Home School จะเป็นวิธีการเรียนที่คุณพ่อคุณแม่จะเป็นผู้จัดการเรียนการสอนให้กับลูกด้วยตัวเอง ซึ่งจะเป็นการเรียนที่บ้าน เป็นระบบที่มีมานานแล้วและก็ได้การยอมรับ ซึ่งก็มีหลายครอบครัวในต่างประเทศรวมทั้งในประเทศไทยเราเองก็มีการนำระบบนี้มาใช้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นผลักดันความสามารถเฉพาะตัวให้กับเด็ก ๆ มากกว่า ปัจจุบันการเรียนที่บ้านมีบทบาทมากขึ้นเมื่อเข้าสู่วิกฤตของการแพร่ระบาดจากเชื้อไวรัสโควิด19 ซึ่งแน่นอนเป็นความเห็นตรงกันทั้งกับครูและผู้ปกครองว่าควรจะให้เด็กได้เรียนออนไลน์อยู่ที่บ้าน
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
การเรียนแบบ Home School ทำไมจึงได้รับความสนใจ
เป็นการเรียนที่บ้าน ซึ่งถูกจัดเป็นอีกหนึ่งประเภทของการศึกษาในไทย ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ปี พ.ศ. 2542 มาตรา 12 กล่าวว่าผู้ปกครองสามารถจัดระบบการเรียนการสอนในรูปแบบที่เหมาะแก่บุตรหลานของตนที่บ้านได้ โดยไม่จำเป็นต้องไปโรงเรียน ซึ่งจัดว่าเป็นระบบที่ผู้ปกครองให้ความสนใจ อีกทั้งยังสามารถที่จะใช้เวลาดูแลและส่งเสริมอาชีพเฉพาะทางที่ลูกสนใจได้อีกด้วย และยังได้รับการรองรับจากกระทรวงศึกษาธิการเพื่อที่จะใช้ในการเข้าเรียนต่อได้ในอนาคต และในระดับที่สูงขึ้นไปอีกได้
วิธีการจัดสรรเวลาในการเรียนโฮมสคูล


จะเป็นการจัดตารางเวลาให้ลูกทำประจำวันให้ โดยให้อ้างอิงเวลาเรียนที่โรงเรียน กับกิจวัตรประจำวัน การตื่นนอน อาบน้ำ ทานข้าว เรียนและเล่น ตามเวลาที่โรงเรียน ซึ่งผู้ปกครองที่ใช้วิธีโฮมสคูลนี้จะต้องมีเวลาให้กับลูกมากขึ้น ตรวจเช็คการบ้าน จัดสรรเวลา สร้างวินัย กรณีที่ครูให้ตารางสอนมาด้วยก็จะยิ่งช่วยพ่อแม่ได้อีกแรง ส่วนเด็กเล็กวัยอนุบาลหรือประถมต้น คุณพ่อคุณแม่จำเป็นจะต้องช่วยดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะอาจยังไม่สามารถจะวางแผน จัดระเบียบให้กับตัวเองได้
การเรียน Home School ต่างจากเรียนที่โรงเรียนอย่างไร


- การทำการเรียนแบบโฮมสคูลนั้น จะเหมาะสำหรับครอบครัวที่พร้อมจะสนับสนุนและมีความพร้อมมาก ๆ ในการดูแลลูกทั้งด้านเวลา และความตั้งใจอย่างแน่วแน่ในการเตรียมการเรียนการสอนให้กับลูก รวมไปถึงกิจกรรมสำหรับลูกในแต่ละวันอย่างเหมาะสม โดยมีการกำหนดขอบเขตและเวลาในการทำการเรียนที่บ้านในแต่ละวันอย่างชัดเจน
- พ่อแม่สามารถจะสนับสนุนการศึกษาของลูกได้อย่างตรงจุด และเหมาะสมกับลูกที่สุด ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะเกิดจากความต้องการให้ลูกได้รับการสอนในวิชาที่ลูกต้องการจะเป็นมากกว่าระบบการศึกษาในแบบ เรียนรู้ท่องจำ ซึ่งลูกจะไม่สามารถจะเก่งหรือเชี่ยวชาญทุกวิชาที่ครูสอน นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนที่บ้านในหลาย ๆ ประเทศ
