แนะนำวิธีปลูกข้าวโพดว่าวิธีการปลูกข้าวโพด ทั้งวิธีปลูกข้าวโพดข้าวเหนียว วิธีปลูกข้าวโพดหวานมีอะไรบ้าง
ข้าวโพดเป็นพืชที่คนไทยคุ้นเคยกันดีในฐานะคาร์บที่ให้พลังงานและเส้นใยสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าวโพดแต่ละสายพันธุ์ก็มีคุณลักษณะที่ให้ความอร่อยแตกต่างกันไป บางพันธุ์อาจมีเนื้อกรอบหวานหอม บานพันธุ์อาจให้เนื้อสัมผัสเหนียวนุ่มหวานน้อย แต่ทั้งหมดนี้ก็ล้วนมีคุณสมบัติในการบำรุงร่างกายทั้งสิ้น
ข้าวโพดยังถือเป็นพืชเศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่งของประเทศไทย และสำหรับใครที่ยังหาวิธีปลูกข้าวโพดเอาไว้ในบ้าน หรือปลูกเพื่อจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็นวิธีปลูกข้าวโพดข้าวเหนียว หรือวิธีปลูกข้าวโพดหวาน คราวนี้เราเตรียมข้อมูลที่จำเป็นมาไว้ให้แล้ว


หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
1. ทำความรู้จักกับข้าวโพดและสายพันธุ์ข้าวโพดในไทย
ข้าวโพดเป็นพืชล้มลุกปีเดียว มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Zea mays Linn. จัดอยู่ในสกุลเดียวกับหญ้า มีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ ปัจจุบันแพร่กระจายทั่วไปตามเขตร้อนและเขตอบอุ่นทั่วโลก สำหรับประเทศไทยสามารถเติบโตได้ในทุกภูมิภาค โดยมีลักษณะที่สำคัญคือมีลำต้นตั้งตรงเป็นข้อปล้อง สูงได้ตั้งแต่ 30 เซนติเมตรขึ้นไป ส่วนใบเป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว แผ่นใบด้านบนมีขนเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการรับแสง มีดอกไม่สมบูรณ์เพศ และมีระบบรากฝอยเจริญกระจายได้ในรัศมี 1 เมตรจากลำต้น
สายพันธุ์ข้าวโพดที่เป็นที่รู้จักในประเทศไทยมีอยู่ 7 สายพันธุ์ ได้แก่
- ข้าวโพดไร่ชนิดหัวบุบ เป็นพันธุ์ข้าวโพดที่มีเนื้อเป็นแป้งชนิดอ่อน ทำให้เมื่อนำมาตากแห้งแล้วเมล็ดตอนบนจะมีรอยยุบตัว
- ช้าวโพดไร่ชนิดหัวแข็ง เป็นพันธุ์ที่มีเนื้อเมล็ดแข็งเนื่องจากด้านนอกของเมล็ดหุ้มด้วยแป้งชนิดแข็ง เมื่อตากแห้งแล้วจะไม่หดหรือยุบตัว
- ข้าวโพดหวาน เป็นพันธุ์ที่ปลูกเพื่อใช้รับประทานฝักสด มีรสอร่อยเพราะมีปริมาณน้ำตาลสูง
- ข้าวโพดคั่ว เป็นพันธุ์ที่มีแป้งชนิดแข็งอยู่ภายใน ขณะที่ภายนอกเคลือบด้วยสารที่ค่อนข้างเหนียวและยืดตัวได้ ทำให้เมื่อถูกความร้อนจะเกิดแรงดันภายในและระเบิดออกมา นิยมนำไปทำข้าวโพดคั่วหรือป๊อบคอร์น
