ทุกคนรู้จัก Global Warming หรือ ภาวะโลกร้อน กันดี ว่าการใช้ชีวิตแบบไม่สนใจสิ่งแวดล้อมและทำลายชั้นบรรยากาศโลกของมนุษย์ กำลังทำลายโลกใบนี้อย่างช้าๆและต่อเนื่อง โลกยืนอยู่ในหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญเพราะต้องการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมถูกทำลายอย่างเร่งด่วน การแสวงหาและคิดค้นนวตกรรมหรือการกระทำต่างๆที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจึงมีมากขึ้น แนวคิดของ car-free day หมายถึง วันปลอดรถ จึงได้กลายมาเป็นหนึ่งไอเดียแห่งความหวัง เพราะเมื่อคนไม่ใช่รถยนต์ส่วนตัวซึ่งส่วนมากเป็นรถยนต์สันดาปที่เผาไหม้น้ำมันฟอลซิลและสร้างมลพิษให้บรรยากาศ โลกก็จะถูกทำลายช้าลง วันปลอดรถยนต์เป็นวันพิเศษของชุมชนที่ทุนคนต้องเคารพกฎและทำตาม แสดงถึงก้าวย่างเชิงสัญลักษณ์ไปสู่อากาศที่สะอาดขึ้น ชุมชนที่มีสุขภาพดีขึ้น และคาร์บอนฟุตปริ้นต์ลดลง ในบทความนี้ เราจะมารู้จัก ความหมาย ที่มา ประโยชน์ Car Free Day ตรงกับวันไหน และมีที่ไหนในโลกเค้าทำกันอย่างไรบ้างในวันปลอดรถยนต์
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
ต้นกำเนิดและจุดประสงค์ของวันปลอดรถยนต์ย้อนไปถึงการเคลื่อนไหวระดับรากหญ้าที่ได้รับแรงผลักดันในปลายศตวรรษที่ 20 เกิดจากความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความแออัดของเมือง มลพิษทางอากาศ และสิ่งแวดล้อมจากการใช้รถยนต์มากเกินไป Car-Free Day กลายเป็นแนวคิดที่ปฏิวัติวงการในทศวรรษที่ 1990 แนวคิดเริ่มต้นนั้นเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง: จัดสรรวันใดวันหนึ่งซึ่งบุคคลและชุมชนจะงดใช้ยานพาหนะส่วนตัวโดยสมัครใจ โดยเลือกใช้รูปแบบการขนส่งที่ยั่งยืนกว่าแทน เช่น การเดิน การขี่จักรยาน หรือการขนส่งสาธารณะ
จุดประสงค์หลักของ Car-Free Day นั้นเป็นมากกว่าการจัดอีเวนต์ให้มีกิจกรรมหนึ่งวัน แต่ทำหน้าที่เป็นเวทีที่มีอิทธิพลในการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับผลร้ายของสังคมที่รถยนต์ครอบงำ และเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงระยะยาวในการวางผังเมืองและพฤติกรรมส่วนบุคคล ความคิดริเริ่มนี้มุ่งมั่นที่จะท้าทายวัฒนธรรมรถยนต์เป็นศูนย์กลาง กระตุ้นการอภิปรายเกี่ยวกับตัวเลือกการขนส่งทางเลือก และท้ายที่สุด วันคาร์ฟรีเดย์ คือกิจกรรมที่จะปูทางไปสู่เมืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ผู้คนมีสุขภาพดีขึ้น และน่าอยู่มากขึ้น
ประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของวัน car-free day วันปลอดรถยนต์ มีมากกว่าการกระทำเชิงสัญลักษณ์ของการงดเว้นจากการขับรถเพียงวันเดียว การปรากฏตัวของยานพาหนะที่แพร่หลายบนท้องถนนของเรามีส่วนอย่างมากต่อมลพิษทางอากาศและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งส่งผลให้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศรุนแรงขึ้นและก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพอย่างมากต่อบุคคลและชุมชน ในใจกลางเมือง การปล่อยมลพิษจากยานพาหนะจะปล่อยสารก่อมลพิษ รวมทั้งไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) ฝุ่นละออง (PM) และสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) มลพิษเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำให้คุณภาพอากาศเสื่อมโทรม แต่ยังก่อให้เกิดโอโซนและหมอกควันในระดับพื้นดิน ซึ่งเชื่อมโยงกับโรคระบบทางเดินหายใจ ปัญหาหัวใจ และการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร
การลดการใช้รถยนต์สันดาปแม้เพียงวันคาร์ฟรีเดย์วันเดียวสามารถนำไปสู่การปรับปรุงคุณภาพอากาศได้อย่างน่าทึ่งและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) มลพิษทางอากาศภายนอกเป็นปัญหาสุขภาพสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ ซึ่งเป็นสาเหตุให้มีผู้เสียชีวิตก่อนวัยอันควรประมาณ 4.2 ล้านคนทั่วโลกในแต่ละปี ด้วยการเลือกโหมดการขนส่งอื่นในวันปลอดรถยนต์ เช่น การเดินหรือการขี่จักรยาน บุคคลต่างๆ สามารถช่วยลดการปล่อยมลพิษจากยานพาหนะได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งต่อมาทำให้คุณภาพอากาศดีขึ้นและลดความเสี่ยงต่อโรคระบบทางเดินหายใจ
จากการศึกษาพบว่ากิจกรรม Car-Free Day เพียงงานเดียวสามารถให้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ ตัวอย่างเช่น แคมเปญ “In town without my car!” ที่ริเริ่มในปารีส ในปี ค.ศ. 2005 โดยจัดกิจกรรมปลอดรถยนต์ในวันนี้วันเดียวพร้อมกันใน 1500 เมืองทั่วโลก มีผู้ร่วมกิจกรรมมากกว่า 100 ล้านคน ทำให้ระดับไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) ลดลง 40% และมลพิษทางเสียงลดลง 50% ในวันปลอดรถยนต์ที่กำหนด หรือในเมืองที่พลุกพล่านอย่างจาการ์ตา กิจกรรมคาร์ฟรีเดย์ที่คล้ายกันส่งผลให้ระดับฝุ่นละออง (PM10) ลดลง 30% และคุณภาพอากาศโดยรวมดีขึ้น
นอกจากนี้ ประโยชน์ของวันปลอดรถยนต์ยังขยายไปสู่สุขภาพของประชาชน ส่งผลดีต่อความเป็นอยู่ที่ดีของแต่ละคน มลพิษทางอากาศที่ลดลงอันเป็นผลจากการใช้รถยนต์ที่ลดลงส่งผลให้โรคระบบทางเดินหายใจลดลง เช่น โรคหอบหืดและโรคหลอดลมอักเสบ โดยเฉพาะในกลุ่มประชากรที่เปราะบาง เช่น เด็กและผู้สูงอายุ นอกจากนี้ Car-Free Day สามารถช่วยลดมลพิษทางเสียง ส่งผลให้ระดับความเครียดลดลงและสุขภาพจิตโดยรวมของคนโดยรอบดีขึ้น
การวิจัยระบุว่าการใช้รูปแบบการขนส่งทางเลือก เช่น การเดินหรือขี่จักรยาน สามารถนำไปสู่สมรรถภาพหัวใจและหลอดเลือดที่ดีขึ้น และลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง การออกกำลังกายที่เพิ่มขึ้นที่เกี่ยวข้องกับรูปแบบการขนส่งดังกล่าวช่วยส่งเสริมสุขภาพของหัวใจ ลดอุบัติการณ์ของโรคอ้วน และเพิ่มความเป็นอยู่ที่ดีโดยรวม การเข้าร่วม Car-Free Day ทำให้บุคคลต่างๆ ได้มีโอกาสสัมผัสกับประโยชน์ด้านสุขภาพเหล่านี้โดยตรง ในขณะเดียวกันก็สนับสนุนอากาศที่สะอาดขึ้นและอนาคตของเมืองที่ยั่งยืนมากขึ้น