- จะต้องมีการปรับเวลาให้ลูกได้พักหรือแทรกกิจกรรมอื่น ตามที่เคยทำที่โรงเรียน แต่อาจแค่ปรับเปลี่ยนสถานที่ในการทำกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมที่ลูกชอบทำคนเดียว หรือจะเล่นกับเพื่อน ๆ พี่น้อง หรือกับคุณพ่อคุณแม่ เกมฝึกสมองเสริมพัฒนาการลูก ซึ่งก็ควรจะให้ลูกได้รู้สึกผ่อนคลาย ได้พูดคุยกับเพื่อนได้ โดยอาจต้องมีสื่อโซเชียลมีเดียมาช่วยบ้าง แต่ก็ต้องปรับรูปแบบและเวลาให้เหมาะสม
- ถึงจะเป็นการเรียนโฮมสคูล เด็ก ๆ ก็ยังต้องออกกำลังกาย โดยคุณพ่อคุณแม่ก็ต้องจัดตารางการออกกำลังกายเข้าไปด้วย แต่อาจจะเป็นการออกกำลังกายง่าย ๆ เช่น แอโรบิค โยคะ เล่นของเล่นเด็กเสริมพัฒนาการ เครื่องเล่นในสนามเด็กเล่นของหมู่บ้าน เล่นกีฬาในร่ม เพื่อไม่ให้เกิดโรคอ้วน เพราะไม่มีการเคลื่อนไหวร่างกายหรือออกกำลังกายเลย อีกทั้งการได้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ยังช่วยพัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่ให้เด็ก ๆ ได้อีกด้วย
ข้อดีข้อเสียของการเรียนที่บ้าน
1. ข้อดี
- ในเมื่อผู้ปกครองได้เข้ามามีส่วนร่วมและสังเกตเห็นการเรียนรู้ของลูกได้อย่างใกล้ชิด จะทำให้รู้ว่าเด็กชอบอะไร มีความสุขกับสิ่งใด จะช่วยพ่อแม่ในการจัดกิจกรรมที่เหมาะสมกับลูกได้ และในเมื่อผู้ปกครองเข้าใจเด็ก ๆ แล้วก็นับเป็นการสร้างพื้นฐานที่ดีในชีวิตของเด็กอีกด้วย
- การเรียนที่บ้านจะช่วยลดค่าใช้จ่ายและลดเวลาการเดินทางที่ต้องใช้ในการเรียนตามระบบ แต่พ่อแม่ต้องเรียนรู้หลักสูตรที่เหมาะสมกับเด็กแต่ละวัย มีความทันสมัยเข้ากับตัวเด็ก โดยอาจจะปรึกษากับครูโดยตรงเพื่อปรับวิชาที่เรียนเป็นไปตามหลักสูตรของเด็ก ๆ หรือไม่
- จะทำให้เด็กกล้าคิดกล้าตัดสินใจมากขึ้น เพราะเด็กจะรู้จักตัวเองและมีประสบการณ์การแก้ปัญหาด้วยตัวเองโดยมีพ่อแม่คอยช่วยเป็นพี่เลี้ยง และคอยสนับสนุน จะทำให้เด็กมีกระบวนการคิดได้มากขึ้น และมีความรับผิดชอบ สามารถจะตัดสินใจทำอะไรด้วยตัวเองมากขึ้น
2. ข้อเสีย
พ่อแม่จำเป็นต้องมีการแบ่งเวลาให้ชัดเจนมากขึ้น หรือเหนื่อยมากขึ้น และต้องฝึกจัดการกับอารมณ์ตัวเองอย่างมาก ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญต่อการเรียนแบบ โฮมสคูล เมื่อต้องพบกับปัญหาลูกไม่รักษาการทำงานตามตาราง เมื่อลูกขาดความตั้งใจในการเรียน รวมไปถึงไม่สามารถทำงานส่งได้ตามตาราง พ่อแม่ก็อาจจะต้องมีความเข้มงวดมากกว่าเดิม ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุที่จะทำให้ลูกเรียนช้ากว่าการเรียนในโรงเรียน และพ่อแม่ควรจะพูดคุยกับลูกเพื่อปรับความเข้าใจและให้มีการยอมรับกติกา ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ลูกได้มีความตั้งใจและพยายามมากขึ้น
เรียนโฮมสคูลแล้วจะทำให้เด็กเข้าสังคมยากไหม?


