ถือเป็นหนึ่งในปัญหาหนักอกหนักใจสำหรับคนทุกรุ่นทุกวัยอยู่เสมอ สำหรับการเป็น “สิว” บริเวณใบหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสิวช่วงก่อนมีประจำเดือน หรือที่เรียกกันว่า “สิวฮอร์โมน” ที่มักจะมีอาการรุนแรงมากกว่าปกติ ทั้งเจ็บ ทั้งบวมแดง แถมยังขึ้นในบริเวณใกล้เคียงกันจนทำให้หนุ่มๆ สาวๆ หลายคนมีความกังวลว่าจะสามารถหาวิธีแก้ไขหรือวิธีรับมือกับสิวฮอร์โมนอย่างไรได้บ้าง เอาเป็นว่าเพื่อช่วยให้เพื่อนๆหายกลุ้มใจ วันนี้จะพาไปทำความรู้จักกับ สิวฮอร์โมน รวมถึงวิธีดูแลตัวเองและวิธีรักษาสิวฮอร์โมนที่ถูกต้องกัน
สิวฮอร์โมนเกิดจากอะไร?
หากจู่ๆ เจอสิวแข็งๆ ไม่มีหัว ที่หลบอยู่ใต้ผิว เม็ดใหญ่ มีอาการอักเสบให้สงสัยไว้ก่อนเลยว่าอาจจะเป็น “สิวฮอร์โมน” เกิดจากร่างกายจะผลิตฮอร์โมนเพศชาย (androgens) เยอะเกินไป ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้รูขุมขนที่มีต่อมไขมันที่ผลิตซีบัม (seborrhea) ซึ่งเป็นน้ำมันที่ทำหน้าที่เคลือบผิวให้หล่อลื่น ช่วยทำให้ผิวชุ่มชื่น เมื่อมีการผิดแปลกของฮอร์โมนจึงทำให้ต่อมไขมันมีขนาดใหญ่ และ ผลิตซีบัมออกมามากขึ้น เมื่อไปเจอเซลล์ผิวที่ตายประกอบกับแบคทีเรีย ที่เข้าไปจึงทำให้เกิดเป็นรูขุมขน อุดตัน ต้นเหตุของสิวฮอร์โมนนั่นเอง
บริเวณไหนมักเจอกับสิวฮอร์โมน?
โดยบริเวณที่มักจะพบกับสิวจะเป็นช่วงบริเวณทีโซน (T-Zone) ได้แก่ บริเวณหน้าผาก จมูกแล้วก็คาง แต่ก็อาจจะพบได้ที่บริเวณ สิวฮอร์โมนแก้ม หรือสิวแนวกรามด้วยเช่นกัน ทั้งยังมีส่วนอื่นของร่างกายที่สามารถพบสิวได้ไม่ว่าจะเป็น ตามลำคอ แผ่นหลัง หรือแม้แต่หน้าอก โดยจะพบเจอในรูปแบบที่เป็น สิวห้วขาว สิวหัวดำ ผดหรือสิวซีสต์เล็กก็ได้
สิวฮอร์โมน รักษายังไง?