วันที่ 22 กันยายน เป็น World Car-Free Day หรือ วันปลอดรถโลก
อย่างไรก็ตาม ตามความจริงแล้ว วันปลอดรถยนต์ไม่ใช่วันที่แน่นอนวันเดียวกันทั่วโลก วันจะแตกต่างกันไปในแต่ละเมืองและแต่ละประเทศ ภูมิภาคและเทศบาลต่างๆ จะเลือกวันที่สำหรับวันปลอดรถยนต์ของตนเองโดยพิจารณาจากความคิดริเริ่ม เป้าหมาย และการพิจารณากำหนดการในท้องถิ่นของตน ในหลายๆที่ กิจกรรมวันปลอดรถยนต์จะจัดขึ้นในวันใดวันหนึ่งของสัปดาห์ เช่น วันอาทิตย์ เพื่อลดความไม่สะดวกในการเดินทางเพื่อทำกิจกรรมปกติ เช่นการเดินทางไปทำงานของคนส่วนมากในวันจันทร์-ศุกร์
สำหรับวันที่ 22 กันยายน ของทุกปี ถูกกำหนดขึ้นเป็นวันคาร์ฟรีเดย์ ของโลก เนื่องจากองค์กรณ์เครือข่ายปลอดรถโลกในยุโรปได้ผลักดันให้มีวันปลอดรถโลกขึ้นมาเพื่อให้สอดคล้องกับกิจกรรมนี้ที่มีอยู่แล้วในยุโรป และเพื่อรณรงค์ให้ชุมชนและประชาชนทั่วโลกจัดกิจกรรมนี้ด้วย ซึ่งเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2543 ที่ผ่านมา
หากต้องการทราบวันคาร์ฟรีเดย์ในเมืองหรือประเทศที่เฉพาะเจาะจง คุณจะต้องค้นหาข้อมูลเพื่อตรวจสอบกับหน่วยงานรัฐบาลท้องถิ่น หน่วยงานขนส่ง หรือองค์กรด้านสิ่งแวดล้อม โดยทั่วไปแล้วพวกเขาจะประกาศวันที่และรายละเอียดของกิจกรรม Car-Free Day ล่วงหน้าเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนและสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับตัวเลือกการขนส่งที่ยั่งยืน เช่น รถประจำทาง รถไฟ หรือ รถราง
Credit: สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำหรับเมืองไทยยังไม่มีกิจกรรม คาร์ฟรีเดย์ อย่างเป็นทางการที่รู้จักและทำตามกันอย่างแพร่หลายในทุกปีเพื่อช่วยลดมลพิษและโลกร้อน แต่มีการจัดกิจกรรมเป็นครั้งๆไป เช่น กิจกรรม Bangkok Car-Free Day ที่ กทม. , องค์กรภาครัฐ และหน่วยงานเอกชน อย่าง สสส. และ Greenpeace จัดกิจกรรมในวันสุดสัปดาห์ที่ใหล้วันที่ 22 กันยายน โดยในปี พ.ศ. 2550, 2551 นั้นมีกิจกรรมรวมคนขี่จักรยาน อีกทั้งยังแปรขบวนเพื่อจัดแถวเป็นรูปแผนที่ประเทศไทย อีกกิจกรรมที่ใกล้เคียงก็มีบริเวณสยามสแควร์ที่ปิดบางซอยเพื่อสร้างเป็นถนนคนเดินในวันเสาร์-อาทิตย์ ก็คือเป็นคาร์ฟรีเดย์เล็กๆที่ทำให้มีพื้นที่คนเดิน ทำกิจกรรมสร้างสรรค์ และลดการใช้รถได้บ้างเช่นกัน
ตัวอย่างกิจกรรม Car-Free Day ในเมืองและประเทศต่างๆ
ตัวอย่างเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงกิจกรรม Car-Free Day ทั่วโลก โดยแต่ละงานมีแนวทางที่เป็นเอกลักษณ์ในการส่งเสริมการขนส่งที่ยั่งยืนและลดการใช้รถยนต์เพื่อประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน
ในหลายกรณี โครงการ Car-Free Day มุ่งเน้นไปที่การลดการใช้รถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินหรือดีเซลแบบดั้งเดิมที่ปล่อยมลพิษทางอากาศ รถยนต์ไฟฟ้า มักเรียกกันว่า “อีโคคาร์” (Eco car) เนื่องจากปล่อยไอเสียต่ำหรือเป็นศูนย์ โดยทั่วไปถือว่าเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า ดังนั้น การขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าในวันปลอดรถยนต์จะสอดคล้องกับเป้าหมายที่ครอบคลุมในการลดมลพิษทางอากาศและส่งเสริมการขนส่งที่ยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม แนวทางปฏิบัติและกฎเฉพาะของกิจกรรมวันคาร์ฟรีเดย์ แต่ละงานอาจแตกต่างกันไป โครงการ Car-Free Day บางโครงการอาจอนุญาตให้รถยนต์ไฟฟ้าเข้าร่วมได้ ก็คือยังขับรถยานพาหนะไฟฟ้าได้ปกติ เนื่องจากมีส่วนช่วยลดมลพิษทางอากาศและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แต่สำหรับบางสถานที่ อาจไม่อนุญาตแม้กระทั่งการขับ eco car เพื่อกระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมใช้โหมดการขนส่งที่ไม่ใช้เครื่องยนต์ทั้งหมด เช่น การเดิน การขี่จักรยาน และการขนส่งสาธารณะ
ข้อสำคัญคือต้องตรวจสอบแนวทางปฏิบัติและข้อบังคับที่กำหนดโดยผู้จัดงาน Car-Free Day ในพื้นที่ เพื่อตรวจสอบว่าพื้นที่นั้นอนุญาตให้ขับขี่อีโค่คาร์ในวันนั้นได้หรือไม่
โดยสรุปแล้ว ประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของวันคาร์ฟรีเดย์นั้นมีหลากหลายแง่มุมและมีผลกระทบ ด้วยการจัดการกับความท้าทายสองประการของมลพิษทางอากาศและผลกระทบต่อสุขภาพ วันปลอดรถจึงเป็นขั้นตอนเชิงรุกในการสร้างชุมชนที่มีสุขภาพดีขึ้น เป็นกิจกรรมที่ทำให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการทำให้โลกและชุมชนดีขึ้น และร่วมสร้างอนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสำหรับคนรุ่นต่อๆ ไปด้วยกัน ถ้าคุณใช้รถอยู่ล่ะก็ อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมวัน car free day หรือถ้าให้ดียิ่งกว่า ไม่ต้องรอวัน แต่เลือกใช้ช่องทางรถสาธารณะเดินทางสลับบ้าง แค่นี้คุณก็มีส่วนช่วยโลกแล้วล่ะ!
Credit: ทรูปลูกปัญญา
เคยรู้สึกไหมว่าทำไมรถรกจังเลย! ข้าวของในรถก็มีมากมายทำให้วางอะไรก็ไม่เป็นระเบียบ เวลาจะหาของอะไรแต่ละอย่างก็ไม่ค่อยจะเจอ เวลาซื้อของมากินก็ไม่มีที่วาง ทำให้กินไม่ถนัดหกเลอะเทอะไปหมด ต้องบอกเลยว่าหลายคนใช้เวลาอยู่บนรถเป็นเวลานานจนรถยนต์แทบจะเป็นบ้านหลังที่สองเลย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่โยนสัมภาระข้าวของเพื่ออำนวยความสะดวกมากมายมาไว้ที่รถยนต์ จนทำให้รถดูรกไปหมดเลย วันนี้ Shopee จึงอยากจะมาแนะนำ 8 สุดยอดไอเทม จัดของในรถที่ช่วยให้จัดระเบียบสัมภาระภายในรถยนต์ให้หยิบใช้ง่ายและประหยัดพื้นที่ใช้สอยในรถยนต์ ไม่รอช้าตามเราไปดูกันเลย…