การให้ลูกเรียนที่บ้าน อาจจะกลัวว่าลูกจะไม่สามารถเข้าสังคมได้ จะไม่รู้จักการปรับตัว ใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นได้ยาก ซึ่งจริง ๆ ปัญหานี้จะพบได้ทุกที่ อาจจะไม่ใช่ปัญหาหลักของการเรียนแบบโฮมสคูล เพราะพ่อแม่สามารถจัดเวลาให้กับลูกได้ ทั้งการเรียนและการใช้เวลาว่าง การทำกิจกรรมกับเพื่อน ๆ ในหมู่บ้าน การพาออกไปเที่ยวได้ตามปกติ ซึ่งในที่สุดแล้วเด็กก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ยังมีเพื่อนเล่น มีเวลาการใช้ชีวิตอยู่กับคนอื่นได้ปกติ
วุฒิการศึกษาของเด็กที่เรียนโฮมสคูลจะได้แบบไหน?
- พ่อแม่สามารถจะทำการจดทะเบียนการศึกษาในเขตที่เราอาศัยอยู่ ผู้ที่ต้องการจดทะเบียนกับเขตการศึกษาจะสามารถทำได้ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงระดับ ม.ปลาย
- สามารถจดทะเบียนการศึกษาได้ตั้งแต่อายุครบ 7 ปี และผู้ปกครองต้องเขียนหลักสูตรที่จะสอนให้กับลูก วิธีการให้คะแนน และจะมีวิธีประเมินลูกอย่างไร
- ทางเขตจะมีการแนะนำหลักสูตรสำหรับการจัดการเรียนการสอนของผู้ปกครองให้อย่างเหมาะสมกับเด็กและเมื่อเด็ก ๆ เรียนผ่านทุกปีพร้อมกับเขตการศึกษาได้รับรายงานผลการเรียนจากพ่อแม่
- ทางเขตจะออกใบประกาศให้ ซึ่งสามารถนำไปใช้สอบได้กับนักเรียนในระบบ และผู้ปกครองก็จะอาจจะได้รับเงินอุดหนุนการศึกษาจากภาครัฐโดยผู้ปกครองจะสอนเอง หรือนำไปจ้างครูมาสอนก็ได้
จะเห็นว่าระบบการเรียนโฮมสคูลไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยาก ขึ้นอยู่กับตัวผู้ปกครองจะเลือกใช้ โดยก็จะต้องประเมินความพร้อมของตนเองเป็นหลัก หากต้องการให้ลูกเรียนที่บ้าน แต่ไม่มีเวลามากพอที่จะดูแลก็จ้างครูมาสอนได้ แต่หากผู้ปกครองมีเวลามากพอและมีความมุ่งมั่นก็สามารถจะจัดการทุกอย่างได้ด้วยตัวเองเลย ซึ่งสุดท้ายแล้วเด็ก ๆ ก็ยังต้องมีความรู้ความสามารถเฉพาะตัว และยังต้องการเป็นส่วนหนึ่งในสังคมอยู่ดี