การเดินทางไกล ไม่ว่าจะเป็นการขับรถกลับบ้านต่างจังหวัดช่วงเทศกาล หรือการท่องเที่ยวพักผ่อนในช่วงวันหยุดยาว ความปลอดภัยบนท้องถนนถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด การ “ตรวจเช็กรถก่อนเดินทางไกล” จึงเป็นขั้นตอนที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากสภาพรถที่ไม่พร้อมใช้งาน บทความนี้จะนำเสนอคู่มือและขั้นตอนเกี่ยวกับการตรวจเช็กสภาพรถยนต์ก่อนออกเดินทางด้วยตนเองแบบง่ายๆแต่ครบครัน พร้อม “วิธีเช็ครถก่อนเดินทางไกล” อย่างละเอียด และแนะนำแหล่งตรวจเช็กรถ ที่ไหนดีอีกด้วย
ทำไมต้องเช็กรถก่อนเดินทางไกล?
ก่อนที่เราจะไปดู “รายการตรวจเช็กรถยนต์” อย่างละเอียด เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าทำไมการเช็ครถก่อนเดินทางไกลจึงมีความสำคัญ
ป้องกันอุบัติเหตุ: สภาพรถที่ไม่พร้อม เช่น ยางรั่ว เบรกมีปัญหา หรือไฟส่องสว่างไม่เพียงพอ อาจนำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรงได้ ลดปัญหาจุกจิกระหว่างทาง: การตรวจเช็กเบื้องต้นจะช่วยลดโอกาสที่รถจะเสียกลางทาง ทำให้เสียเวลาและเสียอารมณ์ ประหยัดค่าใช้จ่าย: การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน เช่น การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามกำหนด จะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถและประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว เดินทางอย่างมั่นใจ: เมื่อรู้ว่ารถอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ก็จะช่วยให้ขับขี่ได้อย่างสบายใจและปลอดภัยตลอดการเดินทาง รายการตรวจเช็กรถยนต์ และ วิธีเช็กรถก่อนเดินทางไกลด้วยตัวเอง ต่อไปนี้เป็น “รายการตรวจเช็กรถยนต์” ที่สำคัญ พร้อม “วิธีเช็ครถก่อนเดินทางไกล” อย่างละเอียดเป็นขั้นตอนที่ให้คุณค่อยๆเช็กตามได้อย่างไม่ยาก ไปดูกันเลย
Cr. unsplash 1 , 2 , 3 , 4 , 5 , 6
1. ยางรถยนต์ ยางเป็นส่วนสำคัญที่สัมผัสกับพื้นถนนโดยตรง การตรวจเช็กยางจึงเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าเป็นเมืองไทย การเช็กยางให้ดีก็จะยิ่งสำคัญในช่วงฤดูฝนเพราะถนนลื่นกว่าปกติ
วิธีเช็กรถ (ยาง) แรงดันลมยาง: ตรวจสอบแรงดันลมยางให้ตรงกับค่าที่กำหนดในคู่มือรถ หรือสติกเกอร์ที่ติดอยู่บริเวณขอบประตูฝั่งคนขับ ควรเช็กขณะยางเย็น (ไม่ได้ผ่านการขับมาระยะหนึ่งจนยางร้อน) ดอกยาง: ตรวจสอบความลึกของดอกยาง โดยใช้เหรียญบาทเสียบเข้าไปในร่องดอกยาง หากเห็นส่วนหัวของเหรียญ แสดงว่าดอกยางตื้นเกินไป ควรเปลี่ยนยางรถยนต์ใหม่ สภาพยาง: ตรวจสอบหารอยแตก รอยบวม หรือรอยฉีกขาดบริเวณหน้ายางที่สัมผัสพื้นถนน และหน้ายางที่อยู่ถัดจากล้อแม็กซ์ของตัวรถ ความสมดุลของล้อ: หากรู้สึกว่าพวงมาลัยสั่นขณะขับขี่ อาจเป็นสัญญาณว่าล้อไม่สมดุล ควรนำรถไปตั้งศูนย์และถ่วงล้อ หรือถ้าอยากอ่านรายละเอียดของคู่มือเช็กยางรถยนต์โดยละเอียด อ่านได้ที่นี่ เลย!