ปัญหามลพิษทางอากาศ อีกหนึ่งปัญหาที่หลายคนจะต้องพบเจอเป็นประจำทุกวันและเป็นปัญหาที่หลีกเลี่ยงได้ยาก ไม่ว่าจะฝุ่น PM 2.5 ควันรถ ควันพิษ หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ เมื่อสูดดมเข้าสู่ร่างกายทุกวันก็อาจจะส่งผลต่อสุขภาพได้ โดยเฉพาะใครที่ต้องอยู่บนรถยนต์นานวันละหลายชั่วโมง หากภายในรถยนต์สกปรกหรือว่ามีอากาศไม่สะอาดบริสุทธ์ย่อมจะส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ในระยะยาวและยังทำให้ความสุขในการขับขี่ลดลงด้วย ดังนั้นจึงควรมีเครื่องฟอกอากาศในรถ ช่วยกรองอากาศ ดักจับฝุ่น…
เมื่อพูดถึงอุปกรณ์ฉุกเฉินที่รถยนต์ทุกคันควรจะต้องมี หลายคนอาจนึกถึงอุปกรณ์ กล้องติดรถยนต์ ยางอะไหล่สำรอง ปั๊มลมพกพา สายพ่วงแบตเตอรี่ ไฟฉาย และอุปกรณ์อื่น ๆ แต่อีกอุปกรณ์หนึ่งที่สำคัญและควรต้องมีติดรถยนต์ไว้เลยอีกอย่างนั่นก็คือ ค้อนทุบกระจก เป็นอุปกรณ์ฉุกเฉินติดรถยนต์ที่ไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน เช่น เมื่อรถประตูรถล็อกไม่สามารถเปิดออกได้ หรือรถยนต์เกิดอุบัติเหตุจมน้ำ…
พรมปูพื้นรถยนต์ อีกหนึ่งอุปกรณ์จำเป็นรถยนต์ทุกคันควรต้องมี! เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มความสวยงามและความหรูหราให้กับรถยนต์แล้ว ก็สามารถช่วยดักจับฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกที่ติดมากับรองเท้า เพื่อช่วยให้การขับขี่รถยนต์เป็นไปอย่างปลอดมากยิ่งขึ้น รวมถึงป้องกันการลื่นเวลาก้าวเท้าเข้าสู่ตัวรถยนต์ หากไม่มีผ้ายางรองพื้นรถยนต์หรือพรมรถยนต์ก็จะทำให้ในรถมีฝุ่นและสิ่งสกปรกต่าง ๆ นอกจากนี้ยังช่วยถนอมพื้นรถด้านในให้ดูสะอาดอีกด้วย ซึ่งปัจจุบันพรมปูพื้นรถยนต์มีด้วยกันหลากหลายรูปแบบ ทำให้ผู้ใช้งานรถยนต์มีตัวเลือกมากขึ้น และบทความนี้ Shopee อยากมาจะบอกถึงความสำคัญและประโยชน์ของพรมรถยนต์ วิธีการเลือก…
ใครบอกว่าไปสวนสัตว์ต้องแต่งตัวธรรมดา เตรียมตะลุยสวนสัตว์กับ 7 ลุคสุดปังที่จะทำให้คุณกลายเป็นแฟชั่นนิสต้าตัวแม่! พร้อมบอกเคล็ดลับการแต่งตัวไปสวนสัตว์ให้เหมาะกับกิจกรรมต่าง ๆ ในสวนสัตว์ เพื่อการเคลื่อนไหวได้คล่องตัวในทุกโซน พร้อมสนุกไปกับการผจญภัยในโลกของสัตว์แบบไม่มีอะไรมาขวางกั้น! คู่มือแต่งตัวไปสวนสัตว์อย่างไรให้คล่องตัว 1. หลีกเลี่ยงสีสันฉูดฉาด: เช่น สีแดง เนื่องจากสีที่สดใสฉูดฉาดอาจดึงดูดความสนใจของสัตว์…
ในช่วงฤดูฝนหรือเวลาที่เกิดน้ำท่วมฉับพลัน บ้านเรือนและทรัพย์สินมักเสี่ยงต่อการถูกน้ำท่วมได้ง่าย ๆ การมีอุปกรณ์ป้องกันน้ำท่วมที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณสามารถปกป้องทรัพย์สินและลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ แน่นอนว่าการป้องกันน้ำท่วมนั้นสามารถเตรียมการได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ และไม่ควรเตรียมตัวในวินาทีสุดท้าย เพราะหากไม่ได้เตรียมตัวไว้ และอยู่ในพื้นที่เสี่ยง ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นอาจจะสูงกว่าค่าใช้จ่ายที่ลงทุนไปกับการซื้ออุปกรณ์ป้องกันน้ำท่วม ดังนั้น ในบทความนี้ Shopee Blog จะมาแนะนำ…