันฝุ่นละออง รักษาสีรถยนต์รวมถึงคราบสกปรกต่าง ๆ
  • หาที่จอดรถให้เหมาะสมและปลอดภัยเพราแสงแดด ฝนและความชื้นย่อมมีผลต่ออุปกรณ์ภายในและภายนอกของรถยนต์อย่างแน่นอน
  • เช็คยางและลมยางรถยนต์ ที่หากจำเป็นต้องจอดนานให้เติมลมยางมากกว่าปกติประมาณ 2 – 3 PSI เพื่อรักษารูปทรงของโครงสร้างยางให้เป็นปกติ
  • สตาร์ทรถเป็นระยะ ซึ่งหากใครที่ไปนาน ๆ ก็อาจจะฝากกุญแจไว้กับคนที่บ้านให้ช่วยสตาร์ทรถเป็นระยะสัก 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือทุกสัปดาห์เพื่อให้เครื่องยนต์ได้ทำงานและน้ำมันเองได้หมุนเวียน
  • ตรวจบำรุงรักษาแบตเตอรี่ แต่หากใครไม่สามารถฝากใครให้ช่วยสตาร์ทได้และจำเป็นต้องจอดรถเป็นระยะเวลานาน ๆ แนะนำให้ถอดขั้วลบของแบตเตอรี่ออกเพื่อป้องกันไม่ให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควรและไม่ให้เกิดการคายประจุไฟ
  • อย่าลืม! ตรวจเช็คของเหลวก่อนจอกทิ้งไว้นาน ๆ ได้แก่ น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรกและน้ำในหม้อน้ำให้มีปริมาณสูงสุดเพื่อป้องกันการระเหยจนแห้งสนิทจนทำให้เกิดสนิม

แนะนำอุปกรณ์ที่ควรมีติดรถยามฉุกเฉิน

สำหรับอุปกรณ์ที่อยากแนะนำไว้ให้มีติดรถยามฉุกเฉิน ได้แก่ ยางอะไหล่และแม่แรงฉุกเฉินที่จะสามารถเปลี่ยนได้ทันทีหากยางแบน หรือเกิดระเบิดระหว่างทาง ต่อมาสายพ่วงแบตเตอรี่ ที่ช่วยจั๊มแบตจากรถยนต์คันอื่นในกรณีที่รถสตาร์ทไม่ติด รวมถึงป้ายสัญญาณเตือนสะท้อนแสง ที่ทุบกระจกรถ อุปกรณ์ปฐมพยาบาลและไฟฉาย เป็นต้น 

Cr. freepik

สาเหตุสตาร์ทรถไม่ติดมาได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าแบตเตอรี่เสื่อม ไดสตาร์ทเสีย มอเตอร์สตาร์ทมีปัญหา ขั้วแบตสกปรก ปั๊มติ๊กเสีย ระบบไฟฟ้าขัดข้อง จอดรถทิ้งไว้นานและอื่น ๆ ซึ่งก็แก้ไขเบื้องต้นได้ง่าย ๆ ด้วยตนเองเนื่องจากปัจจุบันรถรุ่นใหม่ ๆ มีเซนเซอร์ที่จะช่วยตรวจจับว่าระบบใดมีปัญหาและหากไม่มั่นใจก็ให้โทรติดต่อช่าง หรืออู่มาช่วยจัดการและเราเองก็หมั่นการดูแลรักษารถยนต์คันโปรดเพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานมากขึ้นและปลอดภัย 

นอกจากนี้ก็อย่าลืม! พกอุปกรณ์ไว้ติดรถยามฉุกเฉิน เช่น ยางรถยนต์ แม่แรงฉุกเฉิน สายต่อพ่วงแบตเตอรี่ ไฟฉาย ที่ทุบกระจกรถ หรือป้ายสัญญาณเตือนสะท้อนแสงเมื่อต้องจอดฉุกเฉินระหว่างรอรถมาช่วยเหลือที่ช้อปผ่านออนไลน์ได้ง่าย ๆ ที่ Shopee นอกจากนี้ยังมีทริคในการตรวจสอบยางก่อนออกเดินทางและคู่มือการดูแลรถฉบับมือใหม่ให้เข้ามาอ่านสาระดี ๆ พร้อมอัปเดตเทรนด์ใหม่ ๆ ก่อนใครที่ Shopee blog 

อ้างอิง: https://online.scbprotect.co.th, https://www.carsome.co.th, https://www.pandastaroil.co.th https://www.viriyah.com 

Pang

Share
Published by
Pang

Recent Posts

10 เครื่องประดับแบรนด์ไทยที่สาวๆต้องเลิฟ! ราคาดีใส่ง่าย ได้ลุคไม่ซ้ำ

รวม 10 เครื่องประดับแบรนด์ไทยดีไซน์เก๋ ราคาหลักร้อย–พันต้นๆ แนะนำสร้อยคอแบรนด์ หลักพัน และกำไลข้อมือแบรนด์ ราคาไม่แพง พร้อมทริคเลือกให้เหมาะกับสไตล์คุณ

10 hours ago

รวมลิสต์ประเทศที่ไม่ต้องขอวีซ่า บินง่าย แพ็คกระเป๋าได้เลย!

35 ประเทศไม่ต้องขอวีซ่า เที่ยวได้เลย ไม่ต้องรอ พร้อมทำความเข้าใจเงื่อนไข และข้อควรรู้ต่าง ๆ รวมถึงขั้นตอนการเดินทางแบบเข้าใจง่าย มั่นใจได้ทุกทริป!

3 days ago

ทำนายฝันเห็นแมว หมายถึงอะไร ? พร้อมเลขเด็ด เลขนำโชคที่ห้ามพลาด!

เปิดตำรา! รวมคำทำนายฝันเห็นแมว แปลว่าอะไร? พร้อมตีเลขเด็ด เลขนำโชคให้ลุ้นกันแบบไม่มีกั๊ก คนชอบทำนายฝัน ห้ามพลาด!

3 days ago

รวม 300 แคปชั่นคําคมรถซิ่งเด็ด ๆ เรียกยอดไลก์ ให้คนรู้ว่ารถเราแรง

รวมคําคมรถซิ่ง จัดเต็มครบทุกสายทั้งตลกฮา เท่ เสี่ยวไว้จีบสาว เน้นให้กำลังใจ หรือน้อยใจเพราะโดนเทจัดเต็มถึง 300 แคปชั่น ไว้โพสต์เรียกไลก์ได้ทุกวัน

1 week ago

เปิดลิสต์! 10 น้ำยาบ้วนปาก ยี่ห้อไหนดี ใช้แล้วสดชื่น ปากสะอาด ลดกลิ่นปากชัวร์!

เลือกน้ำยาบ้วนปาก ยี่ห้อไหนดี? กับ 10 แบรนด์น้ำยาบ้วนปาก พร้อมแชร์ใช้ และ Tips การดูแลช่องปากแบบครบสูตร ฟันแข็งแรง เหงือกสุขภาพดี ยิ้มได้อย่างมั่นใจ

1 week ago

เคล็ดลับผิวสวย! เจลว่านหางจระเข้ ทาหน้า ช่วยอะไร ? ใช้ยังไงให้ผิวฉ่ำโกลว์ สุขภาพดี

ประโยชน์เจลว่านหางจระเข้ทาหน้า ช่วยอะไรบ้าง? แปะวิธีใช้ที่ถูกต้อง และเคล็ดลับผิวสวยผิวปัง! พร้อมแนะนำ 10 เจลว่านหางจระเข้ยี่ห้อไหนที่ใช้แล้วดีจริง ๆ

1 week ago