2. ระบบเบรก ระบบเบรกที่ดีมีความสำคัญต่อความปลอดภัยอย่างมาก
วิธีเช็กรถ (เบรก) ระดับน้ำมันเบรก: ตรวจสอบระดับน้ำมันเบรกในกระปุกพักน้ำมันเบรก ให้อยู่ในระดับที่กำหนด โดยกระปุกพักน้ำมันเบรกมักจะเป็นสีขาวขุ่น มีเส้นขอบขีดไว้ว่า Max และ Min ซึ่งระดับน้ำมักเบรกควรจะอยู่ที่ Max นั่นเอง ถ้าอยู่ที่ Min อาจแปลว่าน้ำมันเบรกรั่วและควรเอารถไปเช็กที่อู่หรือศูนย์ก่อน ผ้าเบรก: ตรวจสอบความหนาของผ้าเบรก หากเหลือน้อยกว่า 3 มิลลิเมตร ควรเปลี่ยน หรือถ้าเหยียบเบรกเวลาขับขี่แล้วมีเสียงแหลมหรือไฟเบรกขึ้นสีแดง (สัญลักษณ์ไฟเหมือนไฟเบรกมือ) ควรเข้าอู่หรือศูนย์เพื่อเช็กผ้าเบรก การทำงานของเบรก: ลองเหยียบเบรกขณะรถจอดอยู่ สังเกตว่าเบรกทำงานปกติหรือไม่ หากมีเสียงดังผิดปกติ หรือเบรกไม่อยู่ ควรนำรถไปตรวจสอบ 3. ระบบไฟส่องสว่าง ระบบไฟส่องสว่างที่ครบถ้วนและใช้งานได้ดี ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ โดยเฉพาะในเวลากลางคืนหรือในสภาพอากาศไม่ดี
วิธีเช็ครถก่อนเดินทางไกล (ไฟ): ไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเบรก ไฟเลี้ยว ไฟฉุกเฉิน: ตรวจสอบการทำงานของไฟทุกดวง ว่าติดครบทุกดวงหรือไม่ มีสีที่ถูกต้องทั้งหมดหรือไม่ ไฟตัดหมอก: ตรวจสอบการทำงานของไฟตัดหมอก (ถ้ามี) ไฟส่องป้ายทะเบียน : ตรวจสอบว่าไฟส่องป้ายทะเบียนติดหรือไม่ 4. น้ำมันเครื่องและของเหลวต่างๆ ระดับน้ำมันและของเหลวที่เหมาะสม ช่วยให้เครื่องยนต์และระบบต่างๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีเช็ครถก่อนเดินทางไกล (ของเหลว): น้ำมันเครื่อง : ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง โดยดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องออกมา เช็ดทำความสะอาด เสียบกลับเข้าไปใหม่ แล้วดึงออกมาดู ระดับน้ำมันควรอยู่ระหว่างขีด F (Full) และ L (Low) น้ำยาหล่อเย็น : ตรวจสอบระดับน้ำยาหล่อเย็นในหม้อพักน้ำ ให้อยู่ในระดับที่กำหนด น้ำมันเบรก: ตรวจสอบระดับน้ำมันเบรก (ตามที่กล่าวไว้ในหัวข้อระบบเบรก) น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์: ตรวจสอบระดับน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ (ถ้ามี) น้ำฉีดกระจก: เติมน้ำในกระปุกฉีดกระจกให้เต็ม เติมแค่น้ำเปล่าไม่ต้องผสมสบู่หรือน้ำยาล้างจานเพราะอาจทำให้เป็นคราบเกาะสายยาง หรือน้ำยากัดใบยางปัดน้ำฝนในภายหลังได้ อย่าคิดว่าน้ำฉีดกระจกไม่สำคัญ เพราะถ้าหากน้ำหมดและมีสิ่งสกปรกมาเกาะหน้ากรระจกรทำให้คนขับเสียทัศนวิสัยไป ก็จะทำให้เกิดอันตรายใหญ่ได้ 5. แบตเตอรี่ แบตเตอรี่ที่อยู่ในสภาพดี จะช่วยให้สตาร์ทเครื่องยนต์ได้ง่าย
วิธีเช็ครถก่อนเดินทางไกล (แบตเตอรี่): ขั้วแบตเตอรี่: ตรวจสอบขั้วแบตเตอรี่ว่ามีคราบขี้เกลือหรือไม่ หากมี ควรทำความสะอาด ระดับ น้ำกลั่น (สำหรับแบตเตอรี่แบบเติมน้ำกลั่น): ตรวจสอบระดับน้ำกลั่น ให้อยู่ในระดับที่กำหนด 6. ที่ปัดน้ำฝน ที่ปัดน้ำฝนที่อยู่ในสภาพดี ช่วยให้มองเห็นทัศนวิสัยได้ชัดเจนขณะฝนตก