1.สร้างจิตใจให้แจ่มใส ไม่เครียดจนเกินไป
สิวฮอร์โมนรักษาได้ด้วยการ สร้างจิตใจให้แจ่มใส รู้มั้ยว่าจิตใจส่งผลต่อฮอร์โมนในร่างกาย ยิ่งถ้าเครียด วิตกกังวล จมอยู่กับความคิดที่มัวหมอง ส่งผลต่อฮอร์โมนทำให้เกิดสิว การเลิกเครียดคิดมากทำให้โปรเจสเตอโรน (Progesterone) คงที่ซึ่งช่วยลดปัญหาการเกิดสิวได้
2.กินอาหารให้เป็นประโยชน์
ปรับเปลี่ยนการรับประทานและการดูแลตนเองให้มากขึ้น มีส่วนช่วยลดสิวฮอร์โมนชายและหญิงด้วยการกินของที่มีประโยชน์ช่วยปัญหาสิวได้จากภายในสู่ภายนอก โดยการหันมารับประทานผักและผลไม้สด ๆ ที่มีกากใยและช่วยชะล้างสารพิษตกค้าง ทั้งยังช่วยเพิ่มฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ส่งผลดีต่อผิวพรรณ หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง การเลือกกินอาหารให้ครบ 5 หมู่จึงช่วยคุมน้ำหนักตัวซึ่งมีผลต่อฮอร์โมน ที่สำคัญควรงด อาหารที่อาจมีฮอร์โมนปะปน เช่น นมวัว เนื้อสัตว์ ของหวาน เพราะการกินของหวานก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ฮอร์โมนแปรปรวน ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดสิว และการลดน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ก็จะช่วยปรับฮอร์โมนให้กลับมาสมดุลและเข้าสู่ภาวะปกติ
3.พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อปรับฮอร์โมนให้สมดุล รับประทานยา
รับประทานยาปรับฮอร์โมนสิวเพื่อช่วยปรับระดับฮอร์โมนให้อยู่ในภาวะที่เป็นปกติและมีความสมดุล รวมถึงยาปฏิชีวนะ ยาในกลุ่มวิตามินเอ หรือยาแก้อักเสบที่ช่วยฆ่าเชื้อสิวและบรรเทาอาการอักเสบสิวฮอร์โมนแก้มให้ยุบลงได้อย่างรวดเร็ว แต่อย่างไรก็ดียาปฏิชีวนะ และยาในกลุ่มวิตามินเอ อาจส่งผลต่อตับ ไต และอาจส่งผลต่อการตั้งครรภ์ได้ ดังนั้นการรับประทานยาปรับฮอร์โมนสิวประเภทนี้ควรอยู่ในการดูแลและควบคุมโดยแพทย์ หากคิดจะรับประทานยาควรปรึกษาแพทย์เสียก่อน
4.ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายเป็นวิธีรักษาสิวฮอร์โมนที่ดีนอกจากจะช่วยให้สุขภาพแข็งแรงแล้วนั้น ยังส่งผลให้ฮอร์โมนของเราสมดุลอีกด้วย แถมเมื่อเราออกกำลังกายนั้นทำให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นโดรฟินที่ช่วยทำให้อารมณ์ดีขึ้นอีกด้วย
5.พักผ่อนให้เพียงพอ
การพักผ่อนจัดว่าเป็นเป็นอีกหนึ่งส่วนที่สำคัญมากๆ มีส่วนช่วยลดสิวฮอร์โมนชายและหญิง เพราะถ้าพักผ่อนน้อย หรือ พักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้เกิดฮอร์โมนไม่ปกติ การนอนไม่พอจึงส่งผลให้ฮอร์โมนผิดปกติซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิวฮอร์โมน ดังนั้นควรเข้านอนก่อน 4 ทุ่มหรือพักผ่อนให้ครบ 8 ชั่วโมงก็จะช่วยปรับฮอร์โมนให้ดีขึ้นได้
6.ล้างหน้าให้สะอาด