- ข้าวโพดข้าวเหนียว หรือ ข้าวโพดเทียน นิยมใช้ปลูกเพื่อรับประทานฝักเช่นเดียวกับข้าวโพดหวาน มีหลากสี ภายในเนื้อจะเป็นแป้งที่มีลักษณะคล้ายแป้งมันสำปะหลัง ทำให้ไม่หวานมากแต่มีความเหนียวหนืดกว่า
- ข้าวโพดแป้ง ในเมล็ดจะมีแป้งชนิดอ่อนจำนวนมาก ชาวอินเดียแดงนิยมใช้ฝักเป็นอาหาร
- ข้าวโพดป่า ข้าวโพดชนิดนี้ไม่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจแต่มักมีการปลูกไว้เพื่อการศึกษา
ทั้งนี้สายพันธุ์ที่นิยมนำมารับประทานและปลูกเพื่อจำหน่ายที่สุดคงหนีไม่พ้นข้าวโพดหวานและข้าวโพดข้าวเหนียว
2. ธรรมชาติของข้าวโพด
ข้าวโพดเป็นพืชที่ชอบดินโปร่งและระบายน้ำได้ดี ใช้น้ำในการปลูกน้อย และสามารถทนแล้งได้ดี แต่ต้องการแสงแดดจัดและจำเป็นต้องเป็นพื้นที่ที่ได้รับแสงแดดตลอดวัน และชอบอาการที่ค่อนข้างอบอุ่นตั้งแต่ 15 องศาเซลเซียสขึ้นไป โดยหากอุณหภูมิของสภาพแวดล้อมต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียสเมล็ดจะไม่งอก หรือหากงอกก็จะมีการเติบโตได้ช้า


3. วิธีปลูกข้าวโพดข้าวเหนียว วิธีปลูกข้าวโพดหวาน
สำหรับวิธีการปลูกข้าวโพดที่นิยมนั้นมักเป็นวิธีการปลูกข้าวโพดหวานหรือวิธีการปลูกข้าวโพดข้าวเหนียวที่ได้รับความนิยมทางเศรษฐกิจ และมีการบริโภคกันอย่างแพร่หลาย โดยจะมีวิธีการเตรียมเตรียมดินปลูก และการลงปลูกดังนี้
การเตรียมดิน
ข้าวโพดสามารถเติบโตได้ดีในดินแทบทุกรูปแบบ โดยเริ่มจากการไถเปิดหน้าดินเพื่อพลิกกลบวัชพืชและตากดินเพื่อฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ที่อาจมีผลต่อการเติบโตของพืช จากนั้นจึงไถกลบหน้าดินให้เรียบเพื่อเตรียมปลูกต่อไป
วิธีการปลูกข้าวโพด
ปกติแล้วเรามีวิธีการปลูกข้าวโพดได้ 3 วิธี ได้แก่
- การขุดหลุมปลูก วิธีปลูดกข้าวโพดแบบนี้เป็นวิธีดั้งเดิมที่เราคุ้นเคยกันดี ซึ่งทำได้ด้วยการขุดหลุมให้มีระยะห่างระหว่างต้นสม่ำเสมอ แล้วหยอดเมล็ดพันธุ์ลงในหลุมปลูก โรยดินกลบแล้วรดน้ำให้ชุ่ม รอให้เมล็ดงอกเป็นต้นอ่อนต่อไป
- การปลูกแบบชักร่อง วิธีนี้เป็นการใช้ไถหัวหมูติดเครื่องยนต์หรือใช้สัตว์ลากทำร่องเป็นแถว แล้วใช้การหยอดเมล็ดลงร่อง-ปาดผิวดินกลบ จะได้ระยะระหว่างแถวสม่ำเสมอ
- การปลูกโดยใช้เครื่องปลูก เป็นวิธีที่คล้ายการปลูกแบบชักร่อง แต่มีการหยอดเมล็ดและจัดแถวให้แบบอัตโนมัติ จึงสะดวกกว่ากันมาก