วิธีเช็กรถ (ที่ปัดน้ำฝน): สภาพใบปัดน้ำฝน: ตรวจสอบสภาพใบปัดว่ามีรอยแตกหรือฉีกขาดหรือไม่ ลองฉีดน้ำแล้วปัดดู ว่าปัดสะอาดหรือไม่ หากปัดแล้วแต่ไม่สะอาดเป็นไปได้ว่ายางเสื่อมสภาพ ให้ซื้อที่ปัดน้ำฝน ใหม่มาเปลี่ยนก่อนออกเดินทาง 7. ระบบช่วงล่าง ระบบช่วงล่างที่ดี ช่วยให้การขับขี่นุ่มนวลและควบคุมรถได้ง่าย
วิธีเช็ครถก่อนเดินทางไกล (ช่วงล่าง): การทรงตัวของรถ: สังเกตการทรงตัวของรถขณะขับขี่ หากรถโคลงเคลงมากผิดปกติ หรือมีเสียงดังขณะขับผ่านทางขรุขระ ควรนำรถไปตรวจสอบ 8. ระบบปรับอากาศ ระบบปรับอากาศที่ทำงานได้ดี ช่วยให้การเดินทางสบายยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อน
วิธีเช็กรถ (แอร์): ความเย็นของแอร์: ตรวจสอบความเย็นของแอร์ ว่าเย็นปกติหรือไม่ หากไม่เย็นอาจต้องตรวจเช็กระดับของน้ำยาแอร์อีกครั้ง ลมแอร์: ตรวจสอบว่าลมแอร์แรงปกติหรือไม่ แผ่นกรองแอร์: ถ้ารู้สึกว่าแอร์ไม่เย็น และไม่ได้ตรวจเช็กสภาพรถนานแล้ว แผ่นกรองแอร์อาจกรองและสะสมฝุ่น กระดาษ เศษใบไม้ เข้ามาติดคอยล์เย็นและทำให้แอร์ไม่เย็นก็เป็นได้ หากเช็กแล้วกรองแอร์ดำ ลองซื้อไส้กรองแอร์ มาเปลี่ยนดู 9. อุปกรณ์ฉุกเฉินติดรถ เตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉินติดรถไว้ เผื่อกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน หรือดูรายชื่ออุปกรณ์ฉุกเฉินติดรถทั้งหมดได้ที่ Blog นี้
รายการอุปกรณ์ฉุกเฉิน: แม่แรงและอุปกรณ์เปลี่ยนยาง สายพ่วงแบตเตอรี่ ไฟฉาย ชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้น ป้ายสัญญาณฉุกเฉิน 10. เอกสารประจำรถ ตรวจสอบเอกสารประจำรถให้พร้อม รวมไปถึงเบอร์โทรฉุกเฉินหากเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันด้วยเช่นกัน
รายการเอกสาร: ใบขับขี่ สำเนาทะเบียนรถ พรบ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ประกันภัยรถยนต์ (ถ้ามี) รายชื่อเบอร์โทรฉุกเฉินบนท้องถนน ซึ่งสามารถแคปหน้าจอรูปดังต่อไปนี้ได้จาก รวมเบอร์ฉุกเฉินเมื่อเดินทางบนท้องถนน ควรมีติดตัวไว้ Cr. ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย
ตรวจเช็กรถก่อนเดินทางไกล ที่ไหนดี? เมื่อเราทราบ “วิธีเช็ครถก่อนเดินทางไกล” และ “รายการตรวจเช็กรถยนต์” แล้ว หลายคนอาจกำลังคิดว่า เอาไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบโดยละเอียดทั้งหมดก็น่าจะดี ดังนั้นเราก็เลยรวบรวมมาให้แล้วว่า “ตรวจเช็ครถก่อนเดินทางไกล ที่ไหนดี” ในประเทศไทย มีตัวเลือกมากมายให้เลือก ขึ้นอยู่กับความสะดวกและงบประมาณ
1. ศูนย์บริการของยี่ห้อรถ
ข้อดี: มีช่างผู้ชำนาญเฉพาะทาง มีความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับรถยนต์ยี่ห้อนั้นๆ เป็นอย่างดี ใช้อะไหล่แท้ ได้มาตรฐาน มั่นใจได้ในคุณภาพการบริการ ข้อเสีย: ค่าใช้จ่ายอาจสูงกว่าอู่ซ่อมทั่วไป และอาจต้องจองคิวล่วงหน้า เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการความมั่นใจสูงสุด และต้องการใช้อะไหล่แท้ 2. อู่ซ่อมรถทั่วไป