น้ำเปล่าอย่างเดียวไม่สามารถขจัดสิ่งสกปรกที่ตกค้างบนผิวได้ทั้งหมด เนื่องจากน้ำเปล่าสามารถล้างได้เฉพาะสารที่มีโมเลกุลเหมือนกับน้ำเปล่า คือ โมเลกุลขั้วลบมากกว่าขั้วบวก เช่น เหงื่อที่มีเกลือเป็นองค์ประกอบ กรดบนผิวหนัง และฝุ่นละออง แต่ไม่สามารถชำระน้ำมันหรือสารที่ไม่มีขั้วได้ ดังนั้นควรล้างหน้าให้สะอาด อย่างอ่อนโยน วันละ 2 ครั้ง ทั้งตอนเช้าและตอนกลางคืน ด้วยสบู่ที่อ่อนโยนและมีคุณสมบัติในการรักษาสิว หากเพื่อนๆแต่งหน้าก็ควรเช็ดผิวหน้าด้วยคลีนซิ่งร่วมด้วยนะ เพื่อความสะอาดและลดการอุดตันเพิ่มของสิว ทั้งนี้ในระหว่างที่เป็นสิวให้หลีกเลี่ยงการขัดผิวหน้าไปก่อน เพราะการขัดผิวจะทำให้ผิวหน้าระคายเคือง และอาจทำให้สิวหายยากหรือเป็นรอยสิวหนักกว่าเดิม
7.ทายารักษาสิว
เราคงเคยได้ยินว่า ห้ามบีบ กด หรือแกะสิว หลายคนที่มีสิวจึงปล่อยทิ้งไว้และรอให้สิวยุบไปเอง แต่การปล่อยให้เวลาช่วยรักษา อาจได้ผลกับสิวประเภทสิวหัวช้างเท่านั้น หากปล่อยให้ผิวเป็นสิวทิ้งไว้เป็นระยะเวลานาน อาจทำให้ผิวจุดนั้นแข็งเป็นไตขึ้นมา และรักษายากขึ้น สิวฮอร์โมนรักษาได้ด้วยการทายา ดังนั้นเพื่อนๆ สามารถเลือกใช้ยาให้เหมาะกับสภาพผิวหน้าได้เลย มีหลากหลายทั้งแบบโลชั่น หรือครีมทาสิวที่มีคุณสมบัติช่วยลดอาการอักเสบ ด้วยการนำมาแต้มหรือทาเป็นประจำทุกครั้งหลังล้างหน้าหรือตอนที่สิวเริ่มขึ้น เพื่อช่วยบรรเทาอาการสิวให้ทุเลาลง
8.ชาเขียว
รักษาสิวฮอร์โมนได้ รู้ไหมว่า ชาเขียว มีคุณสมบัติช่วยรับมือกับผิวมันและต่อสู้กับสิวได้ เพราะชาเขียวสามารถยับยั้งเอนไซม์ที่ไปกระตุ้นต่อมไขมันผลิตซีบัมได้ดี ซึ่งวิธีก็คือให้ใช้น้ำชาเขียวทาบริเวณหัวสิว ทิ้งไว้ประมาณ 10-20 นาทีแล้วล้างออก หากทำเป็นประจำทุกวัน สิวจะยุบตัวลงได้เร็ว และยังช่วยป้องกันการเกิดสิวใหม่ได้อีกด้วย
9.เลเซอร์รักษาสิว
ใช้เลเซอร์รักษาสิว และทำทรีตเมนต์สำหรับคนเป็นสิว โดยทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งหรือตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อลดอาการหน้ามัน ลดอาการอักเสบของสิว รวมถึงช่วยให้รอยแดงสิวลดลงได้
10.ดื่มน้ำมากๆ
การดื่มน้ำมาก ๆ ไม่เพียงแต่จะทำให้ร่างกายและระบบฮอร์โมนสมดุล แต่ยังช่วยรักษาสิวฮอร์โมน ให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมาน้อยลงด้วย เพราะเมื่อผิวเรามีน้ำมาหล่อเลี้ยงอย่างเพียงพอ ต่อมไขมันก็จะผลิตน้ำมันออกมาน้อยลง ทำให้ลดโอกาสการเกิดสิวได้นั่นเอง
เมื่อเข้าใจสาเหตุและวิธีรักษาสิวฮอร์โมนกันไปแล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลากำราบรักษาสิวฮอร์โมนให้อยู่หมัดโดยไม่ต้องมานั่งปวดใจกับสิวเห่อๆ อีกต่อไปแล้วล่ะ ที่สำคัญอย่าลืมพักผ่อนให้เพียงพอและอย่าเครียดมากเกินไปนะ เดี๋ยวสิวบุกหนักกว่าเดิมแล้วจะหาว่าไม่เตือน