4. วิธีดูแลและเก็บเกี่ยวข้าวโพด
หลังจากลงปลูกข้าวโพดเรียบร้อยแล้วประมาณ 0-14 วัน ข้าวโพดจะเริ่มงอกได้ยาวประมาณ 1 คืบ หลังจากนั้นเราจำเป็นต้องเริ่มต้นการดูและและเตรียมสำหรับการเก็บเกี่ยวข้าวโพดดังนี้
- การให้น้ำ การปลูกข้าวโพดใช้น้ำไม่มากและไม่ชอบน้ำท่วมขัง ส่วนใหญ่จึงนิยมปลูกในฤดูฝนเพื่อให้ได้น้ำจากธรรมชาติ แต่หากปลูกช่วงหน้าแล้งจำเป็นต้องให้น้ำเมื่อปลูกครั้งแรกหลังการหยอดเมล็ด หลังจากนั้นเมื่อข้าวโพดงอกแล้วเริ่มให้น้ำอีกครั้ง และให้ต่อทุก ๆ สัปดาห์โดยระวังอย่าให้น้ำท่วมขัง
- การใส่ปุ๋ย วิธีการปลูกข้าวโพดจำเป็นต้องให้ปุ๋ยหลัก ๆ 2 ครั้ง คือ การใช้ปุ๋ยรองก้นหลุมปลูก โดยอาจใช้ปุ๋ยสูตร 16 – 20 – 0, 15 – 15 – 15 หรือ 20 – 20 – 0 หลังจากนั้น 25 – 30 วันหลังการปลูกก็ควรใส่ปุ๋ยอีกครั้งหนึ่งด้วยปุ๋ยยูเรียโรยข้างต้น
- การเก็บเกี่ยว สำหรับวิธีปลูกข้าวโพดหวานส่วนใหญ่มักมีการออกดอก 45-50 วันหลังปลูก และการเก็บเกี่ยวมักขึ้นอยู่กับความอ่อนแก่ รูปร่างและน้ำหนักของฝัก แต่ทั้งนี้ก็มักเก็บเกี่ยวข้าวโพดหวานเมื่อมีอายุไม่เกิน 73 วันจะเป็นอายุการเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม สำหรับวิธีปลูกข้าวโพดข้าวเหนียวจะออกดอกช่วง 40-45 วันหลังปลูก และเริ่มติดฝักเมื่อออกดอกได้ 18 วัน ดังนั้นปกติแล้วข้าวโพดข้าวเหนียวมักมีอายุการเก็บเกี่ยวราว 60 วัน


วิธีปลูกข้าวโพดเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจเลยทีเดียว
เราก็ได้มาทำความรู้จักวิธีปลูกข้าวโพดข้าวเหนียวและวิธีปลูกข้าวโพดหวานว่าการปลูกข้าวโพดนั้นมีวิธีการลงปลูก การเตรียมดิน การดูแลให้น้ำ การใส่ปุ๋ย และระยะเวลาการเก็บเกี่ยวเป็นอย่างไร ทั้งนี้แม้ว่าข้าวโพดจะเป็นพืชที่ไม่ต้องการการดูแลมาก ไม่ได้อาศัยน้ำในการเติบโตสูง จึงสามารถปลูกได้ทั่วไปในประเทศไทย ของเพียงน้ำไม่ท่วมขังและมีแสงแดดเพียงพอทั่วถึงตลอดวัน เพียงแค่นี้เราก็สามารถปลูกต้นข้าวโพดพันธุ์ต่าง ๆ เอาไว้สำหรับจำหน่ายหรือรับประทานเองได้แล้ว ทั้งนี้ข้าวโพดบางสายพันธุ์ยังมีหลากหลายสีอุดมด้วยคุณค่าสารอาหารมากมาย ทั้งน้ำตาล แป้ง วิตามินเอ รวมถึงเส้นใยและพฤกษเคมีต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ซึ่งหากใครที่มีพื้นที่ว่างและไม่ต้องการดูแลต้นไม้มากนักการปลูกข้าวโพดก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