ข้อดี: มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งอู่ขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ราคาอาจย่อมเยากว่าศูนย์บริการ ข้อเสีย: คุณภาพการบริการอาจแตกต่างกันไป ควรเลือกอู่ที่มีชื่อเสียงและได้รับความไว้วางใจ เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย และมีอู่ประจำที่ไว้วางใจอยู่แล้ว 3. ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร
ตัวอย่าง: B-Quik, Cockpit, Auto1 (ในเครือไทวัสดุ) ข้อดี: มีบริการตรวจเช็กและบำรุงรักษารถยนต์หลากหลาย ครอบคลุมทุกด้าน สะดวก รวดเร็ว มีสาขาให้บริการทั่วประเทศ บางแห่งมีบริการตรวจเช็กฟรี ข้อเสีย: อาจไม่เชี่ยวชาญเฉพาะทางเท่าศูนย์บริการของยี่ห้อรถ เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว และบริการที่ครบวงจร 4. ร้านยางรถยนต์
ตัวอย่าง: Bridgestone, Michelin, Goodyear ข้อดี: เชี่ยวชาญด้านยางรถยนต์โดยเฉพาะ ให้คำแนะนำและบริการเกี่ยวกับยางได้อย่างดี ข้อเสีย: อาจให้บริการด้านอื่นๆ ไม่ครอบคลุมเท่าศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการตรวจเช็กสภาพยางรถยนต์เป็นพิเศษ เคล็ดไม่ลับในการเลือกตรวจเช็กรถก่อนเดินทางไกล ที่ไหนดี สอบถามจากคนรู้จัก: สอบถามเพื่อนหรือคนในครอบครัวที่มีประสบการณ์ในการใช้บริการอู่ซ่อมรถหรือศูนย์บริการต่างๆในบริเวณพื้นที่ที่ไม่ไกลจากบ้านของคุณนัก อ่านรีวิวออนไลน์: อ่านรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงในเว็บไซต์ของร้าน ใน Google Maps หรือ โซเชียลมีเดีย เปรียบเทียบราคาและบริการ: เปรียบเทียบราคาและบริการของแต่ละแห่ง ก่อนตัดสินใจ เลือกสถานที่ที่สะดวก: เลือกสถานที่ที่เดินทางสะดวก ใกล้บ้านหรือใกล้ที่ทำงาน ตัวอย่างสถานที่ตรวจเช็กรถในประเทศไทย ศูนย์บริการของยี่ห้อรถ: เช่น ศูนย์บริการ Toyota, Honda, Isuzu, Mazda, Nissan เป็นต้น ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร: B-Quik, Cockpit, Auto1 (ในเครือไทวัสดุ), FIT Auto ร้านยางรถยนต์: Bridgestone, Michelin, Goodyear, YOKOHAMA อู่ซ่อมรถทั่วไป: มีอยู่ทั่วประเทศ ควรเลือกอู่ที่มีชื่อเสียงและได้รับความไว้วางใจ ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมในการตรวจเช็กรถยนต์ ควรนัดหมายล่วงหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงก่อนเทศกาลหรือวันหยุดยาวที่น่าจะมีผู้ใช้บริการจำนวนมาก สอบถามรายละเอียดการตรวจเช็กและค่าใช้จ่ายให้ชัดเจนก่อนเข้ารับบริการ เก็บใบเสร็จไว้เป็นหลักฐาน หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจเลือกสถานที่ “ตรวจเช็กรถก่อนเดินทางไกล ที่ไหนดี” นะคะ ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพค่ะ!